30 มี.ค. เวลา 23:55 • ธุรกิจ

ณ ช่วงเวลานั้น

One Moment in Time
เราเคยไหม ที่เดินไปซื้อของที่ตลาด เพราะเห็นผลไม้ลูกโตเรียงตัวสวย ราคาน่าสนใจ แต่พอเราสั่งซื้อ แทนที่แม่ค้าจะหยิบผลสวยๆลูกโตๆ ที่วางอยู่ข้างหน้า กลับไปหยิบลูกเล็กๆดำๆที่วางอยู่ข้างๆใส่ถุงให้แทน พอเราทักท้วง ก็พยายามบอกว่าเหมือนกัน
แต่เราทั้งคู่รู้ ว่า…มันไม่เหมือนกัน
หรือเดินไปซื้อข้าวหมกไก่ ที่มีไก่เป็นชิ้นๆวางอยู่ พอเราสั่งข้าวหมกไก่ 1 ห่อ สิ่งที่มักจะเห็นคือ การตักไก่ชิ้นที่เล็กที่สุดให้เรา พอขอเปลี่ยนชิ้น คำตอบคือ ไม่บอกก่อนนี่ มันเหมือนกันล่ะคุณ อันนี้มันดูดน้ำมากกว่า มันเลยดูเหมือนชิ้นเล็ก
แม่ค้าทั้งสองท่านทำอะไรผิด มารยาททรามหรือก็ไม่ และก็ไม่ใช่ไม่ซื่อสัตย์
เพียงแต่สิ่งที่ทั้งสอง พลาดอย่างมหันต์ คือ
ณ ช่วงเวลานั้น
คุณเดช บุลสุข ผู้ก่อตั้ง McDonald ในประเทศไทย เคยเล่าถึงช่วงเวลาที่จะไปเจรจา ขอLicense มานั้น มีคู่แข่งจากประเทศไทยที่มีความพร้อม มากกว่าคุณเดชหลายราย
สิ่งที่คิดคือ ทำอย่างไรที่จะทำให้คู่สนทนา ประทับใจ และต้องประทับใจมากๆ
จนทำให้ท่านได้ McDonald มาบริหาร
และประโยคที่คุณเดช ใช้ในช่วงเวลานั้น คือ
1
You have to give this brand to me.
ก็คือ license นี้ควรต้องให้ผม
แน่นอนอีกฝ่ายก็ต้องถาม ทำไม Why?
Because my name Is Dej Do Everything with Joy and that’s DNA of your brand.
เพราะชื่อผมคือ เดช ที่แปลว่า สนุกกับทุกเรื่องที่ทำ และนั่นคือ DNA ของคุณ
Punch line หรือประโยคที่หยุดโลกได้แบบนี้
จะมาก็ เมื่อเลือกจังหวะเวลา และที่สำคัญสุด
คือ ณ ช่วงเวลานั้น คุณกำลังใช้ประโยคนี้กับใคร
เมื่อมีโอกาสได้พูดคุย สิ่งที่พี่เดชมักเล่าให้ฟังเสมอว่า เราทุกคนเป็นคน ที่มีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ในชีวิต มันไม่ได้ให้เวลาในการคิดมากนัก ท่านพูดเสมอ ว่าถ้ามีคนพูดอะไรกับคุณ สิ่งที่คุณมีเวลาคิด คือ 1 2 และ 3 คุณจะตอบอะไร
ครั้งหนึ่งตอนที่พี่เดชเปิดสาขา McDonald ในเมืองไทย ครั้งแรก ที่สาขาอัมรินทร์ โดยฝั่งตรงข้าม ก็เป็นโรงแรมตั้งอยู่ ที่ปัจจุบันเป็นโรงแรม Intercontinental วันนั้นพี่เดชกำลังนั่งสนทนากับเพื่อนที่ Coffee shop โรงแรมแห่งนั้น มีผู้ใหญ่ท่านนึงเดินผ่านมา แล้วทัก
อ้าว เดช ไหนใครว่า McDonald ขายดี ทำไมเจ้าของถึงมานั่งกินข้าวร้านอื่นล่ะ
คุณเดชเล่าว่าน้ำเสียง ไม่น่ารักแถมกิริยาท่าทางเหมือนดูถูกนิดๆเหยียดหยามเต็มที่
แกบอก ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็คงเรียกว่าโดน Bully
อารมณ์กรุ่นโกรธ ก็อยากจะตอบไปว่า มันเรื่องอะไรของพี่
หรือ ผมกินทุกวันก็ต้องเบื่อบ้างสิ หรือ พี่พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร
และอีกหลายประโยคที่เตรียมพรั่งพรู
แต่พอนับในใจ 1 2 และ 3
ประโยคที่ตอบกลับไป คือ
ลูกค้ามาที่ร้านแน่นมากพี่ ผมเลยต้องหลบมาฝั่งนี้ ให้ลูกค้า…ได้ทานก่อน
เมื่อวานได้นั่งฟัง คุณโจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ พูดถึง ณ ช่วงเวลานั้น
ในบทสนทนาระหว่างนายกับลูกน้อง ที่พอขึ้นเงินเดือน หรือ ให้ Bonus ลูกน้อง
นายทุกคนก็มักจะพูดว่า นี่ผมต้องต่อรองมาหนักมากนะ เพื่อจะทำเงินเดือนขึ้นให้คุณโบนัสนี่ก็ขอ บอร์ดจนเสียงแหบเลยทีเดียว บทสนทนา มักจะเป็น เรื่องความยากลำบาก และสุดท้ายเหมือนจะกลายเป็นบุญเป็นคุณกันเข้าไปอีก
พี่โจ้ บอกว่า ถ้าเรากลับบทสนทนา ของนาย ที่บอก ขอบคุณนะ ที่เป็นกำลังสำคัญของทีม การขึ้นเงินเดือน และโบนัสนี้ก็เป็นเพราะความสามารถของคุณ ขอโทษนะที่อาจล่าช้าไปบ้าง หวังว่าเราคงได้ทำอะไรสนุกๆร่วมกันอีกเยอะๆนะ
ถ้าคนเป็นลูกน้องได้ยิน ประโยคไหน จะมีกำลังใจ และรู้สึกดีกว่ากัน
เคยมีการสำรวจว่า นางงามจักรวาล ที่ชนะเลิศ มักมาจากประเทศ เวเนซุเอลา ก็เลยมีการทำสารคดี การเตรียมตัวเพื่อลงประกวด การเตรียมความสวยความงามก็เรื่องนึง แต่การเตรียมพร้อมที่สำคัญ คือ การตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้าย
มีการนำคำถามเป็นพันๆข้อ มาเรียบเรียง คำถามประเภท อนุรักษ์โลก ตัวแทนความดี รักเด็ก ดูแลครอบครัว ไปไกลจนกระทั่งสีผิว การมองเพศสภาพที่แตกต่าง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การแบ่งชนชั้น GENERATION gap ถูกนำมาตั้งคำถามและ คิดคำตอบ และต้องฝึกให้ตอบตามความรู้สึกจริงๆ ให้เข้าปากแล้วพูด และคนฟังเชื่อ
เพื่อ ณ ช่วงเวลานั้น คำตอบเธอได้ยึดครองใจของคนทั้งโลกแล้ว
การไปสอบสัมภาษณ์ เรามีเวลา 15-30 นาที กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะทำอย่างไรให้เกิดความประทับใจ ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมีโอกาสได้ทำงานที่ดี อีกฝ่ายมีโอกาสที่ดีในการได้พนักงานที่ดี คำถามอะไรที่ควรจะต้องถูกถาม คำตอบที่ควรจะตอบ ควรเป็นคำตอบแบบไหน
ถ้าเราเข้าใจว่า เมื่อผ่านมาถึงสัมภาษณ์ มันน่าจะเป็นด่านสุดท้ายแล้ว ความรู้ความสามารถคงผ่านมาในระดับหนึ่ง สิ่งที่สำคัญ ก็คือ เขาอยากสัมผัสจริงๆว่าคุณเป็นคนอย่างไร ทัศนคติของคุณต่องานที่ทำ ไปจนถึงเพื่อนร่วมงานและการใช้ชีวิต
คำถามที่เรามักเจอคือ การเล่าประวัติ หรือประสบการณ์ของตัวเอง ความรู้ความชำนาญในงานที่ทำ หรือกำลังจะทำ และอาจจะปิดด้วย ทำไมบริษัทเราถึงต้องจ้างคุณ
การสร้างความประทับใจ ในการตอบสัมภาษณ์ในช่วงเวลาที่จำกัด จึงสำคัญมาก การเตรียมตัวประเภทลุกนั่ง ไหว้ สบตา แต่งตัวเรียบร้อย ใครๆก็ทำได้ แต่ประโยคเหล่านี้ เป็นประโยคหยุดโลกที่ได้เจอ
ขอให้ได้ทำงานที่นี่ ไม่จ่ายเงินซักบาท ผมก็ยอม
เวลาเรียนผมจ่ายเงินเพื่อเรียนเนื้อหาวิชาการ แต่นี่ผมมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนเก่งๆแถมได้เงินอีก โอกาสแบบนี้ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มัน
ถ้าพี่ไม่รับผม ผมอาจจะเสียใจ แต่ผมคิดว่าพี่จะเสียใจมากกว่าผม
แม่จ้าวเด็กน้อยหอยสังข์ ไร้ประสบการณ์ ตอบได้ขนาดนี้
ณ ช่วงเวลานั้น พวกเขาได้งานแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เราไม่รู้หรอกว่า เราจะเจอะเจออะไร อาจจะมีคนล้อเลียน Bully คนที่เรารักอยู่ เราอาจจะเลือกลุกขึ้น เดินขึ้นไปเพื่อตบหน้าคนพูด ปกป้องคนรัก หรือ เราอาจจะเลือกนับ 1 2 และ 3 เพื่อจะบอกว่า ประเด็นนี้ไม่โอเค สำหรับเรา สิ่งที่เกิดขึ้น ย่อมอยู่ที่เราตัดสิน
แม่ค้าข้าวหมกไก่ เลือกตักไก่ ชิ้นที่เล็กที่สุด ให้คนที่ซื้อ ณ ช่วงเวลานั้น
สิ่งที่เธอพลาด คือ ลูกค้าคนถัดไปก็จะได้ชิ้นที่เล็กรองลงมา จนเหลือชิ้นใหญ่ที่สุด ให้ลูกค้าคนสุดท้าย เธออาจจะได้ใจลูกค้าคนสุดท้าย แต่เธอทำให้ลูกค้าที่ซื้อของเธอในวันนี้ทั้งวันเสียความรู้สึก ไม่อยากซื้อจากเธอ เพราะยิ่งมาก่อน จะได้ชิ้นเล็ก งั้นมาซื้อเย็นๆ หรือ เปลี่ยนไปซื้ออย่างอื่นดีกว่า
ถ้าเธอเลือกที่จะตักชิ้นใหญ่ที่สุดให้ลูกค้า ให้ทุกคนที่มา คนที่สองก็จะได้ ชิ้นใหญ่ที่สุดถัดๆมา แต่สำหรับลูกค้าทุกคน เขาได้ชิ้นใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น และเขาไม่รู้หรอกว่ามีชิ้นใหญ่กว่านี้ เพราะสิ่งที่เขาเห็น คือ ณ ช่วงเวลานั้น แม้แต่ลูกค้าคนสุดท้ายก็ได้ชิ้นใหญ่ที่สุด ที่มีอยู่
ทั้งหมดก็คือ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า เวลานี้ จังหวะนี้ เราควรจะต้องทำอะไร
แต่ถ้าเราตระหนักได้ว่า ช่วงเวลา ณ ขณะนั้น มีความสำคัญมาก
สิ่งที่คุณควรทำที่สุด คือ ให้ความสำคัญ กับ ณ ช่วงเวลานั้น
ให้สิ่งที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้น กับคนที่อยู่ตรงหน้า
ทำดีกับใครได้ ก็ควรจะทำ
แต่คงจะดีที่สุด
คือ การส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลา นั้น ออกไป
#pickandchooseเก็บมาเล่า
โฆษณา