1 เม.ย. เวลา 02:51 • ความคิดเห็น

กุศโลบายแห่งความเมตตาและกรุณา

คำว่าเมตตาในพรหมวิหารสี่นั้นหมายถึงความปรารถนาที่อยากให้ผู้อื่นมีความสุข ส่วนคำว่ากรุณานั้นหมายถึงความปรารถนาที่อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ ปกติเวลาได้ยินคำสองคำนี้ผมจะคิดแยกจากกันเป็นสองเหตุตลอด เมตตาก็เหตุหนึ่ง กรุณาก็เหตุหนึ่ง ไม่เคยคิดว่าจะมีกุศโลบายไหนที่จะทำให้ได้ทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้
เมื่อวันก่อน พี่เตา บรรยง พงษ์พานิชได้แชร์บทความสั้นๆบทความหนึ่งใน FB ในเนื้อความเป็นกุศโลบายที่แสดงให้เห็นถึงทั้งเมตตาและกรุณาไปพร้อมกัน บทความนั้นเป็นภาษาอังกฤษซึ่งผมแปลเองไว้ดังนี้
“ ฉันแปลกใจมากตอนที่ได้ยินแม่ขอเกลือจากเพื่อนบ้านเพราะเราเองก็มีเกลืออยู่แล้วในบ้าน ฉันเลยถามแม่ว่าทำไมไปขอเกลือเขาแบบนั้น
แม่ตอบว่า… ก็เพราะเพื่อนบ้านเราจนและก็ต้องขอความช่วยเหลือเราอยู่บ่อยๆน่ะสิ แม่ก็เลยลองขอความช่วยเหลืออะไรที่เล็กๆและราคาถูกๆจากเพื่อนบ้านดูที่เขาพอจะให้ได้ เพราะเขาจะได้รู้สึกว่าเราก็ต้องขอความช่วยเหลือเขาด้วย
แบบนี้เขาก็จะได้สะดวกใจและไม่ขัดเขินที่จะขอความช่วยเหลือเราเวลาเขาขัดสนไง..
การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้นเป็นความรู้สึกที่สูงส่งจริงๆ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนจากแม่ของฉันเอง
Fatima Anfig “
หลวงวิจิตรวาทการเคยเขียนเล่าไว้ในหนังสือ “กุศโลบาย” ไว้ว่า คำว่ามนุษย์นั้นแปลว่าหัวใจสูง จะไม่พอใจถ้าถูกทำให้หัวใจต่ำ แต่จะพอใจถ้ารู้สึกว่าตัวเองสำคัญเพราะจะทำให้หัวใจสูงขึ้น การที่เราจะช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์หรือกรุณานั้นถ้าพ้นทุกข์แต่ยังรู้สึกว่าถูกกดไว้ด้วยความด้อยหรือหนี้บุญคุณก็อาจจะสร้างทุกข์ใหม่ขึ้นมาได้ แต่ถ้าทำให้เขาสามารถรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและมีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้ด้วย ไม่ใช่เป็นผู้รับอย่างเดียว ก็จะเป็นการที่สร้างผลที่ได้ด้วยความเมตตาไปพร้อมกัน
3
วิธีคิดแบบคุณแม่ผู้นั้น นอกจากเป็นการยกหัวใจผู้อื่นให้สูงขึ้นไปพร้อมกับได้ช่วยคนแล้ว ก็ยังช่วยยกใจผู้ให้ขึ้นไปได้อีก ด้วยความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆไม่ได้คิดถึงการเป็นบุญเป็นคุณใดๆ
1
เป็นกุศโลบายที่ได้ทั้งเมตตาและกรุณา และได้ทั้งยกใจเราเองอีกด้วย…
ผมอ่านเจอจาก FB พี่เตาแล้วต้องรีบมาเล่าสู่กันฟังครับ…
โฆษณา