11 มี.ค. 2024 เวลา 02:36 • ประวัติศาสตร์

“คดีการตายปริศนา Dyatlov” คดีปริศนาของกลุ่มนักปีนเขา

ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) นักปีนเขาจำนวน 10 คนได้เดินทางขึ้นไปยังเทือกเขาอูราล (Ural Mountains) ในรัสเซีย
ในระหว่างการเดินทาง หนึ่งใน 10 ได้หันหลัง เดินทางกลับมาก่อนเนื่องด้วยปัญหาด้านสุขภาพ เหลือเพียงเก้าคนที่ยังเดินทางต่อไป
และจากนั้น ก็ได้เกิดคดีปริศนาที่ยังเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้
เทือกเขาอูราล (Ural Mountains)
เรื่องราวเป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
“เส้นทาง Dyatlov” เป็นเส้นทางหนึ่งในเทือกเขาอูราล ตั้งชื่อตามผู้นำกลุ่มนักปีนเขาในคดีนี้ นั่นคือ “Igor Dyatlov”
Dyatlov เป็นนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมในรัสเซีย และเขาก็ได้วางแผนที่จะเดินทางขึ้นไปสำรวจเทือกเขาอูราลร่วมกับเพื่อนนักศึกษาอีกแปดคน ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ในวัย 20 ต้นๆ และต่างก็เป็นนักปีนเขามากประสบการณ์ ร่วมด้วยผู้ฝึกสอนกีฬาวัย 30 ปลายๆ อีกหนึ่งคนที่ร่วมเดินทางไปด้วย
หลังจากออกเดินทางไปได้ห้าวัน หนึ่งในกลุ่มนี้ นั่นคือ “Yuri Yudin” ได้ตัดสินใจจะเดินทางกลับเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งหาก Yudin ไม่กลับมาก่อน เขาก็อาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย นั่นก็เพราะเมื่อราววันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) นักปีนเขาทั้งเก้าคนนี้ได้ตั้งแคมป์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะไม่ได้กลับมาอีกเลย
Igor Dyatlov
เมื่อทั้งกลุ่มได้หายตัวไปและไม่ส่งสัญญาณกลับมาเลย ทีมสำรวจจึงได้ออกตามหา ก่อนจะพบซากเต้นท์ที่ถูกหิมะกลบฝัง พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของนักปีนเขา
มีการสำรวจพบรองเท้าบู๊ท เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ในเต้นท์ อีกทั้งยังมีอาหารใส่จานวางอยู่บนโต๊ะ ดูราวกับกลุ่มนักปีนเขากำลังจะทานอาหาร
ตัวเต้นท์นั้นมีรอยกรีด ก่อนจะตรวจสอบพบว่ามีคนที่กรีดเต้นท์ออกมาจากด้านใน
สองร่างแรกที่ทีมค้นหาได้พบก็คือร่างของนักศึกษาที่ชื่อ “Yuri Doroshenko” และ “Yuri Krivonishchenko” ซึ่งอยู่ห่างจากเต้นท์ไปประมาณ 100 หลา โดยศพทั้งคู่นั้นนอนเปลือยกาย เหลือเพียงชุดชั้นใน นอนอยู่ข้างๆ เศษซากกองไฟ
จากการชันสูตรศพ พบว่า Krivonishchenko มีรอยไหม้บนร่างกาย และในปากก็มีชิ้นเนื้ออยู่ โดยชิ้นเนื้อนั้นก็คือเศษเนื้อจากมือของตนเองที่ตนเองนั้นกัด
ทีมค้นหาพบร่างของ Dyatlov และ “Zinaida Kolmogorova” และจากร่องรอย ก็บอกได้ว่าทั้งคู่กำลังเดินกลับค่าย รวมทั้งยังพบร่างของ “Rustem Slobodin” ซึ่งก็กำลังหาทางกลับค่ายเช่นกัน
นักศึกษาทั้งหมดที่เสียชีวิตต่างเสียชีวิตจากภาวะตัวเย็น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมแปลกๆ ได้ เช่น แก้ผ้าทั้งๆ ที่อากาศนั้นหนาวเย็นแต่กลับรู้สึกร้อน
1
แต่อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีกสี่คนที่ยังไม่พบศพ
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) เมื่อหิมะในบริเวณนั้นเริ่มละลาย ชนเผ่าพื้นเมืองในแถบน้้นก็พบร่างที่เหลือในหลุมหิมะ
ร่างสามร่างไม่ได้เสียชีวิตจากภาวะตัวเย็น โดย Thibeaux-Brignolle นั้นกะโหลกร้าว ส่วน Zolotaryov และ Dubinina นั้นหน้าอกถูกบดจนแหลก ตาก็หายจากเบ้า และ Dubinina นั้นก็ลิ้นขาดอีกด้วย
1
การสืบสวนนั้นไม่มีความคืบหน้า ไม่มีใครทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นทีมสืบสวนจึงปิดคดีด้วยการสรุปว่านักปีนเขาต่างเสียชีวิตจาก “ภัยธรรมชาติ”
แต่ถึงอย่างนั้น ชาวรัสเซียหลายคนก็สงสัยว่าบางที รัฐบาลรัสเซียอาจจะกำลังปิดบังความจริงบางอย่าง โดยจากข้อมูลนั้น พบว่าบนเสื้อผ้าของศพที่พบบางศพก็มีกัมมันตภาพรังสีติดอยู่ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าหรือนักปีนเขากลุ่มนี้อาจจะเสียชีวิตจากเหตุการทดลองอาวุธบางอย่าง
1
กัมมันตภาพรังสีนั้นอาจจะอธิบายได้จากความจริงที่ว่าหากย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนเหตุการณ์นี้ ได้เกิดเหตุการณ์หายนะทางนิวเคลียร์ในแถบนี้ และหนึ่งในนักปีนเขาก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีกัมมันตภาพรังสี ส่วนอีกรายก็เคยช่วยในการเคลียร์พื้นที่หลังเหตุการณ์นิวเคลียร์ ทำให้ทั้งคู่อาจจะมีกัมมันตภาพรังสีติดอยู่
แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังสงสัยว่ารัฐบาลกำลังปิดบังความจริงบางอย่าง ได้เกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ถูกสัตว์ประหลาดโจมตี หรืออาจจะมีเจ้าหน้าที่เคจีบีหรือเอฟบีไอเข้ามาเกี่ยงข้อง
แต่ในปีค.ศ.2019 (พ.ศ.2562) ก็ได้มีการศึกษาและวิเคราะห์เหตุการณ์นี้อีกครั้ง และก็ได้เกิดทฤษฎีใหม่ที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่าทฤษฎีอื่นๆ
บนพื้นที่ที่กลุ่มนักปีนเขากางเต้นท์นั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดหิมะถล่ม และเป็นไปได้ที่กลุ่มนักปีนเขาจะเกรงว่าหิมะจะถล่มลงมาในไม่ช้า จึงรีบตัดเปิดเต้นท์ออกมา และรีบหนีออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้เก็บของ
เป็นไปได้ว่ากลุ่มนักปีนเขาจะหนีไปยังจุดที่คาดว่าปลอดภัยแล้ว จึงก่อกองไฟและขุดหลุมหิมะ หากแต่หลุมหิมะก็เกิดถล่มลงมา ทำให้มีคนเสียชีวิตดังจะเห็นได้จากบางศพที่มีร่องรอยบาดเจ็บ ส่วนเรื่องลูกตากับลิ้นที่หายไปนั้น ก็เป็นไปได้ว่าสัตว์ที่อาศัยในแถบนั้นอาจจะมากัดกินศพ
ในปีค.ศ.2021 (พ.ศ.2564) ได้มีการทำแบบจำลองพื้นที่ที่เกิดเหตุ และก็พบว่าเป็นไปได้ที่ทฤษฎีนี้จะถูกต้อง และถึงแม้ว่าทฤษฎีนี้จะมีช่องโหว่บ้าง แต่ก็ดูจะเป็นไปได้มากกว่าทฤษฎีอื่นๆ
โฆษณา