10 เม.ย. เวลา 10:30 • ท่องเที่ยว

อารามคริสต์ออร์โธดอกซ์ซีเรีย สถานที่ที่ห้ามพลาดในเคอร์ดิสถาน

บนภูเขาอัลฟาฟ ทางตอนเหนือของอิรัก อันเป็นพื้นที่ของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ซึ่งตรงนั้นมีอารามคริสต์นิกายแห่งหนึ่งตั้งอยู่และมักโดนโจมตีจากชาวเคิร์ดเองมาหลายครั้ง
อารามแห่งนี้มีชื่อว่า อารามมอร์ มัตตัย หรืออารามเซนต์แมทธิว ตั้งอยู่บนภูเขาสูงแบบสามารถเห็นวิวพาโนรามา 180 องศาได้เลย ความโดดเด่นของอารามนี้ไม่ได้มีเพียงวิวเขาอันงดงาม แต่อารามนี้ยังถือว่าเป็นอารามคริสต์ซีเรียที่เก่าแก่ที่สุด มีคอลเลคชันต้นฉบับของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ซีเรียจำนวนมาก และที่สำคัญที่นี่ยังเคยโดนโจมตีจากชาวเคิร์ดมาหลายครั้ง
เริ่มแรกต้องขอเล่าถึงการก่อกำเนิดของอารามแห่งนี้ก่อน อารามแห่งนี้ก่อตั้งโดย นักบุญมอร์ มัตตัย (คำว่ามอร์เป็นเหมือนยศเจ้าในศาสนาคริสต์นิกายซีเรีย) ซึ่งในช่วงปี ค.ศ. 361 นักบุญท่านนี้ได้หนีมาจากการปกครองของโรมัน เพราะถูกจักรพรรดิแห่งโรมันอย่างจูเลียนข่มเหงรังแก จากที่ทราบกันดีว่าจูเลียนผู้นี้ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ปลื้มศาสนาคริสต์สุดๆ หนำซ้ำเขายังกำลังพยายามที่จะยกเลิกศาสนาคริสต์ด้วย
เริ่มแรกต้องขอเล่าถึงการก่อกำเนิดของอารามแห่งนี้ก่อน อารามแห่งนี้ก่อตั้งโดย นักบุญมอร์ มัตตัย (คำว่ามอร์เป็นเหมือนยศเจ้าในศาสนาคริสต์นิกายซีเรีย) ซึ่งในช่วงปี ค.ศ. 361 นักบุญท่านนี้ได้หนีมาจากการปกครองของโรมัน เพราะถูกจักรพรรดิแห่งโรมันอย่างจูเลียนข่มเหงรังแก จากที่ทราบกันดีว่าจูเลียนผู้นี้ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ปลื้มศาสนาคริสต์สุดๆ หนำซ้ำเขายังกำลังพยายามที่จะยกเลิกศาสนาคริสต์ด้วย
หลังจากที่นักบุญมอร์ มัตตัย ได้หนีออกมา เขาก็มาตั้งหลักที่ภูเขาอัลฟาฟ ในจักรวรรดิซาซาเนียน (ซึ่งก็คือบริเวณอารามในปัจจุบัน) และมุ่งบำเพ็ญตบะในถ้ำเพียงลำพัง จนมีคนบอกปากต่อปากว่านักบุญท่านนี้เป็นผู้อัศจรรย์ สามารถรักษาคนได้ จนเรื่องไปถึงหูครอบครัวชั้นสูงของผู้ว่าราชการเขตนิมรุดในปี ค.ศ. 363 เขาก็เรียกตัวนักบุญมอร์ มัตตัย ให้ไปรักษาลูกสาวที่เป็นโรคเรื้อน ปรากฏว่านักบุญรักษาหาย ผู้เป็นพ่อจึงศรัทธาในตัวนักบุญ และสร้างอารามให้ตามคำขอของนักบุญ
ภายในอาราม
นักบุญมอร์ มัตตัย นำนักบวชอีก 25 คนย้ายเข้ามาอยู่ในอาราม และทำให้อารามโด่งดังมีชื่อเสียงในแง่ของการเป็นชุมชมที่อยู่อาศัยของนักบวชที่แท้จริง จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ชาวเคิร์ดได้โจมตีอารามแห่งนี้เพราะเกิดความขัดแย้งทางศาสนา โดยได้โจมตีเป็นเวลาสี่เดือน จนนักบวชต้องเผาบันไดเพื่อกันไม่ให้ชาวเคิร์ดเข้ามาได้ แต่ตอนนั้นชาวเคิร์ดก็ไม่หวั่น พยายามกลิ้งหินใหญ่สองก้อนเพื่อทำลายประตูอาราม ด้านนักบวชต่อสู้กลับด้วยการปาก้อนหินและลูกดอกโต้ จนในที่สุดชาวเคิร์ดก็ล่าถอยไป เพราะกลัวชาวมองโกลโผล่มาช่วยอารามสู้
พอเข้าสู่ปี ค.ศ. 1171 ชาวเคิร์ดที่อยู่ใกล้อาราม ได้กลับมาโจมตีอารามอีกครั้ง แต่ก็ถูกกลุ่มนักบวชและชาวคริสเตียนในท้องถิ่นขับไล่ ชาวเคิร์ดจึงเสนอว่าให้จ่ายเงินมา 30 ดินาร์ แล้วจะยอมไป ด้วยความเชื่อว่าคงรอดแล้วถ้าจ่ายเงิน กลุ่มนักบวชจึงให้เงินแก่ชาวเคิร์ดไป แต่ในไม่นานชาวเคิร์ดก็กลับมาใหม่ แต่คราวนี้กลับมาพร้อมกองกำลัง 1,500 คน พร้อมทั้งยึดอารามได้ จนผู้ว่าเมืองโมซุลที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินเรื่องการโจมตี จึงส่งกองกำลังมาช่วยอารามขับไล่ชาวเคิร์ดได้สำเร็จ
พอถึงปี ค.ศ. 1369 ชาวเคิร์ดก็กลับมาโจมตีอารามอีกครั้ง ทำให้คอลเลคชันต้นฉบับของนิกายออร์โธดอกซ์ซีเรียเสียหายจำนวนมาก และในช่วงศตวรรษที่ 19 ก็กลับมาปล้นทรัพย์สินในอารามหลายครั้ง ส่วนครั้งล่าสุด คือในปี 2014 มีกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ISIS) มาโจมตีหมู่บ้านด้านล่างซึ่งห่างจากอารามไม่กี่โล แต่ไม่ได้ขึ้นมาบุกอาราม เรียกได้ว่าอารามก็เกือบที่จะโดนบุกอีกรอบแล้ว
ซึ่งปัจจุบันอารามแห่งนี้ถูกดูแลในฐานะอารามออร์โธดอกซ์ซีเรีย รวมถึงได้รับการปกป้องจากกองกำลังเพชเมอร์กา อันเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเคอร์ดิสถาน และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมภายในอารามอันน่าสนใจแห่งนี้ได้ ซึ่งอารามนี้จะน่าประทับใจแค่ไหน ทำไมชาวเคิร์ดถึงต้องพยายามบุกที่นี่หลายรอบ ของแบบนี้ต้องลองไปสัมผัสด้วยตาตนเองค่าาา!🤩
ดูภาพด้านในอารามในคอมเมนต์
#TWCTravel #TWCKurdistan
#TWCgade
โฆษณา