20 มี.ค. เวลา 15:45 • สัตว์เลี้ยง

Tantory 2 ☘️สัตว์เลี้ยงของทัน

วันนี้มาพูดถึงสัตว์เลี้ยงสุดที่รักกันบ้าง หลายคนก็คงมีสัตว์ที่ชอบแตกต่างกันไป
ส่วนเรานั้น สัตว์ที่เราชอบคือ แมว ปลา และก็นก
แต่สัตว์ที่ครอบครัวเราเลี้ยงมี หมา แมว ปลา บางครั้งก็เลี้ยงสัตว์ที่เก็บได้ เช่น บ่าง ตุ่น และอื่นๆ
ก่อนจะพูดถึงสัตว์ที่เราชอบ ต้องเท้าความถึงสัตว์ที่เราเคยเลี้ยงมาก่อน
เชื่อว่าหลายๆ ครอบครัวก็คงรักสัตว์และค่อนข้างที่จะรักสัตว์ใช่ไหม พ่อแม่ของเราก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
สมัยเรายังเด็กตั้งแต่อายุก่อนหกขวบ พ่อเรารับหมาของคนอื่นมาเลี้ยง เพราะเจ้าของแก่แล้วเลยยกหมาให้บ้านเรา เป็นพันธ์ร็อตไวเลอร์ผสมอาร์เซเชียน (พ่อเป็นร็อตไวเลอร์ แม่เป็นอาร์เซเชียน) ตัวสีดำ ค่อนข้างผอมเพรียวและหล่อเลยทีเดียว น่าแปลกที่เราไม่กลัวมันเลย พ่อตั้งชื่อมันว่า “หมี” มันเป็นหมาที่สุภาพ องอาจ หล่อเท่มาก ไม่เคยกัด ไม่เคยร้ายใส่เราเลย
แล้วตอนนั้นก็เลี้ยงหมาพันธ์ผสมอีกตัวหนึ่งชื่อ “นิกกี้” เป็นหมาตัวสีขาวอมน้ำตาล ตัวเล็กน่ารัก ตอนนั้นมันมาบ้านเราตั้งแต่มันยังเด็ก ไม่เหมือนเจ้าหมีที่มาตอนโตแล้ว นิกกี้ยังเด็กอยู่มาก เพราะแบบนั้นก็เลยได้รับความเอ็นดูค่อนข้างมาก เรารักชอบมันมาก
แต่แล้วเหตุสลดก็เกิดขึ้ึน พ่อเราให้มันกินกระดูกไก่ ทำให้มันเป็นลำไส้อักเสบ วันนั้น… วันที่มันมีอาการไม่ค่อยดี พ่อกับเรากระวนกระวายมาก รีบพามันไปโรงพยาบาลสัตว์
แต่ไปที่แรก…
ร้านปิด!
เลยต้องไปหาที่ต่อไป ซึ่งตอนนั้นพ่อเป็นคนขับมอเตอร์ไซต์ และเราเป็นคนซ้อน และเราต้องอุ้มนิกกี้ไว้แนบอกด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธทั้งโมโห ทำไมร้านปิด! ทำไมร้านไม่เปิด! นิกกี้จะไม่ไหวอยู่แล้ว! ถ้านิกกี้เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
วันนั้น กว่าเราจะเจอคลินิกที่ไม่ปิด เลือดก็เต็มแขนเต็มอกเราแล้ว เลือด… เต็มตัวของนิกกี้
นิกกี้ได้จากเราไป ในตอนที่เราอยู่หน้าคลินิกที่เปิด
นิกกี้ีตาย! ในอ้อมอกเรา
ในอ้อมอกของเด็กหกขวบ!
วันนั้นมันสะเทือนใจเรามากจริงๆ หมาที่เรารักและผูกพันธ์มากที่สุดตายอยู่ในอกเรา เลือดไหลออกมาเต็มมือเราไปหมด ความรู้สึกที่เลือดอุ่นๆ ย้อมมือ และร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ในมือมีเลือดอยู่อกมาเต็มตัวมันทำให้เศร้าใจมากเลย แต่เราจำได้ดีว่ามันนั้นตอนที่นิกกี้ตายเรานิ่งเงียบไม่ร้องเลย แบบความรู้สึกมันถูกตัดฉับ คือเคว้งไปเลย แล้วหลังจากนั้นพอรู้ตัวอีกทีถึงค่อยร้อง
ร้องที่มันตายอยู่ในมือเรา
ร้องที่ช่วยมันไว้ไม่ได้
สงสารมัน มันต้องเจ็บต้องทรมานกว่าจะตาย
ร้องเพราะเสียใจ
และเราก็ได้รู้ว่าทำไมมันถึงตาย เราได้รู้ว่ามันเป็นลำไส้อักเสบ เพราะกินกระดูกไก่
เพราะกระดูกไก่มันแหลม มันอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ของสัตว์ ถ้าหมาเราเคี้ยวกระดูกไก่ กระดูกไก่ก็จะแตกเป็นชิ้นเล็กๆ พอมันกลืนลงไป กระดูกไก่ก็จะบาดและแทงอวัยวะภายในของมัน ทำให้…มันตาย…
พอรู้แบบนี้เราก็แอบโกรธพ่อเรา ว่าทำไมต้องให้มันกินกระดูกไก่ ไม่งั้นมันคงไม่ตาย และเราคงไม่ต้องเสียใจ!
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปครอบครัวเราต้องย้ายบ้าน เราจำไม่ได้ว่าหมีตายตามอายุขัยหรือพ่อเราส่งหมีให้คนอื่นเลี้ยง
แต่หลังจากนั้นบ้านเราไม่ได้เลี้ยงหมาอีกเลย
จนกระทั่งบ้านเราย้ายไปจังหวัดบ้านเกิดของแม่ ช่วงประมาณที่เราอายุ 14 ปี มีหมาจรจัดมากินอาหารตรงที่ทิ้งเศษอาหารใกล้กับที่ล้างจานของบ้านเรา เป็นหมาพันธ์บางแก้วตัวสีขาว หลังอาน มันมักจะมาวนเวียนแถวบ้านเรา พ่อกับแม่ของเราก็เอาอาหารให้มันกินอยู่เรื่อยๆ จนไปๆ มาๆ มันก็กลายมาเป็นหมาของบ้านเรา
เดิมทีพ่อกับแม่เราเป็นคนรักสัตว์ แต่เพราะบ้านเราย้ายบ้านบ่อย เลยไม่อยากเลี้ยงสัตว์เพราะเดี๋ยวจะผูกพันธ์ และตอนย้ายบ้านจะเอามันไปด้วยไม่ได้ เพราะเอาไปลำบาก แต่พอเจ้าขาวมาบ่อยๆ พ่อกับแม่เราก็เริ่มเปิดใจ
พ่อเราเรียกมันว่า “ขาว” ขาวเป็นสุนัขเพศเมียที่ค่อนข้างสง่า ผอมแต่ดูแข็งแรง หางเหมือนดาบ ถ้าดูไกลๆ อาจนึกว่าเป็นหมาตัวผู้ เพราะมันรูปร่างดี ดูแข็งแรงปราดเปรียว ถ้าเปรียบเทียบเป็นคนก็เหมือนคนตัวสูงหุ่นดีที่มีหน้าตาเฟียสๆ
ความจริงบ้านเราสร้างบ้านหมาให้ขาว เป็นคอกหมาที่ใหญ่มาก แต่ขาวมันเป็นหมารักอิสระ พ่อเราเลยไม่ค่อยล่ามมันไว้ เพราะมันดูอึดอัด ไม่มีความสุข แต่ขาวมันเป็นหมาแสนรู้ มันออกไปเที่ยวนอกบ้าน แต่มันก็รู้จักเวลา รู้จักกลับมากินข้าวที่บ้าน กลับมานอนที่บ้าน พวกเราเลยไม่ค่อยห่วงมันเท่าไหร่
จนมันนึงมันอุ้มท้องกลับมาและ ปิ๊ง~เกิดเป็นหมาน้อยน่ารักสามตัว หมาน้อยแต่ละตัวน่ารักมาก ยิ่งโตยิ่งน่ารัก ปกติหมาแม่ลูกอ่อนต้องหวงลูก จะเข้าใกล้ลูกมันไม่ได้เลย แต่ขาวไม่เป็นแบบนั้น ต่อให้เราและน้องจะเข้าใกล้หมาน้อย ขาวก็ไม่ขู่ไม่กัด
และด้วยความที่ยังเด็กและเห่อหมา เรากับน้องพาหมาน้อยออกไปเดินเล่น เรียกง่ายๆ คือพาหมาออกไปเดินอวดแถวบ้านนั่นเอง แต่พอพาไปแล้วเผลอปล่อยลง หมามันวิ่งเล่นอยู่แถวนั้นจนพากลับไม่ได้ สุดท้ายพ่อเรากับขาวต้องมาพาเรากับน้องกับหมาน้อยกลับเอง
พอหมาน้อยโตพอจะออกจากอกแม่ หมาน้อยสองตัวถูกขอไปเลี้ยงที่อื่น เหลือตัวเดียวอยู่กับบ้านเรา แม่เราตั้งชื่อให้มันว่า “โคล่า” เพราะสีมันเป็นสีน้ำตาล จมูกเป็นสีดำ
ขาวกับโคล่ากลายเป็นที่รักของบ้านเรา แต่วันแสนเศร้าก็มาอีกครั้ง ขาวถูกวางยาเบื่อ มันกลับบ้านมาด้วยความเซื่องซึม ดูทรมานแปลกๆ พ่อเราเห็นผิดสังเกตเลยจับมันกรอกไข่ขาวเพื่อล้างพิษไว้ก่อน เพราะตอนนั้นดึกแล้ว ไม่มีคลินิกที่ไหนเปิดแล้ว กะว่าตอนเช้าจะพามันไปหาหมอ แล้วพอกรอกไข่ขาวให้มันอาเจียนออกมา มันก็อาการดีขึ้น ดูสงบลง ไม่ทุรนทุรายเหมือนเดิม และเข้าไปนอนในห้องน้ำที่มันชอบ
เราก็วางใจกัน ตอนนั้นมันชอบเข้าไปนอนในห้องน้ำที่อยู่นอกบ้านเวลาที่มันสบายใจ ในขณะที่เราวางใจกัน เช้าวันต่อมา ขาวกลับหายตัวไป ตามหายังไงก็หาไม่เจอ
พ่อบอกเราว่า มันคงไม่รอดแล้ว มันคงไม่อยากให้พวกเราเห็นมันตาย เลยหนีไปตายที่อื่น แต่ก่อนตายมันคงอยากกลับมาเจอครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย เราร้องไห้เลย
เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่ามันทรมานมากตอนกลับมาบ้าน มันหวังว่ามันจะรอดชีวิตรึเปล่า หวังว่าครอบครัวจะช่วยมันได้รึเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ หมาเราต้องจากเราไปอีกตัวแล้ว…
ต่อมาครอบครัวเราจะย้ายบ้าน ก็ขอไปฝากโคล่าเอาไว้กลับบ้านตรงข้ามก่อน กะว่าอีกหนึ่งปีจะไปรับมันกลับมา เพราะที่ๆ จะย้ายไปอยู่ไกลมากๆ ไปแล้วคนยังไม่แน่ว่าจะได้อยู่ที่ไหน ไม่รู้ที่นั้นจะเลี้ยงหมาได้ไหม มีที่รึเปล่า ถ้าเลี้ยงสัตว์จะรบกวนเพื่อนบ้านรึเปล่า เลยยังไม่ได้เอาโคล่าไปด้วย กะว่าจะไปตั้งตัวกันให้ได้ก่อน ค่อยมารับหมาไป
อีกอย่างคือเราไปกันได้ไม่หมด เพราะเรายังต้องเรียนที่นี่ต่อ แล้วของที่จะย้ายไปก็เต็มคันรถแล้ว ทำให้โคล่าไปด้วยไม่ได้ ต้องให้โคล่าอยู่ที่บ้านตรงข้ามไปก่อน ส่วนเราต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติ ไม่ค่อยได้เจอกับโคล่า
แต่พอถึงเวลากลับไปรับ บ้านที่ฝากโคล่าไว้บอกว่าขอโคล่าไว้ได้ไหม ผูกพันธ์กับมันเข้าแล้ว ถ้ามันไปเขาคงเหงา ประกอบกับเจ้าโคล่าที่ห่างกันไปหนึ่งปีก็ดูมีความสุขดี ดี๊ด๊า เล่นกับหมาตัวอื่นแถวบ้าน พวกเราเลยคิดว่าไม่เอามันไปดีกว่า เพราะสภาพแวดล้อมที่มันอยู่ก็ดีอยู่แล้ว แล้วมันก็มีคนที่รักมันแล้ว คนที่รับเลี้ยงมันต่อค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม ถ้าคนรู้ว่ามันเป็นหมาเขา คงไม่มีใครกล้าวางยาเบื่อมันเหมือนที่ทำกับแม่มัน
โคล่าเป็นหมาตัวสุดท้ายที่ครอบครัวเราเลี้ยง หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันครอบครัวเราไม่ได้เลี้ยงหมาอีกเลย
ความจริงในขณะที่เราเลี้ยงขาวและโคล่า บ้านเราก็เลี้ยงแมวด้วย แมวตัวแรกชื่อ “ไนต์” เพราะเป็นแมวลายสลิดสีมืดเหมือนตอนกลางคืน แม่เราเลยตั้งชื่อมันว่าไนต์เป็นแมวที่น่าตาน่ารัก น่าเอ็นดูที่สุด แบ๊วกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นแมวลายสลิดที่สวยจริงๆ แต่มันตายตั้งแต่เล็ก เราจำไม่ได้ว่าทำไมมันถึงตาย แต่เราเสียใจอาลัยอาวรณ์มาก พอแม่รับแมวอีกตัวมาเลี้ยงเราเลยตั้งชื่อให้มันว่าไนต์เหมือนกัน
“ไนต์ที่ 2” เป็นแมวลายสลิดเหมือนกัน สีก็แบบเดียวกัน ลายก็แบบเดียวกันกับไนต์ตัวที่ตายไป มีแค่อย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันคือ ไนต์ที่ 1 หางยาวแบบปกติ ส่วนไนต์ที่ 2 หางสั้นประมาณ 10 cm
ครอบครัวเราก็เอ็นดูไนต์ที่ 2 มาก เมื่ออยู่กันไปนานๆ จนผูกพันธ์กัน เราก็รู้สึกเสียใจที่ตั้งชื่อแมวตัวที่สองว่าไนต์ตามแมวตัวแรกมากๆ เพราะเหมือนมันเป็นตัวแทนของตัวแรก ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันไม่ได้เป็นตัวแทนของตัวแรกเลย เรารักมันอย่างที่มันเป็น เพราะไนต์ตัวแรกกับไนต์ตัวที่สอง นอกจากสีขนกับลายที่เหมือนกันแล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกันอีก นิสัย รูปลักษณ์ การแสดงออกไม่เหมือนกันเลย มีแค่ตอนตั้งชื่อที่ตอนเห็นมันแล้วคิดถึงตัวแรกขึ้นมา แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นมันเป็นตัวแทนเลย
ดังนั้นพอหวนคิดถึงชื่อมันทีไรก็รู้สึกผิดทุกที น่าจะตั้งชื่ออื่นให้มัน เฮ้อ…
ต่อไปเราจะเรียกแมวตัวที่สองนี้ว่าไนต์ และให้ตัวแรกเป็นไนต์ที่หนึ่งนะ ไนต์ของเรางดงามมาก สง่าแบบพวกคุณชายสูงศักดิ์ยังไงอย่างนั้นเลย หน้าก็หล่อ ตาก็โฉบเฉี่ยว แต่ก็ยังกลมโต เป็นแมวตัวใหญ่ เหมือนอ้วนแต่ไม่อ้วนนะ เป็นแมวมีเนื้อ
ปกติแมวมีสามแบบใช่ไหม คือแมวผอม แมวอ้วน แล้วก็แมวปกติ ไนต์ของเราคือแมวปกติที่โครงร่างค่อนข้างใหญ่ ถ้าเทียบกับคนก็เหมือนคนที่โครงร่างสูงใหญ่ เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ นั่นแหละ
ไนต์ของเรามีลักษณะทางกายภาพคือ ค่อนข้างตัวอวบ ตัวใหญ่ หน้าเต็ม หน้ากลม หล่อ ตาสีอำพัน เป็นแมวลายสลิดตัวสีน้ำตาลดำ อุ้งเท้าสีดำ ขนหูสีขาว มีหนวดที่คิ้วกับแก้มสีขาว จมูกสีชมพู ตรงปากกับคางเป็นสีขาว กน้าผากเป็นรูปตัวเอ็ม
ภาพลักษณ์ คุณชายผู้สูงส่ง สง่างาม สุขุม อ้อนแบบผู้ดี
ไนต์ชอบมาอยู่ใกล้ๆ เรา เวลาเราอ่านหนังสือก็มานอนข้างๆ เวลาเรานอนกลาวันก็นอนกับเราด้วยโดยชอบนอนแบบให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งติดกับเรา ชอบมานอนตัก เอ็นดูอ่ะ…
ส่วนน้องชายเราชอบเล่นเป็นรถแข่งกับไนต์ คือจะทำเสียงแว๊นรถ แง๊นๆๆ พร้อมกับโยกหางไนต์ไปมา แล้วพอปล่อยหางปุ๊บไนต์จะรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างไว เหมือนรถแข่งที่ถูกปล่อยจากจุดสตาร์ท เขาชอบเล่นกันแบบนี้
หางไนต์เป็นหางสั้นๆ แบบ American Bobtail Cat ไม่ใช่หางเป็นพุ่มแบบกระต่ายนะ แต่เป็นหางที่ยาวออกมานิดหนึ่ง ลองคิดว่าหางปกติมันสามารถม้วนหรือขดได้ แต่หางไนต์เหมือนเป็นเอ็นเป็นคันโยกเกียร์รถที่หักงอไม่ได้ เป็นแท่งตรงๆ ที่ส่ายดุ๊กดิ๊กไปมาได้ น่ารักมากๆ
นี่คือเรื่องของไนต์ที่รัก หลังจากไนต์มาบ้านเราตั้งแต่ตัวเล็กเท่าฝาหอย จนโตเป็นฝาหม้อ แม่ก็รับแมวมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว เป็นแมวตัวสีขาวปลอด ตาซ้ายสีฟ้าใส ตาขวาสีน้ำตาล หูสีชมพูจมูกสีชมพู ผอม แก้มตอบ ทรงแบบตัวโกงผอมๆ ในการ์ตูนแม่ตั้งชื่อให้มันว่าแน็ก เพื่อจะได้มี น.หนู เหมือนไนต์
“แน็ก” เป็นแมวขาวมณี ที่ซนมาก เป็นแมวขี้เล่น เป็นแมวขี้สงสัย ชอบสำรวจ อยู่นิ่งไม่ได้เลย ดีดกว่ากินกาแฟก็เจ้าแน็กนี่แหละ น้องชายเราชอบเล่นกับแน็กมาก แม่เราด้วย ทุกคนเอ็นดูแน็กกันหมด…ยกเว้นเราที่ยังยกให้ไนต์เป็นนัมเบอร์วันในใจ
เวลาแน็กอยู่กับไนต์จะชอบคลอเคลีย ชอบพันแข้งพันขาชอบเล่นกับไนต์ แล้วไนต์ก็จะอยู่นิ่งๆ ทำหน้าแบบไม่สนใจอะไร บางทีก็ทำหน้าแบบเหนื่อยใจ บางทีก็เล่นด้วยนิดหน่อย ความสัมพันธ์เหมือนผู้ปกครองและเด็กในความดูแลของเขา
ความสัมพันธ์ระหว่างแมวกับหมาบ้านเราก็ดีต่อกันนะ ขาวและโคล่าเล่นกับไนต์และแน็กได้โดยไม่เคยทะเลาะกันเลย ขาวกับโคล่าไม่เคยกัดไนต์กับแน็กเลย มีแต่เป็นฝ่ายยอม โดยเฉพาะโคล่า ยอมแน็กตลอดเลย
เอาเป็นว่า แมว หมา และคน อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี แต่ตอนที่ต้องย้ายบ้าน พ่อแม่กับน้องเราย้ายไปก่อน เรายังเรียนอยู่ที่เดิม แต่ต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติแทน พ่อกับแม่จะมารับเรากับโคล่าพร้อมกัน ให้อยู่ที่เดิมหนึ่งปีไปก่อน
ทีนี้มันมีปัญหาตอนย้ายบ้านทเพราะของเยอะเลยต้องใช้รถสองคัน พ่อแม่กับน้องเราล่วงหน้าไปก่อน แต่ของบางส่วนกับไนต์และแน็กไปกับรถคันหลัง ซึ่งรถคันหลังเป็นรถน้าเราที่แวะพักที่จังหวัดบ้านเขาก่อนหลายวันถึงค่อยเดินทางต่อ เพื่อให้พ่อกับแม่เราเตรียมที่อยู่ให้เรียบร้อยก่อน ค่อยเอาสัตว์กับของที่เหลือตามไป แต่! น้าเราดันเปิดกรงแมว ทำให้ไนต์กับแน็กที่ตกใจเพราะเจ้าของไม่อยู่วิ่งหนีออกจากกรงหายไป! แล้วบ้านน้าเราเป็นป่า ป่าล้อม! และแถวนั้นหมาก็เยอะมากด้วย!
แมวเรายังจะมีชีวิตรอดไหม!? แมวที่ถูกเลี้ยงดูมันจะหาของกินเองเก่งสักแค่ไหน หมาตัวอื่นจะดีกับมันไหม มันจะถูกสัตว์ในป่าทำร้ายไหม
ตอนเรารุ้ข่าวจากแม่เราว่าแมวเรายังไปไม่ถึงบ้าน เราเสียใจมาก โกรธน้าว่าจะเปิดกรงทำไม ทำไมไม่ดูแลแมวเราให้ดี มันะกลับมาไหม ตอนนั้นในใจก็หวังให้มันกลับมา แต่มันก็ไม่ได้กลับมา ความจริงในใจเราคิดในแง่ร้ายไปแล้ว แต่อีกใจลึกๆ ก็หวังว่าไนต์กับแน็กจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ หวังว่ามันจะรอดปลอดภัย จะมีคนช่วยมันไว้ได้
กว่าครอบครัวเราจะเปิดใจเลี้ยงสัตว์ได้ไม่ใช่ง่ายๆเจอแบบนี้ไปก็ต้องพยายามเว้นระยะห่างกับสัตว์อีก เพรากลัวผูกพันธ์
เวลาผ่านไปหลายปี ครอบครัวเราก็ย้ายบ้านอีก เมื่ออยู่ที่บ้านหลังปัจจุบัน ไม่กี่ปีก่อน มีแมวซึ่งก็ไม่รู้ว่าแมวจรหรือมีเจ้าของ คอยมาวนเวียนอยู่แถวบ้านเรา มาขอข้าวขอน้ำกิน บางตัวก็พยายามจะเข้ามาในบ้าน แต่พ่อกับแม่เราไม่ยอม ไม่อยากผูกพันธ์แต่ก็ให้ข้าวให้น้ำมัน มันมานอนอยู่ใต้ท้องรถ บนหลังคารถก็ไม่เคยไล่มัน จนมันตายตามอายุขัยก็ฝังมันให้ เพราะมันเป็นแมวแก่ตาบอด น่าสงสารมาก
ผ่านไปไม่นาน มีแมวตัวใหม่มาอีก คราวนี้เป็นแมวตัวเล็ก เหมือนพึ่งพ้นอกแม่มาได้ไม่นาน สวยด้วย น่ารักด้วย น่าสงสารด้วย แม่กลัวมันจะตายซะก่อนก็เลยยอมให้มันเข้าบ้านหนึ่งครั้ง ยอมตัดสินใจว่าจะเลี้ยงมัน แต่พึ่งจะตัดสินใจรับมันเข้าบ้านได้ไม่เท่าไหร่ เช้าวันต่อมา มันกลับหายตัวไป!
ผ่านไปหลายวันแล้วได้กลิ่นเน่าอยู่แถวข้างบ้าน ปรากฏว่าเป็นแมวตัวนั้น แมวที่ครอบครัวเราคิดจะรับเลี้ยง มันมานอนตายอยู่ในบริเวณบ้านเรา ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่บริเวณบ้านเราจะมียาเบื่อ เพราะครอบครัวเราไม่เลี้ยงสัตว์ คงไม่มีใครแอบเอายาเบื่อมาวางไว้ถึงที่นี้หรอกใช่ไหม ดังนั้นมีความเป็นไปได้เดียว คือ มันโดนวางยาเบื่อจากบ้านอื่น แต่ซมซานกลับมาตายอยู่ที่บ้านเรา เราไม่ได้เห็นเองกับตาหรอก เพราะเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แม่เราเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ ซึ่งเราได้ฟังเรื่องนี้ปุ๊บเราก็รู้เลยว่า
เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นขีดจำกัดสุดท้ายของพ่อแม่เรา…ในการเลี้ยงสัตว์
ทุกวันนี้พ่อกับแม่เราไม่ยอมให้ใครในครอบครัวเลี้ยงหมากับแมวอีกเลย
เพราะเลี้ยงหมา หมาก็ถูกยาเบื่อ พ่อเข้าใจว่าหมาค่อนข้างเป็นที่รักของผู้คนยาก เพราะแค่มันเห่าก็อาจมีคนรำคาญถึงขั้นอยากฆ่ามัน พ่อเลยไม่เลี้ยงหมาอีก
งั้นเลี้ยงแมวคงได้ แมวไม่ได้เสียงดังเท่าหมา แต่ปรากฏว่าแมวก็ไม่ใช่ที่รักของคนเช่นกัน แมวจึงตาย…
ตอนเลี้ยงหมาแล้วหมาถูกยาเบื่อยังพอเข้าใจได้ ว่าหมาเรามันน่ารักกับเรา แต่อาจไม่น่ารักกับคนอื่น อาจสร้างความรำคาญให้คนอื่น เขาจึงอยากกำจัดมัน หรือบางทีเขาอาจเกลียดเจ้าของเลยวางยาหมา
แต่ตอนที่แมวถูกวางยาเบื่อ มันสะเทือนใจเหมือนกันนะ แค่แมวมันไปขอข้าวกินแถวบ้านเขาถึงขั้นต้องวางยาเลยเหรอ แมวมันไม่ได้เห่าเสียงดังเหมือนหมานะ มันยังเป็นแค่ลูกแมวนะ ทำไมถึงทำได้ลง
ถ้าอยากเลี้ยงสัตว์ให้รอดชีวิตต้องเลี้ยงอยู่ในระบบปิดเท่านั้นเหรอ ต้องให้มันอยู่แค่ในกรงอย่างนั้นใช่ไหม เอามันออกมาข้างนอกไม่ได้เลยใช่ไหม เพราะไม่รู้ว่าจะมียาเบื่อแอบไว้อยู่ตรงไหนบ้าง ถ้าพามันมาเดินเล่นก็ห้ามปากมันไม่ให้ไปถูไถพื้นหรืออะไรพวกนั้นไม่ได้อีก การจะเลี้ยงให้มันรอดชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มียาเบื่อรออยู่แบบนี้มันเลี้ยงให้รอดได้ยากจริงๆ
ไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดไหน ต่อให้เราเลี้ยงสัตว์เราดีแค่ไหน ก็จะมีคนอยู่บางจำพวกที่เขาไม่ชอบสัตว์จริงๆ อยากกำจัดสัตว์ให้พ้นๆ หน้าตัวเองไปอยู่จริงๆ เขาจะทำทุกอย่างให้สัตว์นั้นตาย แม้ว่าเราจะเลี้ยงสัตว์ของเราให้มันอยู่แต่ในบ้าน แต่ถ้ามีคนอยากวางยาเบื่อ ยังไงเขาก็หาวิธีฆ่ามันจนได้อยู่ดี
ดังนั้นครอบครัวเราเลยพอแล้ว เลิกเลี้ยงหมากับแมวแล้ว
เหตุเพราะเลี้ยงแล้วไม่อาจทนสูญเสียได้อีก
มีเรื่องนึงที่เราสงสัยตัวเอง
สมัยเด็กๆ เราชอบหมามาก เป็นคนรักหมาคนหนึ่ง ไม่กลัวหมา กล้าเล่นกับหมา ทั้งอุ้มทั้งลูบทั้งกอด
แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอเราโตมา เมื่อเราเจอหมา ไม่ว่าจะตัวเล็ก ตัวใหญ่ หมาดุ หมาไม่ดุ หมาเด็ก หมาหนุ่ม หรือหมาชรา เราจะมีความอึดอัดอยู่ในอก ไม่กล้าจับ ไม่กล้าลูบ ไม่กล้าอุ้ม ไม่กล้าชมว่าน่ารัก ไม่กล้าแสดงความรัก ไม่กล้ารัก เหมือนคนกลัวหมา
แต่ถ้ากับแมว ไม่เป็นแบบนั้นเลย กับแมวเรายังมองว่ารักได้ ยังกล้าลูบ กล้าจับ เราก็สงสัยเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ลำเอียงเหรอ? รักแมว…แต่ไม่รักหมา?
ทั้งๆ ที่หมาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตว์ และรักเจ้าของ แสนรู้ และเป็นเพื่อนที่คอยปกป้องแล้วอยู่เคียงข้างเรา ทำไมเราถึงผลักไสมัน?
และทั้งที่แมวส่วนใหญ่ค่อนข้างเอาแต่ใจ อยากอ้อนก็อ้อน ไม่อยากอ้อนก็เมิน ไม่คลั่งรักเราเหมือนหมา แต่ทำไมเราถึงไม่หลีกเลี่ยงแมวและดูเหมือนจะชอบแมวมากกว่า?
เพราะอะไรกันนะ?
คำถามนี้เราเฝ้าถามตัวเองมานาน จะว่าเราชอบของเล็กๆ น่ารักเลยชอบแมวมากกว่า เพราะแมวมันตัวเล็กกว่าหมา มันก็ฟังไม่ค่อยขึ้นนะ เหตุผลนี้
เราเลยเดาว่า น่าจะสืบเนื่องมาจากตอนเด็กๆ หรือเปล่า ที่นิกกี้ตายคาอกเรา มันเลยกลัวฝังใจ กลัวว่ามันจะตายแบบนี้รึเปล่า แล้วเจอเหตุการณ์หมาโดนวางยาเบื่อแล้วแอบไปตายที่อื่นเข้าไปอีก เลยยิ่งรู้สึกผิดรึเปล่า เลยไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากทำร้ายชีวิตมัน
เป็นเหตุผลนี้รึเปล่านะ?
จะว่ากลัวหมาเพราเคยโดนหมากัดก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะอย่างดีก็แต่โดนหมาวิ่งไล่งับขาตอนขี่รถผ่าน แต่ก็ไม่เคยโดนกัดจริงๆ นี่ หรือว่าแค่โดนภาพลักษณ์หมาดุ หมาขู่ ถึงขั้นทำให้เรากลัวฝังใจได้เลยเหรอ?
เดี๋ยวนี้ทำตัวสนิทกับหมาไม่ได้เลย…ทำได้แค่แอบชื่นชมมันในใจ ว่ามันเก่ง มันดี มันซื่อสัตย์ มันรักเจ้าของจังเลย น่านับถือจังเลย
ทำได้แค่คิด เท่านั้นเอง เฮ้อ~~
โฆษณา