THE WEDDING FEAST AT CANA ภาพที่ถูกคนหันหลังให้มากที่สุดในโลก
หากพูดถึงภาพวาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก คิดว่าหลายคนคงนึกถึงภาพ โมนาลิซา ของศิลปินระดับโลก ลีโอนาร์โด ดาวินชี เป็นแน่ โดยภาพโมนาลิซา ถูกจัดแสดงในห้อง ซาล เดอ เอตาส์ ห้องจัดแสดงงานที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส และถือเป็นไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแรงดึงดูดให้คนทั่วโลกมาชมภาพนี้มากกว่า 9 ล้านคนในแต่ละปี
แต่ภายในห้อง ซาล เดอ เอตาส์ ยังมีภาพวาดของศิลปินท่านอื่นๆ จัดแสดงอยู่ด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ภาพวาด The Wedding Feast at Cana ภาพวาดที่มีขนาดกว้าง 6.77 เมตร และยาวถึง 9.94 เมตร เป็นภาพวาดขนาดใหญ่ที่จัดแสดงอยู่ตรงข้ามกับภาพวาดโมนาลิซา ทำให้เป็นภาพวาดที่คนมักหันหลังมองข้ามไปเพราะมัวแต่สนใจภาพวาดโมนาลิซากัน ทั้งๆ ที่ภาพวาด The Wedding Feast at Cana ก็เป็นภาพวาดของศิลปินดังระดับโลกและมีขนาดที่ใหญ่กว่าภาพวาดโมนาลิซามากก็ตาม
The Wedding Feast at Cana เป็นภาพวาดชิ้นเองของ เปาโล เวโรเนเซ 1 ใน 3 ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศิลปะในยุคฟื้นฟูตอนปลายในปี 1562 โดยเขามีเอกลักษณ์ตรงที่วาดภาพที่มีดีเทลเยอะ รายละเอียดมากอัดแน่น และมักเป็นภาพวาดที่มีเนื้อหาหนักๆ ซึ่งภาพ The Wedding Feast at Cana เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา
The Wedding Feast at Cana เป็นภาพที่เล่าเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลช่วงที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกเชิญไปงานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี ซึ่งพระเยซูได้เปลี่ยนน้ำเปล่าให้เป็นเหล้าองุ่นที่สามารถเลี้ยงทุกคนในงานได้ เปาโล เวโรเนเซจึงได้หยิบเอาเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้มาวาด ด้วยการยกเอางานเลี้ยงอันโอ่อ่าของสังคมเวนิสในช่วงศตวรรษที่ 16 มาเป็นพื้นหลังในการเล่า ผ่านการรังสรรค์ฮอลล์อันหรูหราที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน อาหาร และดนตรีชั้นเลิศมากมายมาไว้ในภาพ
ก่อนจะเพิ่มดีเทลเล็กๆ น้อย อย่าง การเอาบุคคลจริงในประวัติศาสตร์มาซ่อนไว้ในกลุ่มคนที่มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ‘เอเลนอร์แห่งออสเตรีย’ ‘ฟรังซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส’ หรือแม้แต่ ‘แมรีที่ 1 แห่ง อังกฤษ’ จึงทำให้ภาพ The Wedding Feast at Cana นี้ ถูกยกย่องในแง่ของการใส่รายละเอียดที่เข้มข้นในทุกแง่มุมตั้งแต่พื้นจรดเพดาน รวมไปถึงสามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ เครื่องแต่งกายของผู้คนแบบประณีตขั้นสุด จนทำให้ภาพนี้โด่งดังและถูกนำมาจัดแสดงใน ‘ซาล เด เอตาส์’ โดยอยู่ตรงข้ามกับภาพวาด โมนาลิซา
แต่ภาพนี้ก็มีวิบากกรรมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมันเคยถูกกองทัพนโปเลียนรุกรานและถูกขโมย ไป ซึ่งภาพนี้ที่เดิมทีถูกแขวนไว้ในโรงอาหารของโบสถ์ซาน จอร์โจ มัจโจเร บริเวณทางเข้าของแกรนด์คาแนลในเมืองเวนิสนานถึง 235 ปี เมื่อนโปเลียนบุกยึดได้สำเร็จก็สั่งให้ตัดภาพนี้ออกเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อนำไปประกอบกลับเข้าใหม่ในมหานครปารีส ในปี 1797
โดยมันถูกนำมาประดับไว้ที่พระราชวังลูฟวร์ (ที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานระหว่าง นโปเลียน กับ มารีย์-หลุยส์ แห่งออสเตรีย ที่ในขณะนั้นนโปเลียนได้จัดเตรียมให้พระราชวังแห่งนี้ เป็นสถานที่รองรับแขกประมาณ 6,000 คน
โดยมีบันทึกว่า ในการเตรียมสถานที่นี่ คนงานต้องเร่งรีบอย่างมากที่แขวนรูปภาพต่างๆ ขึ้นบนผนัง และจัดเรียงเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าที่เข้าทางให้ทันวันงาน ซึ่งระหว่างนั้นเองนโปเลียนก็พบว่า ภาพการฉลองแต่งงานที่คานานี้ใหญ่เทอะทะเกินไปจึงสั่งให้เผาทิ้ง แต่นายทหารที่รับคำสั่งนโปเลียนกลับไม่ยอมทำตาม ทำให้ภาพสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา ก็มีความพยายามจากชาวเวนิสที่เรียกร้องให้ฝรั่งเศสคืนภาพอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ทางฝรั่งเศสก็อ้างว่า การส่งคืนเป็นไปได้ยากเพราะมันใหญ่เกินไป จึงขอเก็บไว้ดูแลเองดีกว่า ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการขอเก็บไว้ดูแลเองนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่หนัก เนื่องจากต่อมาในปี 1870-1871 ฝรั่งเศสได้ขนภาพนี้ออกจากกรุงปารีสไปยังเมืองเบรสต์เพื่อหนีภัยสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย
ก่อนจะเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศอีกครั้ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อหลบสายตาจากนาซี ทว่าในการเดินทางครั้งนี้เอง ภาพก็เกิดชำรุดจากการเก็บรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ทำให้ผ้าใบบางส่วนขาดวิ่น ทำเอาชาวเวนิสที่รู้เรื่องเข้าใจรู้สึกเสียดายไปตามๆกัน
จนเมื่อปี 2007 ทางเวนิสได้มาคัดลอกรูปนี้แบบ 1 ต่อ 1 ก่อนจะนำเอากลับไปตั้งไว้ในโบสถ์ที่มันเคยจากมา ทว่าของเลียนแบบนี้ก็ไม่อาจทดแทนของแท้ได้ และรอยบาดแผลที่นโปเลียนสร้างไว้ให้กับชาวเวนิสได้เมื่อ 200 กว่าปีก็ไม่อาจลบเลือน ทำให้ทุกวันนี้ชาวเวนิสบางส่วน ยังคงเศร้าใจมาจนถึงปัจจุบัน
The Wedding Feast at Cana จึงนับเป็นภาพโด่งดังที่ผ่านวิบากกรรมต่างๆ มามากมาย แถมปัจจุบันยังถูกคนมักยืนหันหลังให้เพราะถูกจัดแสดงอยู่ตรงข้ามกับภาพวาดโมนาลิซาอีก คิดๆ แล้วก็น่าเสียดายแทนคนที่มองข้ามไปเหมือนกันครับ
อ้างอิง
- 37
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
