13 มี.ค. เวลา 06:59 • ไลฟ์สไตล์

นิ่งสงบแม้ในยามที่วิกฤต

เคยต้องเผชิญเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจมันสั่นระริกรึป่าว? แบบรู้สึกได้เลยว่าเสียงของหัวใจมันดังกว่าปกติมากและมันดังเหมือนมันต่อกับลำโพง
ในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์อะไรก็ช่างแต่มันคงจะบีบคั้นน่าดูเลยละ มันถึงได้ทำให้หัวใจนั้นราวกับจะหลุดออกมาจากอกขนาดนั้น ราวกับเดินอยู่บนเชือกที่เบื้องล่างคือหุบเหวเลยละ
ในสถานการณ์แบบนั้นที่ใครๆก็รู้ว่าเราไม่อาจที่จะพลาดได้ เพราะถ้าพลาดก็อาจเท่ากับล้มเหลว ถ้าพลาดก็เท่ากับต้องจมดิ่งลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ต้องไปดูประกาศผลสอบ การที่ต้องมาลุ้นว่าจะถูกหวยแดกอีกรึป่าว หรือแม้แต่การที่ต้องเข้าไปประชุมกับผู้บริหารและลูกค้ารายใหญ่ มันคงจะรู้สึกเหมือนโลกจะพังทลายเลยละถ้าเราก้าวพลาดขึ้นมา
แต่แน่นอนถ้ามันจะพลาดนั้นทุกอย่างนั้นเกิดจากตัวเราเองทั้งสิ้นไม่ได้เกิดจากใครเลย ซึ่งส่วนใหญ่และเกือบทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นมาจากความล่กและความไม่รอบขอบของเราเองทั้งสิ้น
แน่นอนไม่มีใครอยากที่จะพลาดและยิ่งกว่าคือไม่อยากให้การพลาดแม้เพียงครั้งเดียวของเรามันส่งผลทำให้เราและทุกคนนั้นหล่นลงไปสู่หุบเหวไปด้วย
เพราะงั้น เอามือตบแก้มตัวเองแรงกับพอประมาณเรียกสติตัวเองเสียก่อน ค่อยๆกำหนดลมหายใจของตัวเองช้าๆ แล้วมองไปยังข้างหน้าของตัวเองข่มความกลัวแล้วไปเผชิญหน้ากับความท้าทาย
ถ้าจำเป็นจะต้องสบตาผู้คนอย่างเช่นการที่ต้องพรีเซนต์ ให้ดึงเอาความคิดในหัวของตัวเองออกแล้วพูดในสิ่งที่เป็นตัวเองที่สุด การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับตัวเองคือวิธีที่ดีที่สุดในการข่มความกลัวและเรียกความมั่นใจ
แต่ในกรณีที่คุณเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองไม่ชอบการที่มีแสงสปอตไลท์ส่องมาอยู่ที่เรา รู้สึกขาสั่นทุกครั้งที่มีสายตาจดจ้องมาที่ตัวเอง อันนี้ผมเข้าใจๆเพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยากที่จะเป็นตัวเอกของงาน แม้แต่ผมก็ยังเป็น
มันเลยมีวิธีการอย่างการที่ให้คิดซะว่าเรากำลังพูดอยู่กับหัวมันหรือหัวฟักทองมันอาจตะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หรือแม้แต่การที่เราเบือกที่จะไม่สบตาคนเลยก็ได้เหมือนกัน ให้มองไปยังสักจุดนึงที่ไม่มีคนหรือไม่ก็ใส่แว่นที่มีค่าสายตาไม่เท่ากับตัวเอง การมองไม่เห็นจะช่วยให้เราสามารถที่จะแสดงความเป็นตัวเองไปได้โดยไม่รู้สึกกังวล ทำให้มันไม่ต่างจากการพูดคนเดียว
สำคัญคือสมาธิ มันมีเหตุผลที่ว่าทำไมการนั่งสมาธิถึงได้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตัวเอง แม้แต่วิทยาศาสตร์เองก็ยังมีการวิจัยและผลของมันคือมันช่วยให้ร่างกายและสภาพจิตใจของคนดีขึ้นได้จริงๆ
และถึงผมจะเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของศาสนาเลยสักนิดก็ตาม แต่ในเรื่องของการทำสมาธินั้นมันไม่เกี่ยวกันกับศาสนาเพราะแต่เดิมแล้วศาสนากับการทำสมาธิมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่ศาสนาพุทธเค้าเอามาใช้เฉยๆ
ซึ่งด้วยความสัจจริง มันช่วยให้มนุษย์นั้นพัฒนาขึ้นได้จริงๆ และถึงมันอาจจะยากหน่อยแต่วินัยคือสิ่งที่คุณต้องสร้างด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่ายโดยขาดซึ่งความพยายามหรอก การสร้างสมาธิและความมั่นใจให้ตัวเองก็เช่นกัน
แต่แน่นอน มันอาจจะช่วยไม่ได้หรอกนะถ้าคุณพลาดแล้วสถานการณ์ที่คุณไต่อยู่บนเชือกมันไม่เป็นไปตั้งใจของคุณ แต่ถึงคุณจะตกลงมาจากเชือกที่คุณกำลังไต่อยู่มันก็ไม่เป็นไรหนิ?
ไม่มีใครที่ไม่เคยล้มลงหรอกนะ สำคัญคือลุกขึ้นใหม่และก้าวต่อไปต่างหาก และอย่าลืมเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วย นิ่งสงบเข้าไว้แม้ยามที่กดดันและมีสติเข้าไว้แม้ตอนที่อะไรไม่ได้ดั่งใจ
ถ้าคุณดันหลุดอะไรง่ายๆ ทุกอย่างอาจแย่กว่าเดิมเพราะงั้นมีสติและพยายามคุมสถานการณ์ให้ได้ และทุกอย่างที่คุณปรารถนาจะไม่หลุดมือไปหรอก ไม่ครั้งนี้ก็ครั้งหน้านั้นแหละ
โฆษณา