17 เม.ย. เวลา 00:00 • หนังสือ

ตีความอุบายเมืองร้าง

(พูดถึงความลึกซึ้งของสุมาอี้แล้ว ก็ต้องเล่า สามก๊ก ตอนอุบายเมืองร้าง เราทุกคนเคยอ่านแต่เวอร์ชั่นที่สุมาอี้หลงกลขงเบ้ง แต่เวอร์ชั่นนี้เป็นการตีความอีกมุมหนึ่งของ สามก๊ก)
มหาอุปราชขงเบ้งยืนอยู่บนเชิงเทินเมืองเสเสีย จากข้างบน เขามองเห็นฝุ่นควันคลุ้งจากที่ไกล กองทัพสุมาอี้รุกถึงเมืองนี้ราวสายฟ้า กองทัพสุมาอี้ล้อมเมืองเสเสียเร็วกว่าที่ขงเบ้งคาด
ขงเบ้งไม่มีทางหนี
เขารู้สึกว่าน่าขัน แต่น่าร้องไห้ เขาวางแผนทำให้สุมาอี้ถูกปลด แต่เขาเองเป็นผู้ดึงตัวสุมาอี้คืนมาสู่สนามรบ
สุมาอี้วางแผนลวง หลอกคนของเขาว่าเคลื่อนทัพช้า แต่ยกทัพบุกเสเสียอย่างรวดเร็ว
ขงเบ้งหลับตาครู่หนึ่ง ลืมตาขึ้น สีหน้าไม่มีแววตื่นตระหนกเช่นคนรอบตัว ณ ที่นั้น
1
เขาสั่งทหาร “จงรื้อธงบนกำแพงเมืองทั้งหมดออกไป เปิดประตูเมืองไว้ทั้งสี่ จัดหาชาวบ้านไปกวาดพื้นทุกประตู ประตูละยี่สิบคน ห้ามพูดจาใด ๆ”
ทหารทำตามคำสั่ง ไม่รู้ว่าผู้นำกองทัพมีเจตนาใด ไม่นานธงก็ถูกปลดออก ประตูเมืองเปิดกว้าง ชาวบ้านเริ่มกวาดพื้น
ขงเบ้งสั่งทหารอีกคนหนึ่ง “จัดหาเด็กสองคน แต่งกายด้วยชุดสะอาด คนหนึ่งถือกระบี่ คนหนึ่งถือแส้ ตั้งพิณและกระถางธูปขนาดใหญ่บนเชิงเทินหน้าประตูกำแพงเมือง จุดธูปให้เรียบร้อย”
6
ว่าแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมชุดใหม่เสื้อคลุมสีน้ำเงินงามสง่า ขึ้นไปนั่งดีดพิณโบราณ เด็กทั้งสองยืนคนละข้างของขงเบ้ง ทหารทั้งปวงมองภาพประหลาดนั้น มิรู้ว่าเสนาธิการผู้เยี่ยมยุทธ์คิดอ่านเช่นไร
1
กระถางธูปส่งควันลอยอ้อยอิ่ง เสียงพิณบรรเลงดนตรีไพเราะ เยือกเย็น มิสนใจสิ่งรอบตัว
เบื้องล่างกองทัพของสุมาอี้เคลื่อนมาหยุดหน้าประตูเมืองที่เปิดกว้าง ทั้งกองทัพเงียบสนิท ได้ยินเสียงดนตรีแผ่วพลิ้ว
บุตรชายสุมาอี้นามสุมาเจียวมองหน้าพ่อ ทำท่าจะถามพ่อ แต่เห็นผู้เป็นบิดาหลับตาฟังเสียงพิณอย่างเคลิบเคลิ้ม
นานเท่านาน สุมาอี้ลืมตาขึ้น กระซิบกับบุตรชาย “เจ้าฟังออกหรือไม่ เสียงพิณนี้แผ่วเบาอ่อนโยนราวสายน้ำไหลริน หากคนดีดพิณใจไม่นิ่งสงบ มิอาจบรรเลงได้เย็นนิ่งขนาดนี้”
“พ่อหมายความว่าขงเบ้งมั่นใจว่าจะชนะ จึงสบายใจเล่นพิณให้เราฟัง?”
“ขงเบ้งวางแผนยุทธศาสตร์แต่ละคราไม่เคยพลาด เขามิใช่คนพึ่งพาโชคชะตา หากไม่มั่นใจว่าจะชนะสักแปดส่วนเขาจะไม่เสี่ยง”
สุมาอี้หรี่ตามองขงเบ้งเล่นพิณอีกครู่หนึ่ง สั่งทหาร “ถอยทัพ”
ลูกชายถาม “เราบุกไปถึงหน้าประตูเมืองในวันนี้ เห็นชัดว่าไร้ทหารปกป้องเมือง ขงเบ้งจวนตัว จึงใช้อุบายเมืองร้างหลอกพ่อ”
“เรื่องนี้มิง่ายเช่นที่เจ้าคิด”
“มิง่ายอย่างไร?”
“วันนี้ขงเบ้งเล่นเพลงอะไร?”
สุมาเจียวนิ่งไป ตอบว่า “ลูกไม่ทันสังเกต”
“ไม่สังเกตหรือไม่รู้?”
ลูกชายเงียบไป
“เจ้าจะเป็นแม่ทัพใหญ่ มิเพียงต้องสังเกตทุกสิ่งรอบตัว ยังต้องรอบรู้ทุกศาสตร์ในโลก วันนี้ขงเบ้งเล่นเพลง เกาซานหลิวสุ่ย (ภูเขาสูงกับสายน้ำไหลริน) บทบรรเลงพิณโบราณสมัยชุนชิว ประพันธ์โดยป๋อหยา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพลงนี้มีความหมายอะไร?”
1
บุตรชายสั่นศีรษะ
สุมาอี้ถอนใจเบา ๆ “ป๋อหยาผู้ประพันธ์เพลงมีเพื่อนนักดนตรีผู้รู้ใจคนหนึ่ง ทั้งสองเชื่อมสัมพันธ์ด้วยดนตรี เมื่อเพื่อนผู้นั้นตาย ป๋อหยาก็ไม่เล่นดนตรีอีกเลย ขงเบ้งกับพ่อนั้นมองสงครามเป็นเช่นการเล่นดนตรี เราเป็นสหายศึกที่รู้ใจกัน เราอ่านใจกันออก และที่สำคัญคือเราต้องพึ่งกันและกัน...
2
“พ่อย่อมรู้ว่าฝ่ายนั้นไม่มีกำลังทหาร เสียงพิณของขงเบ้งอ่อนนอกแต่แข็งใน แสดงให้เห็นว่าจิตของขงเบ้งเข้มแข็งยิ่ง สมเป็นจอมทัพ ทว่าเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนข้างเขาขาสั่นเพราะความกลัว นี่บอกว่าขงเบ้งมีทหารที่เมืองซินเสียหยิบมือเดียว ไม่คณนามือเรา”
“แต่พ่อกลับเลือกถอยทัพ ทั้งที่ในวันนี้เราสามารถขจัดขงเบ้งอย่างง่ายดาย”
“เจ้าจะเป็นแม่ทัพใหญ่ในวันหน้า เจ้าต้องเรียนรู้สองเรื่องจากเหตุในวันนี้ เรื่องแรกคือผู้เป็นแม่ทัพต้องใจเย็นและนิ่ง แม้เผชิญหน้าความตาย มิเช่นนั้นทหารจะแตกตื่น และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ เรื่องที่สองคือ คนเป็นผู้นำต้องมองการณ์ไกลหลายช่วงตัว เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครทำให้พ่อถูกปลด และตระกูลของเราเกือบถูกประหารทั้งหมด?”
4
“ขงเบ้ง”
1
“และใครทำให้พ่อได้กลับมาเป็นใหญ่?”
“ขงเบ้ง”
“ดังนั้นขงเบ้งคืออาวุธชิ้นหนึ่งของเรา เรายังต้องการขงเบ้ง มิเช่นนั้นตระกูลสุมาจะหมดความหมายและถูกกำจัด”
2
“ขงเบ้งจึงยังตายไม่ได้”
1
“ไม่ได้เด็ดขาด และขงเบ้งก็รู้ว่าเรารู้ เขาจึงไม่มีความกังวลใจใด ๆ ขณะเล่นดนตรี”
1
เกาซานหลิวสุ่ย
ภูเขาสูงกับสายน้ำไหลริน
1
สายน้ำไหลเรื่อยเอื่อย ทว่าสามารถกัดภูเขาทั้งลูกจนทลาย
มันต้องใช้เวลา และสุมาอี้มีเวลา
2
ย่อความจาก สามก๊ก ฉบับ วินทร์ เลียววาริณ
ซื้อได้ที่เว็บ winbookclub.com และ Shopee
โฆษณา