16 เม.ย. เวลา 15:03 • ยานยนต์

นักลงทุนวิเคราะห์: ทำไม TESLA ยอดตกรับปี 2024 ?!?!

💬 มาอ่านที่นักลงทุน Gary Black วิเคราะห์กันครับว่าทำไม Tesla ถึงยอดตก การเติบโตหยุดชะงัก โดยบทวิเคราะห์นี้ข้อมูลจะเน้นไปที่ตลาดสหรัฐฯ แต่จริงๆแล้ว Tesla มีนโยบายบริษัทด้านต่างๆค่อนข้าง global (คล้ายกันทั่วโลก) เลยน่าจะมีหลายพ้อยท์ที่น่าสนใจสำหรับเราครับ
"หลายคนถามเราว่าทำไมเราถึงคิดว่าอัตราการส่งมอบรถของ TSLA มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างกะทันหันในปี 2024 หลังจากที่เพิ่มขึ้น +38% ในปี 2023 และสูงขึ้น +49% แบบทบต้นตั้งแต่ปี 2019 เราเชื่อว่ามีสี่ปัจจัยหลักที่ทำให้ปริมาณการขายของ TSLA โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขาย Model Y ชะงัก:
1/ ผู้บริโภคกลุ่มแรก (Early adopters) ส่วนใหญ่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากันไปแล้ว
เพื่อให้ผู้บริโภครุ่นต่อไปตัดสินใจซื้อ TSLA จะต้องช่วยพวกเขาลดความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (range anxiety) โดยการสื่อสารให้เห็นว่าเครือข่ายซุปเปอร์ชาร์จเจอร์มีอยู่ทั่วถึง และแสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าการชาร์จไฟรถ Tesla นั้นง่ายดายเพียงใด (เหมือนกับการเสียบปลั๊ก iPhone)
ความกังวลเรื่องระยะทางนี้เองที่ทำให้รถยนต์ไฮบริดได้รับความนิยมอย่างฉับพลัน ซึ่งส่งผลเสียต่อการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV)
2/ ผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อรถ EV ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ Tesla ราคาไม่แพงอย่างที่คิด โดยรุ่น Model Y เริ่มต้นที่ $37,500 หลังจากหักเครดิตภาษีรถ EV มูลค่า $7,500
นี่แสดงให้เห็นว่า Tesla สื่อสารไปยังเจ้าของรถสันดาป (ICE) ได้น้อยเกินไปว่า การซื้อ การใช้งาน และการบำรุงรักษา Teslas นั้นประหยัดแค่ไหน หลังผ่านพ้นกลุ่มผู้บริโภคเริ่มแรก (early adopters) รถ Tesla จะไม่ขายตัวมันเองได้ดีอีกต่อไป ผู้ที่ไม่เคยมีรถ EV จำเป็นต้องได้รับการให้ข้อมูล
3/ การที่เราได้เห็น Tesla มีอยู่ทุกหนแห่งเปรียบเหมือนดาบสองคม
ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตแบบก้าวกระโดด การที่ผู้คนเห็นรถรุ่นเดียวกันอยู่ทั่วไปช่วยลดความกลัวในการซื้อเทคโนโลยีใหม่ เป็นเหมือนตราประทับรับรองคุณภาพ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป การมีอยู่ทุกหนแห่งกลายเป็นข้อเสียเนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากไม่อยากขับรถเหมือนที่คนอื่นๆขับกัน และในปี 2023 Tesla Model Y กลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก
4/ มีรถ EV ให้เลือกมากขึ้น
ตั้งแต่ปี 2017-2023 Tesla ครองตลาด EV และสามารถขายรถ EV ได้ทุกคันที่บริษัทผลิตออกมา
ปัจจุบันแบรนด์รถยนต์ทุกค่าย ( Hyundai, Kia, Ford, GM Chevy, Cadillac, Porsche, Audi, Mercedes, BMW) มีรถ EV เป็นของตัวเองและต่างจาก Tesla คือ ยิงโฆษณาอย่างหนักหน่วง
ที่จีน สงครามราคารถ EV ที่ Tesla เป็นคนจุดชนวนในปี 2022 ตอนนี้นั้นโหดร้ายมาก มีการเปิดตัวรถ EV ราคาต่ำกว่า $20K (7 แสนบาท) หลายรุ่นโดยคู่แข่งอย่าง BYD
มีสองปัจจัยที่บางคนอ้างถึงว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้การเติบโตของ Tesla หยุดชะงัก นั่นคือ:
แบรนด์ส่วนตัวของ Elon และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น -- ขอโทษด้วย แต่เราไม่เห็นด้วยกับตรรกะของฝ่ายที่ Short หุ้น TSLA (คนที่คาดการณ์และพนันว่าราคา Tesla จะตก) ที่ว่ามุมมองทางทวิตเตอร์ของ Elon ที่ทำให้แบ่งขั้วมากขึ้นส่งผลกระทบต่อยอดขาย Tesla เพราะเรารู้จักเจ้าของรถ EV หลายคนที่เกลียดแนวคิดการเมืองของ Elon Musk แต่กลับรักรถที่พวกเขาซื้อ
ในอีกมุมหนึ่ง เราไม่เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุ เพราะเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานต่ำ ยอดขายรถยนต์ในไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้น +7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (ข้อมูลตลาดสหรัฐฯ)
มีการคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า BEV (ที่ไม่นับรวม TSLA) จะอยู่ที่ 15-20% ในไตรมาสแรกของปี 2024
นี่คือเหตุผลที่เราแย้งว่าการลดลงในปริมาณยอดขายของ TSLA เป็นสิ่งที่บริษัททำร้ายตัวเองมากกว่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆรวมถึงระดับมหภาค"
โฆษณา