14 มี.ค. เวลา 14:05 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของความขันติอดทน .ความกล้าหาญที่จะเข้าไปอยู่ป่าคนเดียว ไปอยู่ในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ สิงสาราสัตว์ มีเตียงนอนกว้างใหญ่เป็นพระแม่พระธรณี นอนกับดืน เอาใบไม้แห้งมาปู ฝนตกแดดออก ก็นั่งเดินในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ หิวน้ำก็เดินไปตักกิน พอแค่ประทังสังขาร เดินเป็นกิโลไปกินน้ำอึกเดียว แล้วเดืนกลับ .ไม่ตักน้ำมาสะสม อาหารก็ขบฉันเอาตามที่สัตว์มันกินได้ เราก็กินได้ ไปทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง .เพื่อรีดเอาความทุกข์ รีดเอากรรม ที่กายนี้ประกอบขึ้นมาด้วยธาตุที่เป็นกรรม รีดเอามันทิ้งไป มันเป็นทุกข์ ก็อย่าไปยึดมัน
. ..เราเคยถามพระ ..การฝึกหัดอะไรต่างๆ มันจะมาจบอยู่ที่กายนิ่ง จิตนิ่ง ไม่มีอะไร ..จิตไม่มีอารมณ์ กายก็นิ่ง จิตก็นิ่งตามกาย ..พระสาวกนั่น กายท่านเป็นกายของผู้ที่มีบารมี สามารถนำกายมาทำ ให้กายนิ่ง จิตนิ่ง มีความขันติอดทน ขันติเป็นบารมี ..มีปัญญาธรรม ..ปลดเปลื้องทุกข์ รู้จักทุกข์ จิตไม่ยึดทุกข์ .. ปลดเปลื้องทุกข์ออกไป..
ความกล้าหาญที่จะปลดทุกข์ ปลดอารมณ์ รักษากายนิ่งได้ จิตนิ่งได้ ตรงนั่นแหละที่จะเกิดธรรม มีปัญญาธรรมเกิดขึ้น ..พูดอย่างนี้อย่าเชื่อน่ะ เราเคยถามพระที่เรารู้จัก หากทำได้ ก็ยกขันธ์ห้าออกไปจากจิตได้ ..ตรงนี้ แหละที่จะทำให้จิตเข้านิโรธได้ แล้วเรารู้จักขันธ์ทั้งห้า จิตของเราตัวเรานั้นแหละ มีความสามารถปลดเปลื้องขันธ์ทั้งห้าได้มั้ย
แล้วเราก็ไปเปรียบเทียบดู ว่าการท่องคาถาอะไรนั้น จิตมันยึดเรื่องราวอะไร มันจะปลดปล่อยอารมณ์ได้มั้ย.. มันจะทำให้เกิดแสงรัตนะขึ้นมาได้มั้ย แล้วอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องราวของคำว่า ธรรม..ธรรมนั้นที่แท้จริงเป็นอย่างไรกัน เราได้มีโอกาสฝึกหัดเรียน เข้าไปให้ถึงได้มั้ย รับรู้ได้มั้ย ในสิ่งที่เค้าเรียกว่าแสงรัตนะ
พระอริยเจ้าท่านก็อาศัย รอยทั้งสี่ ยืนเดินนั่งนอน ไม่นึกคิดอะไร รักษากายนิ่ง จิตนิ่งได้ ความเจ็บป่วยอะไรที่เกิดขึ้น ท่านก็นิ่งเฉย ไม่ไปยึดมัน กายหิวกระหายก็เป็นอารมณ์ ก็ไม่ไปยึดมัน ..นั้นเป็นเรื่องของขันติบารมี มีน้องตัวอ้วน อดข้าวสามวัน ปฏิบัติธรรมไปด้วย กินน้ำอย่างเดียวก็อยู่ได้ ความหิวกระหายก็เป็นอารมณ์
พี่ชายก็เอาบ้างอดเสียเจ็ดวัน ปิดวาจา คุยได้เฉพาะกับครูลาอาจารย์เท่านั้น มันเรื่องของการฝึกหัด คนที่ไม่ฝึกหัด เราก็ไม่รู้ว่าอดอารมณ์ ประพฤติปฏิบัติธรรมไป มันมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรเกิดเรื่องมาบ้าง มันจึงเป็นเรื่องเฉพาะตนของคนที่ฝึกหัด
คราวนี้ เมื่อเราอยากรู้จัก เราก็ต้องปฏิบัติธรรมขึ้นมา เราไม่ต้องถึงขนาดไปอยู่ป่า นั่นเพราะท่านต้องการยุติการเกิด ตัดความยึดถือ ไม่ใช้ของของโลก เวียงวัง ญาติพี่น้อง ที่จะมีอารมณ์ต่างไหลเข้ามาทางวิญญาณทั้งหก เรายังอยู่ในบ้านในช่อง ยึดที่กินที่นอน ยึดกาย .ไม่สามรถจะไปอยู่นิ่งๆได้ เพราะอารมณ์ปรุงแต่งที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ตลอด มีความยึดถือมากมายก่ายกอง เราเอาแค่สละเวลามาฝึกหัดเดินตามรอยท่าน แต่ต้องมีความนอบน้อม ที่จะทำ ระลึกพระคุณของกาย ธาตุนะโมที่พ่อแม่ให้มา กราบพระเสียก่อนทำ ที่ทำตามรอยของท่่าน
เราจะเอารอยของท่านมาประพฤติปฏิบัติธรรม ก็ต้องนอบน้อม พระเป็นของๆท่านฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ ..แล้วด้นฟ้าอากาศก็จะจับจ้องมองเรา ว่าเราเป็นคนจริง ทำจริงมั้ย ตามที่อธิบาย ให้กำหนดเวลาลงไป กี่นาที แต่ต้องนั้งพับเพียบ เพราะต้องอธิษฐานปฏิบัติธรรมต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์พระสมมาสัมพุทธเจ้า ..เราจะมีสิ่งหนึ่ง ที่เค้าเรียกว่า ตาวิหัสนัยน์ จำจ้องการกระทำของเรา .เค้าจะดูว่าเป็นคนจริงมั้ย ทำจริงมั้ยตามที่ลั่นวาจาออกไป ..อย่าไปทำแบบของเล่น มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะมันจะเหมือนเด็กผมจุกผมแกะเค้าเล่นกัน
โฆษณา