18 เม.ย. เวลา 06:44 • ความคิดเห็น
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมต้องทำความดีไม่ทำความชั่วทั้งๆที่กฎนี้มนุษย์เป็นคนสร้าง ?
คำถามนี้ถูกลบ
ในโลกนี้ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่าบุญกุศลบารมี
ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐเท่าบุญกุศลบารมี ที่จิตจะสร้างขึ้นมาให้เป็นบุญกุศลของเค้า โดยมากแล้ว จะพึ่งพาคนอื่น นำบุญกุศลมาเสริมสร้าง ความทุกข์ต่างๆมันก็จะไม่หมดไป ถ้าเราไม่ทำด้วยตัวของตัวเอง ..ช่วยทำให้หน่อยนะ ช่วยอย่างโน้นช่วยอย่างนี้
..ถึงเวลาแล้วที่หาคนมาช่วยไม่ได้ จะทำอย่างไร เมื่อทำไม่ได้ด้วยตัวเองของตัวเอง มัวแต่พึ่งคนนั้นคนนี้ หมดทุกอย่าง ตอนเรามีโอกาสได้ทำ ต้องรีบทำให้ได้ เรื่องบุญกุศลบารมี เป็นเรื่องให้สำหรับจิตของเรา วันแล้ว เดือนแล้ว ปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นเรื่องราวของบุญกุศลบารมี เป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เวลาเกิดแก่เจ็บตาย มิใช่เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่น่ากลัว กลัวอะไรกลัวกรรมมันเกิดขึ้น ที่จะหนุนนำพาจิตของเรา กายของเรา ไปทุกข์ทรมานต่างๆนานา
..จะเกิดมา กี่วันกี่เดือนกี่ปี เมื่อสิ่งนั้น มันเกิดขึ้น ..ให้ใครเค้าจะช่วย เค้าช่วยเฉพาะกาย แต่จิตของเราที่ต้องทุกข์ทรมาน ใครจะช่วย มาสร้างบุญสร้างกุศลบารมี เพื่อจะให้จิต ช่วยจิตของตัวเอง เมื่อถึงเวลาก็สามารถที่จะช่วยเหลือตนเองได้ เพราจิตเป็นผู้มีบุญ มีปัญญาที่จะหนีกรรม และแก้ไขกรรม .รอยคอยให้ผู้นั้นผู้นี้มาช่วย เหมือนกับว่าเจ็บป่วยแล้วนะ
เมื่อกรรมมันมา ก็คอยยูกคอยยา คอยหมอมาคอยรักษา มีความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ที่จิตต้องได้รับ ที่อารมณ์มาเสริมปรุงรสแต่ง ให้กายได้รับทุกข์ ไม่ใครเค้าช่วยเรา ถ้าเราไม่รีบหนุนนำ ให้จิตมีบุญมีบารมี
เมื่อเราพร้อมจะเก็บหอมรอมริบ บุญกุศลบารมี เราก็เพิกเฉย เมื่อถึงเวลานั้น หมดโอกาสที่จะประคับประคองจิตตัวเอง
ทุกคนเกิดมากรรมนำมาเกิด เมื่อกรรมนำมาเกิด เราก็รู้แล้วว่าเป็นกรรม มีทั่งกรรมดี กรรมไม่ดี แต่โดยมากเลือกเห็นกรรมไม่ดี เป็นเรื่องของจริง กรรมดีเป็นเรื่องของรองลงมา ก็เป็นเรื่องเห็นไม่จริงไม่จังเกิดขึ้น
กรรมดี ที่เกิดขึ้น ต้องหมั่นพิจารณาว่า ดีอย่างไร แก้ไขจิตของเราอย่างไรบ้าง จิตกระทบกรรม แล้วเป็นอย่างไร จิตไปกระทบบุญกุศลบารมี เป็นอย่างไร ก็หมั่นสังเกตตรวจสอบ ว่า อะไรที่เราควรยึดถือต่อไปวันข้างหน้า ก็โดยมากก็ไปยึดแต่สิ่งที่ไม่ดี ยึดว่าเป็นเรื่องดี
สิ่งต่างๆในโลกนี้ เป็นเรื่องของความสมมุติ สมมุติั้นปัจจัย นั่นยศฐานบรรดาศักดิ์ นั้นกาย นั่นที่อยู่ที่อาศัย ที่ไร่ที่นา อะไรต่างๆ ของกินของใช้ของทั้งหมดนั้นคือ สมมุติ ที่หาเป็นของจริงไม่
เหมือนกับมีกับข้าว เรานึกว่า กับข้าวนี้มาให้เรากิน มีข้าวให้กิน ที่มันจะมีต่อไปให่เรากินเรื่อยๆ พอเลยเวลาไปหน่อย ข้าวปลาอาหารนั่น ก็บูดแล้ว นั่นก็แสดงว่า นั่นไม่ใช่ของเราจริง ถ้าของจริงมันต้องไม่บูดไม่เน่า
แล้วบุญกุศล ที่มันติดอยู่ในจิตเป็นธรรมของจริง หรือ ของปลอม เราก็หมั่นพิจารณา
แต่โดยมาก เป็นเรื่องไปยึดถือของไม่จริงเป็นหลัก เพราะของจริง มันทำขึ้นมายากลำบาก ต้องทำจิตทำกาย กายต้องเป็นกายบุญ จิตต้องเฉยๆเพราะต้องต่อสู้อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
เหมือนกับการภาวนาไปได้หน่อย เดี๋ยว..กรรมมันก็มาแทรกซ้อม พาไปโน้น พาไปนี่ นึกถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้
ฉะนั้นเราเป็นผู้มีกรรมเป็นหลักแล้ว เราก็ต้องหมั่นเพียรพยายาม สร้างบุญสร้างกุศลให้มากๆ เช่น สิ่งที่เรายึดถืออยู่ว่าเป็นของจริง ภัตตาหารและมิตตาหาร ปัจจัยสี่อะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องของจริงๆของเรา เพราะจะช่วยเหลือเราไม่ต่างกันลำบาก ในการหากินหาอยู่ ต้องไปยึดเค้าอยู่ แต่ยึดไว้ ไม่ให่ใครทั้งนั้น แม้แต่จะมีมากมายก่ายกอง ก็ไม่แบ่งกัน
โฆษณา