12 มี.ค. เวลา 03:17 • ความคิดเห็น
เรื่องการถวายสังฆทานเวียนเทียน เหมือนเด็กเล่นขายของ คนนั้นคนนี้สาธุ ถวายแล้ว ก็วนกลับมา เรียกร้องเอาคืน เอาเงินเอาทอง เหมือนหลอกกัน มันดีตรงที่ผู้ที่จัดทำ ได้เงินทอง ได้ความโลภ ในทรัพย์สินเงินทองที่ได้มา .บางทีไปไปเห็น ..สภาพมันสงบหรือวุ่นวายลุกลี้ลุกลน นั้นกิริยาของคนมีบุญหรือเอากิริยาดีของคนที่มีบุญมากระทำ เรื่องราวหนึ่ง..ที่เวลาทำอะไร ดินฟ้าอากาศบันทึกเป็นสักขีพยานให้ ..เค้าทำเพื่อร่ำรวย
สมมุติว่า เป็นเจ้าของฟาร์ม เป็ดไก่กุ้งปลา เค้าจะต้องเลี้ยง ฆ่ากุ้งเวลาถูกนำ้ น็อคน้ำอีกเท่าไหร่ มันจึงเป็นเรื่องเรียกร้องให้มีกรรมเพิ่มขึ้น ที่เค้าว่าทำบุญอยากได้กรรม ไม่ใช่ทำบุญเพื่อปลดเปลื้องอารมณ์โลภทะเยอทะยานออกไป ..แล้วเมื่ทำบุญหวังได้กรรม เค้าส่งเสริมให้สมปรารถนา ..ใครล่ะที่จะต้องแบกรับทุกข์ เลี้ยงเป็ดไก่กุ้งให้มีกรรมมากมายก่ายกอง กรรมนั่นไม่ได้สูญหาย ต้องไปชดใช้กรรมแน่นอน
แล้วสิ่งที่กระทำสังฆทานเวียนเทียนนั้น มันแทบจะไม่ได้เกิดเป็นบุญกุศลขึ้นมา ที่สำคัญอุทิศไปไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวร ยิ่งได้เครื่องรางของขลังกลับมา ก็แบกกรรมแบกไฟเข้าบ้าน
บ้างเอาไปแขวนหน้ารถว่า กันนั่นกันนี่ได้ ลองไปสังเกตรถที่อุบัติเหตุ มันก็มียันต์แขวน ยันตรงนั้นตรงนี้ ถึงคราวกรรมมาทวง ของในรถนั้นแหละ จะปิดหูปิดตา มองไม่เห็น เห็นทางโค้งเป็นทางตรง นั่นเค้าเรียกว่า ปิดหูปิดตา ..อิทธิฤทธิ์ของเครื่งรางของขลัง สิ่งที่ติดมากับพวกนี้ก็เป็นนามธรรม ..บางที่ก็ไปวิญญาณอันธพาลร้าย ..ความบรรลัยก็เกิดขึ้น ต้องมีร่างกายไม่ครบสามสิบสอง บ้างเอาเข้าบ้าน บ้านก็หาความสุขไม่ได้ ..คอยจะแตกแยกกัน ..ยิ่งพวกไปรับขันธ์ห้ามา มันก็นอนกับสามีไม่ค่อยได้ แต่ไปนอนกับคนอื่นได้
เรื่องราวมันมากมาย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวดีที่สุด ยากทำสังฏทาน ก็ซื้อของมาเอง ทำที่บ้านหน้าพระ ทพใจร่มๆ ไม่นึดคิดอะไรทั้งนั้น ค่อยๆกราบพระ ระลึกคุณบิดามารดาที่ให้กายอาศัย ..นอบน้อมถวายพระพุทธเจ้า บำรุงศาสนาของพระพุทธเจ้า บอกให้กายบิดามารดาที่จิตเราอาศัยอยู่ ให้กายบิดามารดาอนุโมทนา พูดให้ชัดเจน ให้หูเราได้ยินบันทึกลงไปในธาตุทั้งสี่
แล้วก็บอกตัวเองเวลาจะอุทิศบุญกุศล นั่งตัวตรงๆ กายนิ่ง จิตนิ่งไม่นึกคิดอะไรทั้งนั้น บอกตัวเอง จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดา จิตข้าพเจ้ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าของนำกายบิดามารดาที่จิตข้าพเจ้าอาศัยมาอุทิศส่วนกุศล จับที่กรวดน้ำขึ้นมา ตามมองที่มือ ข้าพเจ้าขอนำธาตุนะโม มากระจายบุญกุศล ของพระธรรมคำสอน(ที่อยู่กับดินฟ้าอากาศ) อุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ ให้แก่บิดามารดา ผู้ที่ที่อุปถัมภ์ เจ้ากรรมนายเวร หรือเราเจาะจงเอ่ยชื่อไป ..ทำเสร็จอย่า เรียกร้อง ให้ร่ำรวย นั่นจะเกิดเป็นโมฆะ เพราะจะเกิดเป็นความเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว ทำบุญทั้งที่ สละโลภโกรธหลงไม่ได้
..เราทำที่บ้านเสร็จค่อยเอาไปถวายพระที่วัด ถวายกับเครื่องหมายธรรม ผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ อย่าไปยึดตัวบุคคล แล้วเวลาจับของถวายตามองดูที่มือ ท่องพุทโธๆๆไป ไม่วอกแวก เอากิริยาท่าทาง ที่ดีๆมาสร้างบุญกุศล ให้ดินฟ้าอากาศบันทึกการทำของเราที่ดีๆ ที่จะเป็นสักขีพยานให้แก่จิตของเรา ว่าเกิดมาเราไม่ได้เอากายพ่อแม่ที่จิตเราอาศัยอยู่ไปทำมาหากินด้วยความโลภโกรธหลงทะเยอทะยานอยากนั้นนี้อย่างเดียว ที่ได้แต่กรรม
เราเอากายพ่อแม่ที่จิตเราอาศัยอยู่ มาสร้างบุญกุศลบารมี .ให้ธาตุนะโมกระจาบบุญกุศล และอนุโมทนา นั้นเราก็จะได้บันทึกเรื่องของความกตัญญูรู้คุณที่เราใช้กายนี้มาสร้างบุญกุศล ที่จะกระจายไปพ่อแม่ ..เป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ทางจิต .ที่สูงขึ้นไป ไม่ใช่ให้แค่ปัจจัยเงินทอง เราทำให้พ่อแม่มีบุญกุศล ด้วยธาตุนะโมที่พ่อแม่ให้มา
เวลาทำบุญ พระท่านพร้อมมั้ย กิริยาพร้อมมั้ย ลุกลี้ลุกลนมั้ย ญาติโยมที่ถวายลุกลี้ลุกลนมั้ย ..กากมีแต่ความลุกลี้ลุกลนวุ่นวาย มันก็ไม่เกิดบุญ มันต้องพร้อมทั้งผู้ที่รับครองผ้าเหลือง และพร้อมทั้งโยมที่ถวาย เอากิริยาของผู้ที่มีบุญมาถวายของ อนุโมทนา
เวลาทำบุญ ให้นึกถึงว่า เอากายพ่อแม่ที่จิตเราอาศัยอยู่ ไปเสาะแสวงหา กายนี้มันเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยากลำบากมั้ย ..ให้นึกถึงให้ได้ ..ก่อนที่จะหยิบปัจจัยมาสร้างบุญกุศล ปัจจัยนี้ต้องหามาด้วยความเหน็ดเหนื่อยขิงกายกาย อย่าไปเอาเงินที่ได้มาโดยไม่เหนือยาก เอาไปทำบุญ
วัดนั้นเป็นสถานที่เค้าสร้างให้สร้างบุญกุศล บุญกุศลที่เกิดจากการวางอารมณ์โลภโกรธหลงออกไป ..เอากิริยาดีมาใช้ในวัด .หากเข้าวัด แบกเอาความโลภทะเยอทะยานเข้าไป สถานทีเค้าถวายพระพุทธเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีอามิส ไม่เรียกร้องอะไร เค้าทำเพื่อบำรุงศาสนา
เมื่อเราเข้าไป เราก็ต้องรู้จักที่ปลดเปลื้องอารมณ์กรรม วางมันไปเสียก่อนเรื่องราวทุกข์ที่เรายึดอยู่ เรื่องบ้านเรื่องเงินทองลูกเมียอะไรต่างวางมันชั่วขณะหนึ่ง เหมือนเราเกิดมาคนเดียว ตายก็ไปคนเดียวเอาอะไรไปไม่ได้ เราเข้าวัดเราก็ทำจิตวางเสียก่อน เพื่ิอให้จิตเราเข้าไปหาพระ
โฆษณา