14 มี.ค. เวลา 07:44 • กีฬา

สะท้านยันราชวงศ์กาตาร์ : ทำไมการย้ายออกของ เอ็มบัปเป้ จึงเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าฟุตบอล? | Main Stand

แค่นักบอลคนเดียวมันจะรั้งอะไรกันนักหนา ? .. หลายคนคงสงสัยว่าทำไม ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง จึงไม่ยอมปล่อย คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จนเกิดข่าวการพยายามรั้งและทุ่มเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหลายคนเบื่อข่าวแบบนี้
จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับเรื่องฟุตบอลเท่านั้นซะที่ไหน … นี่มันเรื่องใหญ่ระดับนานาชาติ
ติดตามทั้งหมดที่ Main Stand
รั้งไว้ได้ แค่ช่วงหนึ่ง
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ คือ 1 ใน Wonderkid หรือเด็กนรกที่เก่งที่สุดคนหนึ่งเท่าที่วงการฟุตบอลเคยมี
แข้งชาวฝรั่งเศสแจ้งเกิดตั้งอายุยังไม่เต็ม 18 ปี ด้วยการเล่นให้กับ โมนาโก ก่อนจะกลายเป็นนักเตะค่าตัว 124 ล้านปอนด์ ในวันที่ย้ายไปอยู่กับทีมที่ดีที่สุดในฝรั่งเศสอย่าง เปแอสเช
นับตั้งแต่วันนั้น เอ็มบัปเป้ ไล่เก็บความสำเร็จส่วนมากมาย ไม่ว่าจะแชมป์ในประเทศทุกรายการ แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส ขาดก็แต่แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เขาเคยเข้าใกล้ที่สุดแค่รอบชิงชนะเลิศเท่านั้น ... เขาพยายามและอยากจะได้แชมป์นี้มาครอง ด้วยการก้าวออกจากทีมที่ดีที่สุดในประเทศ สู่ทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด
ข่าวระหว่าง เอ็มบัปเป้ กับ มาดริด เกิดขึ้นมาตลอดตั้งแต่ปี 2021 สื่อหลายเจ้ายืนยันว่า เอ็มบัปเป้ จะย้ายแบบฟรี ๆ หลังสัญญาของเขาหมดลงในปี 2022 แต่แล้วสุดท้ายก็แหกโค้ง ... เขาทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ นั่นคือการต่อสัญญากับ เปแอสเช ต่อไปอีก 2 ปี พร้อมรายละเอียดมากมายที่ไม่รู้อันไหนปลอม อันไหนจริง
ไม่ว่าจะเป็นค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลกที่ตก 1 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์, เอ็มบัปเป้สามารถเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจในการซื้อนักเตะหรือการเปลี่ยนแปลงสตาฟโค้ชทั้งฝั่งปฏิบัติการของเรื่องในสนามหรือการเลือกทีมสตาฟสำหรับตลาดซื้อขาย ซึ่งเรื่องดังกล่าว (นอกจากเรื่องเงินค่าจ้าง)
1
ไม่ต้องไปใส่ใจ เอาเป็นว่าแค่เขาต่อสัญญา 2 ปี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายแล้ว เรื่องราคาค่างวดและสิทธิพิเศษ (บางอย่าง) ถ้าคิดกันแบบใช้ตรรกะก็อาจจะมีโอกาสเป็นจริง มันก็คล้าย ๆ กับการที่บริษัทเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้กับพนักงานระดับหัวกะทินั่นแหละ
1
อย่างไรก็ตาม หลักใหญ่ใจความมันมีเรื่องยิ่งกว่าฟุตบอล นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ประธานสโมสรบอกว่า เอ็มบัปเป้ คือเด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตในปารีสของแท้ 100% เขาเกิดที่ บงดี ย่านชานเมืองที่ห่างจากใจกลางกรุงปารีสไป 11 กิโลเมตร
และการต่อสัญญาของเขากับ เปแอสเช เกิดขึ้นจากการที่สโมสรได้เสนอโปรเจ็กต์ที่ เอ็มบัปเป้ ฝันมานาน นั่นคือการเปลี่ยนทั้งโครงสร้างของฟุตบอลลีกในประเทศฝรั่งเศสให้กลายเป็นลีกแถวหน้าของยุโรป ไม่ใช่ลีกที่คอยสร้างนักเตะแล้วปล่อยออกไปค้าแข้งนอกลีกอีกแล้ว แต่ต้องเป็นลีกที่สามารถดึงดูดแข้งระดับแถวหน้าของยุโรปมาให้ได้
นอกจากนี้ GOAL ยังรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ที่นำโดยประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ได้พยายามจะช่วยเหลือ เปแอสเช ในการรั้งสตาร์ฟุตบอลเบอร์ 1 ของประเทศให้ค้าแข้งในฝรั่งเศสต่อไป เนื่องจาก มาครง ชูนโยบาย ด้านกีฬาที่เขาประกาศเดินหน้าเต็มที่คือการสนับสนุนให้กรุงปารีสรับบทบาทเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 โดยช่วงเวลาเดียวกันนี้
1
ฝรั่งเศสจะรับบทบาทเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกในปี 2023 ซึ่งมาครงเห็นด้วยว่ารัฐบาลควรทุ่มงบประมาณอย่างเต็มที่เพื่อทำให้อีเวนต์เหล่านี้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมที่สุดโดยใช้ เอ็มบัปเป้ เป็นเรือธงในการชูอีเวนต์ต่าง ๆ เหมือนกับที่ ซาอุดีอาระเบีย มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรงในเวลานี้
คุณอาจจะมองว่ามันเป็นการจับแพะชนแกะ หรือเป็นเรื่องเงินล้วน ๆ แต่เรื่องนี้คนที่ใกล้ชิดกับดีล มาดริด - เอ็มบัปเป้ มากที่สุดอย่าง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรราชันชุดขาว ยังออกมาบอกเองว่า มาครง มีส่วนกับการเปลี่ยนใจ เอ็มบัปเป้ อย่างไม่ต้องสงสัย
1
"ความฝันของเอ็มบัปเป้คือการมาเล่นที่ เรอัล มาดริด แน่นอน เราตามล่าตัวเขามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อนแล้ว แต่เปแอสเชก็ไม่ยอมปล่อยเขา เชื่อไหม ก่อนที่เอ็มบัปเป้จะต่อสัญญาแค่ 15 วัน เขายังพูดอยู่เลยว่าเขาต้องการมาเล่นที่มาดริด" ฟลอเรนติโน่ เปเรซ กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน 2022 หลังเอ็มบัปเป้ต่อสัญญากับเปแอสเช
"มาครงเรียกเอ็มบัปเป้เข้ามาคุยเป็นกรณีพิเศษ และนั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลย ขณะที่เปแอสเชก็โหมแรงด้วยการนำเสนอให้เขาเป็นผู้นำโปรเจ็กต์ที่ยิ่งใหญ่ นี่คือ 2 ตัวแปรสำคัญมาก ๆ ไม่มีทางที่เอ็มบัปเป้จะรับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งแล้วบอกว่า 'ใช่แล้วครับ ผมอยากย้ายไปสเปน'"
"เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงไปที่กาตาร์และรับข้อเสนอมากมายที่ทำให้เขาแทบคลั่ง ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาคือสิ่งที่ทำให้เอ็มบัปเป้เปลี่ยนใจ"
หลังจากวันที่ เปเรซ พูด ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี เอ็มบัปเป้ กำลังจะหมดสัญญากับ เปแอสเช อีกครั้ง และหนนี้กระแสข่าวหนักกว่าครั้งเก่า เอ็มบัปเป้ จะมามาดริดแน่ ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้น
และถ้ามันเป็นอย่างนี้ กลุ่มคนที่พยายามรั้งเขาไม่ให้ย้ายออกจาก เปแอสเช อย่างสุดชีวิตจะเสียประโยชน์อะไรบ้าง ? ... แน่นอนว่าเรื่องของ เอ็มบัปเป้ มันใหญ่กว่าฟุตบอลไปนานแล้ว
พระเอกของกาตาร์
เอ็มบัปเป้ คือสัญลักษณ์ของคนหนุ่มสาวฝรั่งเศส เขามีตัวตนในโลกของกีฬา แฟชั่น หรือแม้กระทั่งเรื่องการเมือง ... ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา เอ็มบัปเป้ เป็นแขกรับเชิญในการเลี้ยงอาหารค่ำที่ เอ็มมานูเอล มาครง เป็นตัวแทนเลี้ยงต้อนรับการเยือนเมืองหลวงของฝรั่งเศสให้กับ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทานี ประมุขแห่งกาตาร์ ในงานที่ปิดทำเนียบประธานาธิบดีต้อนรับ
และเผื่อคุณไม่รู้ ชีคของ กาตาร์ เป็นเจ้าของ Qatar Sports Investments กลุ่มทุนที่เป็นจ้าของสโมสร เปแอสเช ดังนั้นจึงมีการซุบซิบกันว่า การมาปารีสด้วยตัวเองของท่าน ชีค เกิดขึ้นโดยมีภารกิจเปลี่ยนใจ เอ็มบัปเป้ เป็นหนที่ 2
แม้ทุกฝ่ายจะปฏิเสธเรื่องนี้ และบอกว่าการคุยหลัก ๆ เป็นเรื่องการเจรจาหยุดยิงและรบกันระหว่าง อิสราเอล และกลุ่ม ฮามาส
แต่ในทางความคิด ใครจะมองผ่านเรื่องนี้ไปได้ ... เอ็มบัปเป้ เข้าพบประธานธิบดีของฝรั่งเศส และประมุขของ กาตาร์ พวกเขาจะคุยเรื่องอะไรกันได้อีก คงไม่ใช่เรื่องการยุติสงครามทั้ง 100% แน่นอน ?
1
คำถามคือทำไมต้องพยายามรั้ง เอ็มบัปเป้ กันขนาดนั้น เขาก็แค่นักฟุตบอลคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? ... แน่นอน คำตอบคือมันไม่ใช่ ณ ตอนนี้ เอ็มบัปเป้ เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ซอฟต์เพาเวอร์ ของฝรั่งเศสไปแล้ว ดังนั้นใครอยู่ใกล้ เอ็มบัปเป้ พวกเขาก็เหมือนอยู่ข้าง ๆ ดวงไฟแห่งความเป็นที่นิยม ราชวงศ์กาตาร์, มาครง, ชาวฝรั่งเศส, เปแอสเช พวกเขาไม่อยากให้ เอ็มบัปเป้ ไปสเปน ด้วยเหตุผลข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยผลด้านฟุตบอล ด้านการเงิน หรือด้านการเมือง
ทุกครั้งที่เอ็มบัปเป้ ปรากฎตัวพร้อมกับผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ (ฝรั่งเศส และ กาตาร์) มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันดี
การที่ เอ็มบัปเป้ อยู่ในชุดแข่งขันของ เปแอสเช เขาเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าที่ทำให้ทีมมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าเทียบได้กับแบรนด์ขึ้นห้าง
ฌอง แบ็ปติส เกอก็อง (Jean-Baptiste Guegan) ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส อธิบายว่า "ในระดับนานาชาติ ความเกี่ยวของของ เอ็มบัปเป้ ถูกจับตาว่าเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของผู้บริหารสโมสรเปแอสเชซึ่งเป็นชาวกาตาร์ พวกเขาเข้ามาและลงทุนกับสโมสรไปมากมายจนสร้างมูลค่าให้ทีมเป็น 4 พันล้านปอนด์ ซึ่งเรื่องธุรกิจด้านฟุตบอล สามารถเปิดทางไปยังการธุรกิจด้านการส่งออกน้ำมัน และก๊าซให้กับทางกาตาร์ได้ด้วย"
"กาตาร์ มองเห็นโอกาสผ่านความยิ่งใหญ่ด้านฟุตบอลบอล เอ็มบัปเป้ และ เปแอสเช สร้างภาพลักษณ์ต่อนานาชาติให้กาตาร์ได้มากขึ้น พวกเขาพาประเทศกาตาร์กลายเป็นแบรนด์ที่ยึดโยงกับเมืองหลวงแห่งแฟชั่นอย่างปารีส นี่คือการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกอย่างชอบธรรมผ่านการลงทุนของพวกเขา"
3
"ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ มอบโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญในกาตาร์ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ได้รับจากการเชื่อมต่อระดับแขกวีไอพีที่สนามกีฬาของ เปแอสเช ทำให้กาตาร์ลงทุนมากขึ้นในปารีสและเสริมสร้างตัวตนในสายตานานาชาติได้ดีขึ้นด้วย"
คุณเริ่มเห็นถึงความสำคัญของ เอ็มบัปเป้ ที่มีต่อ เปแอสเช ที่มากกว่าเรื่องฟุตบอลบ้างหรือยัง ? จากทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เอ็มบัปเป้ ได้รับการดูแลเยี่ยงพระราชา อยากได้อะไรขอแค่บอกจนบางคนแซวว่าสโมสรนี้คือชื่อว่า "คิเลี่ยน แซงต์ แชร์กแม็ง" ให้รู้แล้วรู้รอด
แน่นอนว่ากลยุทธ์ดังกล่าวเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการทางธุรกิจทั้งหมดของกลุ่มทุนจากกาตาร์เท่านั้น มันก็เหมือนธุรกิจอื่น ๆ ที่มีการวางแผนงานเป็นช่วง ๆ มีการวางไทม์ไลน์ต่อยอดไปเรื่อย ๆ ตามใดที่ผลประกอบการออกมาเวิร์ก ... ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่รู้จะจบลงตรงไหน เพราะถ้า เอ็มบัปเป้ เลือกย้ายไป เรอัล มาดริด จริง ไทม์ไลน์นี้จะต้องสะดุดอย่างแน่นอน เพราะ เอ็มบัปเป้ เป็นตัวละครเอกของเรื่องมาโดยตลอด ซึ่งโลกก็กำลังจะรอดูการแก้เกมนี้อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
นอกจาก กาตาร์ มีใครกระทบอีกไหม ?
พูดถึงเรื่องการลงทุนและเงิน ๆ ทอง ๆ ไปเยอะแล้ว ย้อนกลับมาดูฝั่ง ฝรั่งเศส บ้านเกิดของ เอ็มบัปเป้ และ "มาครง" ประธานาธิบดีคนสนิทของเขากันบ้าง ว่าฝั่งนี้จะเสียอะไรไปบ้างในวันที่ เอ็มบัปเป้ ไม่อยู่
เอ็มบัปเป้ และ มาครง มีความคล้ายกันหลายอย่าง พวกเขาถือเป็นดาวรุ่งที่ผลงานเด่นกว่าคนอื่น ๆ ในวงการของตัวเอง (มาครงอายุ 46 ปี ในปี 2024 ซึ่งสำหรับการเมือง ถือว่ายังหนุ่ม) พวกเขาจูนกันติดด้วยความเหมือนนี้ และต่างฝ่ายก็ต่างเคารพกันมาอย่างดีเสมอ
เอ็มบัปเป้เรียนรู้มากมายจากมาครงระหว่างรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบ่อย ๆ และเขาก็หลงใหลการเมือง อำนาจ และ ความเป็นไปของโลก ขณะที่ มาครง เองก็ได้เชื่อมโยงกับนักเตะที่มีผู้ติดตามกว่า 146 ล้านคนบนโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศสและเป็นวัยรุ่น ซึ่งมันหมายถึงเสียงสนับสนุนระยะยาว หาก มาครง ได้ใจคนหนุึ่มสาว ซึ่งเป็นคะแนนเสียงของกลุ่มที่ มาครง ต้องการมาตลอด เพราะเขามีฐานแฟนคลับจาก ชนชั้นกลาง, อีลิท, นายทุน และผู้สูงอายุอยู่แล้ว
4
ดังนั้นการที่ เอ็มบัปเป้ ไปค้าแข้งในสเปนกับ เรอัล มาดริด อาจจะนำมาซึ่งความห่างเหินของทั้งคู่ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต มาครง ที่เคยใช้เอ็มบัปเป้ เป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสยุคใหม่ อาจจะโปรโมตแคมเปญต่าง ๆ ไม่ได้คล่องตัวมากเท่ากับตอนที่ เอ็มบัปเป้ อยู่กับ เปแอสเช
ส่วนเรื่องการมี เอ็มบัปเป้ ในโอลิมปิก ที่เคยอ้างเมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้น แทบจะไม่มีใครพูดถึงอีกเลย มันกลายเป็นเป็นว่าเมื่อต้องใกล้เผชิญโลกแห่งความจริง (ว่าเอ็มบัปเป้จะย้าย) สิ่งต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาโดยไม่สามารถแอบซ่อนได้ต่อไป ... จากนี้ไปจะเป็นเกมที่ มาครง เล่นยากขึ้น และเขาจะต้องเริ่มมองหาทางแก้ไขเรื่องนี้บ้าง เพื่อวันที่ เอ็มบัปเป้ ย้ายทีมจริง ๆ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรต่าง ๆ ที่เคยวางไว้มากนัก
สุดท้ายและท้ายสุด ชาวฝรั่งเศส จะต้องเสียนักเตะที่ดีที่สุดในประเทศ ไปค้าแข้งในลีกสเปน พวกเขาจะขาดนักเตะที่สร้างมูลค่าทางการตลาด และสร้างความสนใจในการแข่งขัน โดยที่ยังไม่มีใครเข้าใกล้การเป็นตัวแทนที่ทำได้แบบเดียวกับที่ เอ็มบัปเป้ ทำในเวลานี้ ... เป็นอีกครั้งที่ลีกฝรั่งเศส ไม่สามารถรักษานักเตะระดับท็อปไว้ค้าแข้งในประเทศของตัวเองได้
นกน้อยในกรงทองที่ชื่อว่า เอ็มบัปเป้ จะบินออกไปเจอโลกที่กว้างกว่าเดิมตามวัฏจักรแล้ว .. ที่เหลือต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของคนที่ยังอยู่จะต้องปรับตัว ทั้งหมดนี้คือเรื่องธรรมชาติที่จะต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม
3
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
โฆษณา