15 เม.ย. เวลา 13:01 • ความคิดเห็น

S2O ความฝันของคนบ้า

ค่ำนี้ผมเตรียมไปงาน S2O ไปเสพเทศกาลดนตรีไทยที่ไประดับโลกเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานปีนี้ บัตรขายหมดตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย สิงหานี้จะไปจัดที่บรูคลีน นิวยอร์ค หลังจากไปบุกประเทศแถบเอเชียมาหลายประเทศ ถ้าจะอธิบายว่าซอฟท์เพาเวอร์ไทยทำยังไง แล้วจะเอาชนะใจทั่วโลกยังไง ต้องมาดูวิธีคิดของ S2O กันครับ..
ปีที่แล้วผมได้มีโอกาสไปสัมผัสงานเทศกาลดนตรี songkran music festival S2O ที่จัดแถวพระรามเก้าเป็นวันสุดท้ายของงานสามวัน ด้วยความอยากเห็นงานที่ว่ากันว่าเป็นงานระดับโลกไปแล้วในสายตาของคนต่างชาติ ไปถึงก็ต้องถึงกับตะลึงด้วยความอลังการจากเวทีขนาดยักษ์ เครื่องฉีดน้ำขนาดใหญ่หลายสิบเครื่อง ดีเจระดับโลกผลัดกันหมุนเวียนมาเอ็นเตอร์เทนคนดู
คนแน่นขนัดเต็มลานขนาดใหญ่น่าจะประมาณสามหมื่นคน ข้างหน้ามีคนขายตั๋วเกินราคาจากสองพันเป็นเจ็ดพันบาท ในงานน่าจะเป็นต่างชาติกว่า 60% มีคนเอาธงชาติประเทศตัวเองมาคลี่อยู่หลายชาติ คนจีนน่าจะเยอะกว่าชาติอื่นค่อนข้างชัดเจน
ทีมงานพาผมไปดูบริเวณที่ขายโต๊ะที่นั่งวีไอพีที่ยกระดับสูงติดข้างเวที มีราคาตั้งแต่โต๊ะละแสนจนถึงโต๊ะละล้านห้าแสนบาท เป็นราคาที่เทียบเท่ากับงานเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง tomorrow land ไปแล้ว บนส่วน VIP หลายสิบโต๊ะนั้น 90% เป็นเศรษฐีจีนเหมาไปแทบทั้งหมด ทีมงานบอกว่าเป็นกลุ่มลูกค้าขาประจำที่มาทุกปี
ผมคุยกับเศรษฐีจีนคนนึง เขาบอกว่าตั้งใจบินมางานนี้โดยเฉพาะเพราะได้บรรยากาศที่แปลกใหม่ไม่เหมือนที่ไหน เป็นงานคุณภาพระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลสำหรับเขา คิดตามเร็วๆกลุ่ม VIP พวกนี้ก็น่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปีที่แล้วทีมงานบอกว่างาน S2O ขยายไปจัดที่เกาหลี ญี่ปุ่นและฮ่องกง และกำลังจะจัดที่จีนอีกหลายมณฑล ปีนี้ได้ข่าวว่าจะบุกนิวยอร์คสิงหานี้ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมสงกรานต์ในรูปแบบงานดนตรีระดับโลกฝีมือคนไทยออกไปเรื่อยๆ จะเรียกว่าเป็นการส่งออก softpower ที่ทรงพลังอีกงานหนึ่งของไทยก็คงได้ ฝได้ฟังแล้วก็อดภูมิใจและอดนึกถึงวันที่ผมได้ยินเรื่องราวของ S2O เป็นครั้งแรกไม่ได้
ผมรู้จักวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดามาสิบกว่าปีจากการเป็นนักเรียนร่วมหลักสูตร ปนป ด้วยกัน พอรู้จักจริงๆแล้วตัวจริงของวู้ดดี้ไม่เหมือนในทีวีเลย วู้ดดี้เป็นน้องที่น่ารัก มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอและมีความฝันที่ไม่เหมือนใคร อาจจะเป็นเพราะเขาเติบโตที่เมืองนอกก่อนจะกลับมาเรียนที่ธรรมศาสตร์ตอนปริญญาตรี
1
วิธีคิดของเขาจึงมีความเป็นฝรั่งและมองโลกจากประสบการณ์ของคนที่เติบโตและมีโอกาสได้อยู่ในหลายประเทศ วู้ดดี้ชอบเล่าถึงความฝันว่าอยากทำอะไรให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกให้ได้ซักวัน เจอทีไรก็จะพูดเรื่องนี้ตลอด
เมื่อสิบปีก่อน เขาตั้งคำถามกับตัวเองครั้งใหญ่หลังจากไปงาน tomorrow land ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีระดับโลกว่าเบลเยี่ยมยังสร้างงานแบบนี้ได้ แล้วทำไมประเทศไทยจะทำงานแบบนี้บ้างไม่ได้ แล้ววู้ดดี้ก็ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติชอบการเล่นสงกรานต์เมืองไทย แต่ก็ยังอยู่ในวงจำกัดแถวข้าวสารและตามถนน ไม่มีใครทำงานสงกรานต์จริงจังนัก เขาเลยมีไอเดียที่จะผสมผสานงานดนตรีระดับโลกกับงานสงกรานต์เข้าด้วยกัน ชื่อ S2O ก็มาจาก songkran บวกกับน้ำ (H2O) นั่นเอง
ตอนที่จะเริ่มทำ ก็เจออุปสรรคเต็มไปหมด มีแต่คนดูถูกดูหมิ่นว่าเป็นไปไม่ได้ บ้าไปแล้ว งานสงกรานต์เขาต้องเล่นที่ข้าวสารหรือสวนลุมเท่านั้น เมืองไทยไม่มีศักยภาพพอที่จะทำงานดนตรีระดับโลกหรอก จัดไปก็เจ๊งชัวร์ วู้ดดี้ก็ดื้อจัดด้วยความฝันอันแรงกล้า สองปีแรกขาดทุนหนักหลายสิบล้าน
แต่วู้ดดี้ก็สู้ตาย ติดต่อดีเจระดับโลก ยอมจ่ายตัวแม่เหล็กหลายคนในราคาแพง ช่วงแรกก็ได้นักท่องเที่ยวแถวๆเพื่อนบ้านมาบ้าง วู้ดดี้เล่าว่าเขาพยายามจะทำให้ทุกคนที่มามีความสุขที่สุด ใส่งานให้มีคุณภาพสูงสุด จะเจ๊งเท่าไหร่ไม่เป็นไรด้วยความเชื่อว่าเดี๋ยวคนก็จะพูดถึงเอง ลุยไปข้างหน้าด้วยความเชื่อล้วนๆในสองปีแรกท่ามกลางเสียงปรามาสรอบตัว
ปีที่สามเป็นปีที่เริ่มกำไร วู้ดดี้บอกว่าจุดพลิกผันคือได้น้องชายกับน้องสะใภ้ เอ๋ยกับบี๊เข้ามาช่วย น้องสะใภ้มาช่วยดูแลเรื่องต้นทุนและการบริหารการเงิน น้องชายมาช่วยบริหารจัดการดีเจ ใช้ศิลปะทางการเจรจาทำให้ได้ดีเจดีๆมาในราคาไม่แพง และช่วยด้านการจัดการอย่างมาก
จนทั้งคู่กลายเป็นผู้บริหารหลักที่ยกระดับงานให้เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค เสียงร่ำลือถึงงานที่สนุก มีคลาส กระจายไปในระดับภูมิภาค กลายเป็น destination ในช่วงเดือนเมษายนของหลายประเทศ จัดมาจนปีนี้เป็นปีที่สิบแต่เป็นครั้งที่เจ็ดในการจัดหลังจากอั้นโควิดมาสามปี ผลผลิตของความฝันวู้ดดี้ก็ผลิบานออกดอกออกผลเต็มที่ งาน S2O กลายเป็นงานระดับโลกอย่างเต็มตัวและกำลังขยายไปหลายประเทศทั่วเอเชีย
ผมยืนคุยกับวู้ดดี้ด้วยความตื่นเต้น เห็นถึงความสุขของเขาเวลามองลงไปที่งาน เขาเล่าถึงวันแรกที่โดนหาว่าบ้า เจอแต่อุปสรรคขวางหน้าเต็มไปหมด จนถึงวันนี้ที่เขาเล่าถึงประเทศต่างๆที่กำลังจะขยายไป แบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์อยากมาออกบู๊ทในงานด้วย นี่คือลูกของผมเลยพี่ ..วู้ดดี้บอกด้วยตาเป็นประกาย ผมเห็นหน้าเขาแล้วทำให้คิดถึง quote ของ apple ที่พูดถึง the crazy ones ในแคมเปญ think different เมื่อยี่สิบปีก่อนขึ้นมา
1
“ Here’s to the crazy ones, the misfits, the rebels, the troublemakers, the round pegs in the square holes… the ones who see things differently — they’re not fond of rules… You can quote them, disagree with them, glorify or vilify them,
1
but the only thing you can’t do is ignore them because they change things… they push the human race forward, and while some may see them as the crazy ones, we see genius, because the ones who are crazy enough to think that they can change the world, are the ones who do.
คนที่บ้าพอที่คิดว่าจะเปลี่ยนโลกได้ มักจะเป็นคนที่เปลี่ยนได้จริงๆ…
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมต้องมาดูงาน S2O ในวันปิดวันนี้อีกรอบเพื่อมามองหน้าคนบ้าๆแบบนี้ด้วยความชื่นชมครับ
โฆษณา