ปฏิเสธไม่ได้ว่า FE กับ F1 นั้นมีความเกี่ยวข้องและความผูกพันกันหลายด้าน เพราะถ้าไม่มีรากฐานที่แข็งแกร่งของรถสูตร 1 การแข่งขันรถไฟฟ้าก็อาจไม่เติบโตอย่างเร็วก็เป็นได้
ลักษณะของรถ FE เป็นรถแข่งล้อเปิด (Open Wheel) และมีที่นั่งเดียว (Single Seat) เหมือน F1 แต่ต่างกันที่แหล่งพลังงานของรถ โดย FE ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนรถ F1 ปัจจุบันใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เมื่อเทียบความเร็วกันแล้ว รถ F1 ยังเร็วและแรงกว่าหลายขุม มี Top Speed อยู่ที่ 372.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน FE เร่งความเร็วสูงสุดแล้วอยู่ที่ 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งนี้จุดประสงค์ของการแข่งขัน FE ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นการประลองความเร็วเหมือน F1 ตั้งแต่แรก เพราะด้วยความเร็วรถก็สู้กันไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม นักแข่ง FE ต้องใช้ทักษะและการวางแผนไม่น้อยหน้านักแข่ง F1 เหตุเพราะสนามแข่ง FE แทบทุกแห่ง คือ สตรีท เซอร์กิต ซิ่งบนถนนหลวง ที่แทบไม่อนุญาตให้ผิดพลาด อีกทั้งยังต้องวางแผนการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้รถดับไปก่อนจบการแข่งขัน เนื่องจากไม่มีการชาร์จไฟระหว่างการแข่ง
ขณะเดียวกัน พอเป็นรถไฟฟ้า เสียงของรถก็จะไม่ได้คำรามดังกึกก้องแบบรถ F1 ในปัจจุบัน จนไม่แปลกใจหากใครจะมองว่าเสียงหวี่ ๆ ของมันฟังแล้วไม่เร้าใจเลย