19 มี.ค. เวลา 09:36 • หนังสือ

ลงทุนซื้อหนังสือเพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนรักการอ่าน

จากคนที่เปิดหนังสือปุ๊บก็แทบจะหลับปั๊บ
กลายเป็นคนที่จะต้องได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ ๆ
อย่างน้อยเดือนละเล่มสองเล่ม
เคล็ดลับของผมคืออะไร มันถือเป็นการลุงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ เชิญไปอ่านและตัดสินได้ในบทความนี้ครับ
สารภาพตามตรงว่าเมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นคนที่ชื่นชอบในการอ่านหนังสือสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าการอ่านหนังสือนั้นมีประโยชน์มากมายก็ตาม
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าวันหนึ่งพอเริ่มเข้าสู่วัยทำงานชีวิตผมจะได้รับผลกระทบจากการเป็นคนไม่รักการอ่านขนาดนี้ .. ผลกระทบที่ว่าได้แก่
  • กลายเป็นคนสมาธิสั้นโดยไม่รู้ตัว
  • กระบวนการคิดทุกอย่างแย่ลงจนส่งผลต่อคุณภาพงาน
  • เผลอปิดกั้นตัวเองในการเปิดใจรับข้อมูลใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์
1
แน่นอนว่าผมไม่ชอบตัวเองในตอนนั้นสักเท่าไหร่ แต่ครั้นจะให้เดินไปหยิบหนังสือมาอ่านให้มันจบเป็นเล่ม ๆ ไปก็ยากเกินจะทำไหว
ด้วยพื้นเพที่เป็นคนไม่ได้รักการอ่านอยู่แล้ว สิ่งที่ตามมาปุ๊บหลังจากเปิดหนังสือปั๊บก็คงเป็นอะไรที่หลายคนพอจะเดาได้
ใช่ครับผมง่วงและเผลอหลับทันทีทั้ง ๆ ที่ยังอ่านไม่จบหน้า
ผมโชคดีที่ไปได้ไปฟังบทสัมภาษณ์หนึ่งของ อ.ชัชชาติ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
บทสัมภาษณ์นั้นเป็นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการรณรงค์ให้คนรักการอ่าน และคำพูดที่ผมประทับใจจนถึงขั้นทำให้เปลี่ยนตัวเองได้เลยคือคำพูดทำนองว่า
ใครชอบอ่านการ์ตูนก็อ่านไปเถอะ อ่านสิ่งที่คุณรักจนกระทั่งคุณกลายเป็นคนรักการอ่าน เดี๋ยวคุณก็จะอ่านอย่างอื่นต่อเอง
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
4
**อาจจะไม่ได้พูดแบบนี้เป๊ะ ๆ เพราะเป็นคำพูดที่จำได้ในความรู้สึกของผมเอง**
หนังสือเล่มแรกที่ผมตรงเข้าไปซื้อคือไลท์โนเวลเรื่อง OVERLORD เล่ม 1 ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายคือ มันเป็นหนังสือนิยายที่ถูกนำไปทำเป็นอนิเมะที่ผมชอบดู
1
เป็นหนังสือที่เพื่อนวัยเดียวกันหรือรุ่นพี่ที่รู้จักกันมองว่าไร้สาระ อ่านไปก็ไม่สามารถนำไปพัฒนาตัวเองได้ ไม่เหมือนกับหนังสือ How to ต่าง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหนังสือเล่มแรกที่ผมอ่านจบในรอบหลายปีโดยใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
หลังจากที่ผมอ่านจบผมรีบตามหาเล่ม 2 ต่อทันที และจากนั้นเล่ม 3 เล่ม 4 เล่ม 5 ก็ตามมาเรื่อย ๆ และจากนั้นไม่นานผมก็กลายเป็นคนที่รักการอ่านโดยไม่รู้ตัว
หนังสือ overlord
ผมเริ่มเปิดใจกับหนังสือแนวต่าง ๆ มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ การเงิน การเมือง เรื่องสั้น ท่องเที่ยว และประวัติศาสตร์ เช่น
  • MUJI เพราะไม่มีอะไรจึงมีอะไร
  • How to Make Work Not Suck
  • 100 นวัตกรรมสร้างฟินแลนด์
  • A world history of horror
หนังสือของ Kaopoon Talk
ปัจจุบันผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเปลี่ยนแปลงที่ว่าได่แก่
  • ผมมีสมาธิจดจ่อกับงานที่ทำตรงหน้ามากขึ้น
  • ผมสามารถอ่านเนื้อหายาว ๆ จบได้ในเวลาไม่กี่นาที
  • ผมสามารถสรุปเนื้อหายาว ๆ ให้สั้นลงได้โดยที่ยังคงมีใจความสำคัญทุกอย่างครบถ้วน
  • ผมกลายเป็นคนเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สรุปแล้วการลงทุนนี้ (ลงทุนซื้อหนังสือเพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนรักการอ่าน) สำหรับผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมาก็คงจะพูดได้เต็มปากว่า
เพราะการลงทุนนี้แหละมันจึงทำให้ผมมีความมั่นใจว่าตัวเองมีความพร้อมมากพอที่จะเริ่มทำเพจ Kaopoon Talk และพาเพจนี้เติบโตขึ้นมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั่นเอง
ที่เล่ามาทั้งหมดคือการแชร์เรื่องราวการลงทุนเล็ก ๆ ของผม
ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้มีเรื่องราวการลงทุนแบบไหนสามารถมาแชร์กันได้ในคอนเมนท์นะครับ
โฆษณา