22 มี.ค. 2024 เวลา 08:00 • ธุรกิจ

‘IKEA’ ปลุก ‘ห้างใกล้เจ๊ง’ ให้กลับมาฟื้นคืนชีพได้อย่างไร?

โตสวนกระแสวิกฤติห้างใกล้ตาย “IKEA” กว้านซื้อที่ห้างใกล้เจ๊ง หลังผู้บริโภคแห่ซื้อของออนไลน์มากขึ้น มองคนยุคใหม่ต้องการมากกว่าการช้อปปิ้ง ผุดที่นั่งทำงาน-สนามเด็กเล่น-ศูนย์อาหาร ขายของอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีพื้นที่ให้ใช้ชีวิตด้วย!
1
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา “อีเกีย” มักเลือกทำเลที่ตั้งแถบชานเมืองเป็นหลักเพื่อให้ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ หากพิจารณาเฉพาะในไทยจะพบว่า สโตร์สองแห่งแรกเป็นพื้นที่นอกเมืองทั้งหมดตามวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่
1
ได้แก่ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี แต่สำหรับแห่งที่สามในไทย “อีเกีย” ขยับเข้ามาใจกลางกรุงเทพฯ ย่าน “CBD” โดยเลือกทำเลบนพื้นที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ (The EmSphere)
3
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ “อีเกีย” ไม่ได้จำกัดเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ร้านค้าแห่งนี้ยังมีเป้าหมาย “คิดใหญ่” โดย “ซินดี้ แอนเดอร์เซน” (Cindy Andersen) กรรมการผู้จัดการ “Ingka Centres” ส่วนธุรกิจอีเกีย ด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล” (The Wall Street Journal) เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า
ขณะนี้ผู้คนกำลังมองหาสถานที่ที่เป็นมากกว่า “แหล่งช้อปปิ้ง” ในช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเริ่มเสื่อมความนิยมลงเพราะคนหันไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น ถ้ามีเหตุผลรองรับการมาห้างมากเพียงพอ ลูกค้าก็จะเลือกมาเดินที่ร้านเราเอง
1
ในรอบปีที่ผ่านมา “อิงกา กรุ๊ป” (Ingka Group) บริษัทแม่ของ “อีเกีย” เดินหน้าปฏิบัติตามพิมพ์เขียวบริษัทที่ต้องการเป็นมากกว่าร้านขายเฟอร์นิเจอร์ โดยการขยับขยายอาณาจักรไปยังห้างสรรพสินค้า พร้อมทั้งระบุว่า เป้าหมายตอนนี้ คือการกระจายความหลากหลายไปยังพื้นที่อื่นๆ นอกจากการค้าปลีก ครอบคลุมตั้งแต่จีน ยุโรป และโซนอเมริกาเหนือ
“อีเกีย” เปิดเผยว่า แผนการเข้ายึดครองห้างสรรพสินค้าของบริษัทหลังจากนี้ คือใช้แบรนด์ “อีเกีย” เป็นผู้นำทัพ เพื่อเปิดทางให้บริษัทได้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค โดยมีจุดประสงค์ในการดึงดูดกำลังซื้อมากขึ้น ในฐานะผู้ค้าปลีก “อีเกีย” ไม่อาจทำสิ่งเดิมเพื่อหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างได้แล้ว เพราะผู้บริโภคมีความคาดหวังกับการมาห้างมากกว่าแค่ซื้อของแล้วเดินกลับไป สิ่งที่ “อีเกีย” เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับร้านค้าภายในห้าง ได้แก่ พื้นที่ Co-working Space ศูนย์อาหารธีมนอร์ดิก และสนามเด็กเล่นในรูปแบบต่างๆ
สอดคล้องกับข้อมูลจาก “Green Street Advisors” เว็บไซต์ผู้ให้บริการข้อมูลด้านอสังริมทรัพย์ในยุโรป ที่มีการระบุว่า ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งประสบปัญหายอดขายตกต่ำมาหลายปีนับตั้งแต่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนซื้อของในห้างน้อยลง หันไปช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
โดยตัวเลขการเข้าชมห้างสรรพสินค้าในสหรัฐปี 2566 ลดลงจากปี 2565 ประมาณ 4% และหากเทียบกับปี 2562 ซึ่งคือช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดใหญ่พบว่า ลดลงกว่า 12% ทำให้ผู้ค้าบางรายตัดสินใจย้ายไปเช่าพื้นที่ในรูปแบบ “Strip Mall” หรือย่านการค้าที่มีร้านเรียงรายเป็นแนวเดียวกัน รวมถึงโลเกชันใจกลางเมืองแทน
3
ขณะที่ผู้ค้าหลายเจ้าแห่ย้ายออกจากห้างสรรพสินค้า “อีเกีย” กลับเลือกที่จะจับจองพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า “สองเท่า” แม้ในรอบปีที่ผ่านมาจะตัดสินใจย้ายออกจาก “รัสเซีย” ด้วยกรณีสงคราม แต่ “อีเกีย” ยังมีร้านค้ากระจายในประเทศอื่นๆ อีก 38 แห่ง รวม 15 ประเทศ นับตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา “อีเกีย” ขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปิดร้านจำนวนมาก และขณะนี้ก็กำลังมองหาพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งก็รวมถึง “สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่ผู้คนมีแนวโน้มออกมาเดินห้างน้อยลงด้วย
1
โดยในเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 “อีเกีย” ประเดิมเปิดร้านค้าแห่งใหม่ในเมืองไบรตัน สหรัฐอเมริกา ด้วยราคาซื้อขายที่ดินกว่า “184 ล้านดอลลาร์” หรือคิดเป็นเงินไทยราว “6,538 ล้านบาท” โดยในพื้นที่ดังกล่าวยังมีร้านค้าบิ๊กเนมอย่าง “Apple” และ “Zara” อยู่บริเวณใกล้เคียงกันด้วย ทำเลที่อีเกียได้มาครั้งนี้จึงนับเป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพอยู่ไม่น้อย
2
ด้านนักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ระบุว่า หลังจากอีเกียเข้าประจำการได้ไม่นานก็พบว่า มูลค่าที่ดินดีดตัวขึ้นเป็น “320 ล้านดอลลาร์” หรือคิดเป็นเงินไทยราว “11,392 ล้านบาท” แม้ไม่มีข้อมูลปรากฏแน่ชัดว่า มูลค่าที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการมาถึงของอีเกียหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์ก็ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า อีเกียเองก็ต้องแบกรับความเสี่ยง และมีราคาที่ต้องจ่ายจากการเข้าซื้อพื้นที่ที่ล้าสมัยไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่า จะสามารถเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยหลับใหลให้มีชีวิตชีวาตามพิมพ์เขียวที่วางไว้ได้
1
“คาเมรอน เบิร์ด” (Cameron Baird) รองประธานอาวุโส “Avison Young” บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เมืองโตรอนโต ระบุว่า ด้วยการวางจุดยืนของแบรนด์ให้เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งช้อปปิ้ง ทำให้ “อีเกีย” ก้าวข้ามความล้มเหลวแบบที่ห้างอื่นๆ กำลังเผชิญไปได้
เขามองว่า ยังมีอีกหลากหลายเส้นทางรอให้ค้าปลีกเหล่านี้ปรับตัว เพื่อมุ่งไปสู่เส้นทางที่สดใสกว่าเดิม “เบิร์ด” มองว่า วิธีมองห้างสรรพสินค้าของคนในยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่ได้ต้องการไปซื้อของอย่างเดียว แต่ต้องเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ สถานที่รวมตัว และแหล่งเแฮงก์เอาต์ได้ด้วย
โฆษณา