17 เม.ย. เวลา 11:04 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

System Thinking รากความคิดแห่งการสร้างโลกยุคใหม่

การคิดอย่างเป็นระบบเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงระบบโดยรวมและแต่ละส่วนของระบบ ตามที่ Peter Senge กล่าว
กรอบการทำงานสำหรับการมองความสัมพันธ์มากกว่าสิ่งของ สำหรับการดูรูปแบบมากกว่าการสแน็ปช็อตแบบคงที่ เป็นชุดของหลักการทั่วไปที่ครอบคลุมสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์กายภาพและสังคมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการจัดการ
[Peter Senge, The Fifth Discipline, 2nd Ed 2006]
ความเป็นมาของ System Thinking
ความเป็นมาของ System Thinking
System Thinking หรือ การคิดเชิงระบบ มีรากฐานมาจากหลายศาสตร์ความรู้ เช่น ชีววิทยา วิศวกรรมศาสตร์ ฟิสิกส์ และปรัชญา พัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยนักคิดและนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เช่น Ludwig von Bertalanffy, Russell Ackoff, Peter Senge และ Donella Meadows
นักคิดและนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เช่น Ludwig von Bertalanffy, Russell Ackoff, Peter Senge และ Donella Meadows
แนวคิดสำคัญ เกี่ยวกับ System Thinking พัฒนาขึ้นดังนี้
1- ช่วง1900 : จุดเริ่มต้น
ศตวรรษที่ 19: Ludwig von Bertalanffy เสนอทฤษฎีระบบทั่วไป (General Systems Theory) อธิบายว่าระบบต่างๆ ล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน แม้จะอยู่ในสาขาความรู้ที่แตกต่าง
2- ช่วง1940-1970: ยุคพัฒนาเครื่องมือและวิธีการ
ทศวรรษ 1940-1960: พัฒนาเครื่องมือและวิธีการวิเคราะห์ระบบ เช่น System Dynamics และ Soft Systems Methodology
3- ช่วง1970-1980: ประยุกต์ใช้ระบบความคิด
ช่วงทศวรรษ 1970-1980: ประยุกต์ใช้ System Thinking ในการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาทางสังคม และปัญหาในองค์กร
4- ช่วง1990-ปัจจุบัน: ช่วงขยายความนิยม
ช่วงทศวรรษ 1990-ปัจจุบัน: System Thinking ได้รับความนิยมมากขึ้น กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และออกแบบระบบ
การคิดเป็นระบบมีช่วงพัฒนาเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ
อะไรคือ System Thinking ?
แนวคิดหลักของ System Thinking
System Thinking มุ่งเน้นไปที่
การมองภาพรวม ของระบบ เข้าใจความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ภายในระบบ และระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อม
แนวคิดสำคัญ ของ System Thinking ดังนี้
* ระบบ (System): กลุ่มองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกัน ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
* องค์ประกอบ (Component): ส่วนต่างๆ ของระบบ
* ความสัมพันธ์ (Relationship): การเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบต่างๆ
* โครงสร้าง (Structure): รูปแบบการจัดเรียงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ภายในระบบ
* พฤติกรรม (Behavior): ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของระบบ
* ขอบเขต (Boundary): เส้นแบ่งระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อม
* การไหลของข้อมูล (Information Flow): การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์ประกอบต่างๆ
* กระบวนการ (Process): ลำดับขั้นตอนการทำงานของระบบ
* วงจรข้อเสนอแนะ (Feedback Loop): กลไกที่ส่งผลกลับมายังจุดเริ่มต้น
* การเปลี่ยนแปลง (Change): การปรับเปลี่ยนองค์ประกอบ ความสัมพันธ์ โครงสร้าง หรือพฤติกรรมของระบบ
* ความซับซ้อน (Complexity): ระดับความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันขององค์ประกอบภายในระบบ
ประโยชน์ของ System Thinking มีอะไรบ้าง?
ประโยชน์ของ System Thinking
System Thinking ช่วยให้เราสามารถ:
* เข้าใจปัญหา ได้อย่างลึกซึ้ง มองเห็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
* คิดหาวิธีแก้ปัญหา ที่มีประสิทธิภาพ มองเห็นผลกระทบระยะยาว
* ออกแบบระบบ ที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และยืดหยุ่น
* ตัดสินใจ ได้อย่างมีข้อมูล รอบคอบ
* สื่อสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ System Thinking
System Thinking สามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลายสาขา เช่น:
* ธุรกิจ: พัฒนากลยุทธ์องค์กร แก้ปัญหาการดำเนินงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
* การออกแบบ: ออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ ระบบ และโครงสร้างต่างๆ
* นโยบายสาธารณะ: วิเคราะห์ปัญหาสังคม พัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหา
* การศึกษา: พัฒนาระบบการศึกษา ออกแบบหลักสูตร
* สิ่งแวดล้อม: วิเคราะห์ปัญหาสิ่งแวดล้อม พัฒนาวิธีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
สรุป
System Thinking เป็นกรอบความคิดที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจโลก around us ได้อย่างลึกซึ้ง คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และออกแบบระบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
โฆษณา