10 เม.ย. เวลา 01:45 • ท่องเที่ยว

Panna Tiger Reserve .. ป่าสุดระทึก กับเสือปริศนา

อุทยานแห่งชาติ Panna อยู่ห่างจาก Khajuraho เพียง 22 กม. และใช้เวลาขับรถ 30 นาที เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอินเดีย
อุทยานแห่งชาติปันนาเป็นอุทยานแห่งชาติของอินเดียในเขตปันนาและฉัตรปุระ ของรัฐมัธยประเทศ มีพื้นที่ 542.67 ตารางกิโลเมตร (209.53 ตารางไมล์) ได้รับการประกาศในปี พ.ศ. 2537 ให้เป็นเขตสงวนเสือที่ 22 รวมถึงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของโครงการเสือของอินเดีย และแห่งที่ 5 ในรัฐมัธยประเทศ
อุทยานแห่งชาติปันนาได้รับรางวัลความเป็นเลิศในปี พ.ศ. 2550 ในฐานะอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีที่สุดของอินเดียโดยกระทรวงการท่องเที่ยวของอินเดีย แม้ว่าเขตสงวนแห่งนี้จะต้องผ่านความเจ็บปวดโดยสูญเสียเสือเกือบทั้งหมดในปี 2552 เนื่องจากการลักลอบล่าสัตว์ … แต่โครงการฟื้นฟูในเวลาต่อมาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการฟื้นฟูประชากรเสือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ส่งผลให้มีเสือเพิ่มขึ้นถึง 80 ตัวภายในอุทยาน
ป่าในอุทยานแห่งชาติปันนา พร้อมด้วยเขตสงวนพันธุ์ Ken Gharial และการแบ่งดินแดนที่อยู่ติดกันเป็นส่วนสำคัญของพื้นที่รับน้ำของแม่น้ำ Ken ยาว 406 กม. ซึ่งไหลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทางประมาณ 72 กม. ผ่านอุทยาน อุทยานแห่งชาติปันนาและพื้นที่ป่าโดยรอบของเขตป่าปันนาเหนือและใต้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในตอนเหนือของรัฐมัธยประเทศ
.. อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่ในจุดที่ความต่อเนื่องของแนวป่าใบกว้างแห้งเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนซึ่งเริ่มต้นจากแหลมโคโมรินทางตอนใต้ของอินเดียพังทลายลง และเกินกว่านี้เป็นต้นไปคือที่ราบคงคาตอนบน ป่าผลัดใบชื้นของที่ราบอินโดคงคาอันยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้น . บริเวณนี้เป็นปลายเหนือสุดของป่าสักธรรมชาติและปลายสุดตะวันออกของป่าธรรมชาติ 'Kardhai' Anogeissus pendula
สัตว์ต่างๆ ที่พบในที่นี้ ได้แก่ เสือโคร่งเบงกอล เสือดาวอินเดีย ชิตาล ชินการา นิลไก กวางแซมบาร์และหมีสลอธ แมวลายจุดสนิม ชะมดปาล์มเอเชีย อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่ของนกมากกว่า 200 สายพันธุ์ รวมถึงห่านหัวลาย อีแร้งหงอน นกแร้งหัวแดง นกแก้วหัวพลัม นกอินทรีเหยี่ยวที่เปลี่ยนแปลงได้ และนกแร้งอินเดีย
“หากคุณเคยใฝ่ฝันที่จะได้เห็นเสือในป่า” .. การเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติปันนา อาจเป็นเหมือนตั๋วนำทางที่จะทำให้ฝันของคุณเป็นจริง
แต่พึงตระหนักเสมอว่า .. การพบเห็นเสือเป็นเรื่องของโอกาส หรือแม้แต่โชควาสนาเสมอ แม้จะมีการรายงานการพบเห็นเสือเป็นประจำ
คณะของเราเดินทางไปที่อุทยานฯในวันที่พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหมอก .. นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปชมสัตว์ควรทำการจองมาล่วงหน้า และควรขอใบอนุญาตออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ได้รับอนุญาตด้วยเหตุของการจำกัดจำนวนรถที่เข้าไปได้ และการรอคิวที่ยาวนาน
การเข้าถึง Devalia Safari โดยทางถนนนั้นเป็นเรื่องง่าย .. เราใช้บริการรถของศูนย์บริการ ซึ่งรถแต่ละคันจะมีไกด์และคนขับรถที่ชำนาญเป็นผู้นำนักท่องเที่ยวเข้าไป
ใครบางคนบอกว่า .. อุทยานแห่งนี้เป็นคลังสมบัติของพืชและสัตว์ต่างๆ และที่นักท่องเที่ยวตั้งความหวังไว้สูงในการมาที่นี่ คือ โอกาสที่จะได้เจอ “เสือโคร่งเบงกอล” ที่สง่างามและ Ghariyals (ในแม่น้ำเคน) ซึ่งเป็นจระเข้กินปลา ซึ่งพบได้เฉพาะในอนุทวีปอินเดีย นอกเหรือที่จะได้เจอ หมาป่า สุนัขป่า เสือดาว สัมภาร หมีสโลธ ชิตัล นิลไก และชินการะ รวมถึงนกมากกว่า 200 สายพันธุ์ในอุทยาน และนกอพยพบางชนิดด้วย
เราเดินทางมาถึงอุทยานฯตั้งแต่เช้ามืด ด้วยความหวังว่าเราจะได้รับประสบการณ์ที่น่าทึ่ง โดยได้พบเจอสัตว์นักล่าที่น่ารัก ใหญ่ และทรงพลังที่สุดในป่าแห่งนี้ และหากมีเวลาพอเราอาจจะมีโอกาสได้แวะไปที่น้ำตกที่ใครๆก็บอกว่าสวยทีเดียว
รถจี๊ปนำเราเข้าสู่พื้นที่อุทยานฯ .. เราสังเกตเห็นว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ช่วงเวลานี้ดูจะแห้งแล้งพอสมควร พื้นดินแตกระแหง ทุกอย่างรอบๆตัวและที่ผ่านสายตามีสีน้ำตาล เป็นทุ่งกว้างที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยไม่หนาแน่น พืชในทุ่งส่วนใหญ่จะเป็นพงหญ้า
“เราจะเจอ สิงห์โต มั๊ยคะ?” .. ฉันถามไกด์ของอุทยานฯ
“ที่นี่ไม่มีสิงห์โต ครับ .. ต้องไปดูที่อุทยานฯ Gir ใช้บริการที่ Devalia Safari Park ” .. ไกด์ชาวอินเดียให้ข้อมูล และฉันบอกเขาไปว่า เคยไปชมมาแล้ว เลยนึกว่าที่อุทยานฯแห่งนี้ก็มีสิงโตด้วย
“.. แล้วยู make appointment เป็นมั่นเป็นเหมาะกับ Bengal Tigers เรียบร้อยหรือยัง? ไอมาตั้งไกล ไอต้องได้เห็นนะ ..” ฉันต่อปากต่อคำกับไกด์สนุกๆ ระหว่างการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ที่ลึกเข้าไปในป่า
ระหว่างทาง เราเห็นรอยเท้าของเสืออีกชนิดพนึ่ง .. แต่ไม่ใช่เสือโคร่งอินเดีย
พระอาทิตย์เริ่มเยี่ยมหน้าออกมาทักทาย .. แสงสีส้มทอง สาดส่องลงมาตกต้องผืนหญ้าที่โบกใบพลิ้วสะบัดล้อลมในขณะที่เราขับรถผ่าน .. ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่ผ่านสายนั้นงดงามมาก จนเราต้องกดชัตเตอร์กล้องเก็บภาพประทับใจแบบรัวๆ
เราขับรถผ่านถนนดิน โค้งแล้วโค้งเล่า .. บางช่วงเป็นเนินเขาเล็กๆ มีต้นไม้แบบป่าผลัดใบแห้งแบบไดนามิก ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากสีเขียวชอุ่มในฤดูมรสุมเป็นสีเทาแห้งแล้งในฤดูร้อน .. เข้ามาเป็นส่วนประกอบฉากให้รู้สึกว่า เราและรถของเราที่กำลังแล่นไปข้างหน้า
ความงามความยิ่งใหญ่ของหมู่ไพรพฤกษ์ และทำให้นึกถึงนิยายเรื่อง “เพชรพระอุมา” .. ที่นายพรานใหญ่ กำลังพา มรว. ดาริน เข้าไปค้นหาเมืองลึกลับของ มรกตนคร ..
.. สัตว์หลายชนิด ผ่านเข้ามาในสายตา ขณะที่เราเดินทาง .. น่ารักมาก และรู้สึกดีที่เห็นพวกเขาในธรรมชาติ
.. พื้นที่ในการอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งนี้ มีลักษณะเป็นทุ่งกว้างๆ มีบึงน้ำขนาดใหญ่เป็นโอเอซีส สำหรับสัตว์ต่างๆ เรามองเห็นฝูงกวางกำลังดื่มน้ำในบึงหลายสิบตัวท่ามกลางสายหมอก เป็นภาพที่สวยงามมาก เสียดายที่ไม่มีโอกาสถ่ายภาพ
ไกด์ท้องถิ่นจะมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า ชำนาญเส้นทางและภูมิประเทศเป็นอย่างดี รู้ว่าแหล่งที่เราจะสามารถเห็นสัตว์ต่างๆ ทั้งนกและสัตว์อื่นๆ ได้ตรงไหน รวมถึงรู้แน่ชัดว่าสัตว์พบยาก ที่เราต้องการเห็นน่าจะไปอยู่ที่ไหนในพื้นที่อันกว้างใหญ่เช่นนี้
“ไปทางโน้นๆๆๆๆ .. เร็วววววๆๆๆ” .. ไกด์ของเราบอกคนขับรถ พร้อมๆกับที่เรารู้สึกว่า ในตอนนี้รถจี๊ปที่เรานั่งใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
“มีคนพบเสือทางโน้น และเราต้องไปให้ทัน ..” คือคำตอบของไกด์เมื่อฉีนถามว่า ทำไมต้องขัยรถเร็วอย่างนี้
เราเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งมีรถจี๊ปอีกเป็นสิบคันจอดเรียงแถวกันอยู่ก่อนแล้ว .. เรามาถึงทีหลัง เลยยากที่จะขับรถแซงรถคันอื่นๆที่มาถึงก่อนหน้าเรา เพื่อหามุมดีๆที่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นเสือที่ทุกคนรอคอย
“ดูนั่นๆๆๆๆ .. เสืออยู่ในพงหญ้าข้างๆเรา” ไกด์ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เห็นพุ่มหญ้าไหวๆไม่ไกลจากรถของเราเท่าใดนัก
เราชะเง้อชะแง้ไปในทิศทางที่คิดว่าจะเห็นเสือ
**ทันใดนั้น เสือโคร่งตัวใหญ่ที่สมบูรณืที่สุดตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาข้างหน้ารถของเราเลย .. ตื่นเต้นมาก แต่ฉันไม่อยู่ในมุมที่ดีในการบันทึกภาพหรือวีดีโอ อีกทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่ดีพอในการซูมภาพ .. ภาพและวีดีโอหลายภาพจึงได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากเพื่อนร่วมทริปค่ะ
เสือตัวที่เราเจอสง่างามมาก ไม่มีท่าทีก้าวร้าว เมื่อเห็นรถหลายคันที่บรรทุกนักท่องเที่ยวมา
.. เป็นเสือที่เจ๋งมากๆ .. Sooo Cool .. เขานอนหมอบลง ส่งสายตามายังมนุษย์ที่กระตือรือร้นที่จะเก็บภาพ บางครั้งก็ทำตัวเหมือน แมวตัวใหญ่ๆ พลิกตัวกลิ้งเกลือกไปมาที่พื้นในพงหญ้า เยี่ยมหน้าออกมาจ้อง .. สงสัยจังว่า ในใจเขาคิดอะไรอยู่หนอ
เราตื่นเต้น และกดชัตเตอร์รัวๆเพื่อเก็บภาพเสือโคร่งอินเดียตัวนี้ .. ในใจก็ปิติในความสวยของสัตว์ในธรรมชาติ ซึ่งมีโอกาสไม่มากและไม่บ่อยสำหรับเราที่จะได้ชื่นชมแบบใกล้ชิดอย่างวันนี้
เราออกมาจาก Panna Tiger Reserve อย่างชื่นมื่น พร้อมประสบการณ์ที่ท่วมท้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสนุกสนาน .. ฉันรู้สึกชอบแนวความคิดเกี่ยวกับการเปิดให้มีการท่องป่าแบบซาฟารี ที่นักท่องเที่ยวเวลาน้อยอย่างพวกเรามีโอกาสได้เห็นสัตว์หายากและสำคัญ ของป่าที่สมบูรณ์ของอินเดียในเวลาอันสั้น
... ที่สำคัญการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แบบนี้ ยังมีส่วนช่วยลดแรงกดดันจากนักท่องเที่ยวแบบ Full Safari Trip ในอุทยานแห่งชาติหลักของอินเดียอย่างได้ผลดีทีเดียว
ว่ากันว่า .. ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของผู้ชื่นชอบสัตว์ป่าและผู้รักธรรมชาติจำนวนมากที่เดินทางมาจากทั่วโลก ที่เดินทางมาชมป่าผลัดใบพร้อมชมสัตว์นานาพันธุ์ เช่น ตัวลิ่น หมีสลอธ หมาป่าอินเดีย ละมั่งสี่เขา เสือดาว แมวลายสนิม ตะโขง โชซิงฮา สุนัขจิ้งจอกอินเดีย เม่น และอื่นๆ อีกมากมาย .. ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้วันหยุดพักผ่อนในอุทยานแห่งชาติปันนาเป็นวันที่น่าจดจำ รวมถึงได้รับโอกาสในการดื่มด่ำกับ Jungle Safari
การได้อยู่กับธรรมชาติ กับผืนป่า เราได้รับสิ่งดีงามมากมาย สอนเราให้เติบโต ทั้งยังให้ทุกอย่างกับชีวิต และสำนึกอยู่เสมอถึงความเล็กจ้อยของตัวเราเอง เมื่ออยู่ในธรรมชาติ ไม่ว่าเวลานั้นจะเป็นฤดูใด…
“ธรรมชาติสอนให้เข้าใจชีวิต ฤดูกาลสอนให้เข้าใจเรื่องของเวลา”
ในทริปเดียวกันนี้ เป็นการเดินทางในเส้นทางที่ฉันเคยผ่านไปเที่ยวมาแล้วส่วนหนึ่ง จึงจะไม่เขียนบทความซ้ำอีก .. แต่หากท่านใดสนใจสามารถตาม links ไปได้ค่ะ
Hello Kharajuho .. Why Erotic Art?
Khajuraho : หมู่เทวาลัย ใน คชุราโห อินเดีย
Khajuraho : Lahkmana Temple .. Kharajuho
Khajuraho : Mantangeshwar Temple
Khajuraho : Pratapeshwar Temple
Khajuraho : Visvanatha Temple & Paravati Temple
Khajuraho : Kandariya Mahadeva Temple
Orchha : Lakmi Narayan Temple วัด ป้อมปราการ และหอศิลป์
Orchha : Chaturbuj Temple & Sri Ram Temple
Orchha : Jahangir Mahal
Orchha : Raja Mahal Fort Complex
Orchha : Bundela Chhatris & อนุสรณ์สถาน Vir Singh Deo
Gwalior Fort (1) : ป้อมปราการ และพระราชวัง Man Mandir Mahal
Gwalior Fort (2) : พระราชวังต่างๆภายใน Gwalior Fort
Gwalior Fort (3) : Teli Ka Mandir วัดที่เก่าแก่ที่สุดในป้อม
Gealior Fort (4) : วัดแฝด Sas Bahu
Gwalior Fort (5) : Jain Temple
Gwalior : Jai Vilas Mahal & Museum
Gwalior : เมื่อเราแปลงกายเป็น พญาน้อยชมตลาด
Agra : Red Fort ป้อมอัครา (1)
Agra : Red Fort ป้อมอัครา (2)
Agra : Taj Mahal สุสาน และอนุสรณ์สถานของความรักอมตะ ชื่อก้องโลก
Delhi : Gate of Infia & Independence Day Celebration
โฆษณา