25 มี.ค. เวลา 03:04 • ความคิดเห็น
นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่า โลกธรรม ..คำติคำชม มันนำให้เกิดอารมณ์ ดีใจ เสียใจ เบื่อหน่าย ท้อแท้ เซ็งเป็ด เดินไปไปไหน ก็ร้องกลับๆๆ มันเกิดที่ตัวใคร มันก็ไปยึดอาเอาอารมณ์นั้นเป็นของเรา ..ยึดไม่ปล่อยวาง โทษคนนั้นคนนี้ ที่แท้อารมณ์ที่เกิดในตัวตนของเรา ที่มีกันทุกวัน แต่เราก็ไม่เคย อยู่นิ่งเฉย .ค่อยสำรวจ ตรวจสอบ เรื่องราวของอารมณ์ตัวเอง เหตุที่มันมาอยู่เฉยไม่ได้ ก็เพราะเรายินดีปล่อยกายไปจิตไปตามอารมณ์ตลอดเวลาไม่เคยหยุดยั่งอารมณ์ได้เลย มันก็เลย เก็บๆ สะสมอารมณ์อยู่ในกายที่เรายึดถือเป็นตัวตนของเรา
ถ้าจะบอกว่า เมื่อเราหมั่นเพียร นำกายนี้ มาสร้างบุญกุศลบารมี ปฏิบัติธรรม ..กรรมก็คืออารมณ์ต่างที่เราใช้ดีใจเสียใจ โลภโกรธหลง ก็จะค่อย ..ละลายไป ที่เค้าเรียกว่า กรรมนั้นเดินตามไม่ทัน แต่นั่นแหละ บอกยังไงมันก็ทำไม่ได้.เพราะมีคำที่ว่า จิตมันหนาแน่นด้วยกิเลสอารมณ์กรรม มันไม่เคยลดละออกไป มันมีแต่เพิ่มพูนให้มาขึ้น คล้องเวรกรรมให้มากขึ้น จิตก็ ต้องเกิดบ่อยๆ ยาวนาน ..
นั่นเป็นเพราะเราไม่เคย ..รู้จักอารมณ์ที่เราใช้ ไม่เคยรับรู้ว่าอารมณ์นำพาจิต ไปหาเรื่องราวอะไร ยึดเรื่องราวที่เป็นทุกข์ ..นั่นก็กรรมของตัวเราเอง รู้ว่าอารมณ์มันทับถมจิต ก็หาทางเอามันออกไป . เวลามีเรื่องราวที่เครียด อารมณ์มันก็ทับถมจิต เราก็เข้าห้องพระสวดมนต์ภาวนา เอาจิตมาอยู่กับพระ . อารมณ์ต่างๆเค้าก็หลุดลอกออกไป แล้วเราก็ทำบุญทำทานของเราไปเรื่อย ..ความเครียดอะไรมันก็น้อยลงไป จ้ตเราก็เบาบางจากอารมณ์ สติของจิตก็เร็วขึ้น ปัดอารมณ์คำติคำชมนั่นออกไป เราไม่ไปยึดคำติคำชม
โฆษณา