19 เม.ย. เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“หุ้นสหรัฐ” ยังไปต่อได้ ถึงเวลา “เปลี่ยนกลุ่มเล่น”

ขยับสู่ “หุ้น Value” & “หุ้นขนาดเล็ก” ที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง !!!
Fun of Funds: “ตลาดหุ้นสหรัฐ” ปีนี้ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน แม้จะย่อลงมาบ้างแต่ดัชนี S&P500 ปีนี้ก็ยังบวกอยู่กว่า +5.66% ตั้งแต่ต้นปีและยังยืนได้ที่ระดับ 5,011.12 จุด
อย่างไรก็ตามก็ถือเป็นตลาดที่ “ไม่ถูก” แล้วในปัจจุบัน มีการซื้อขายในระดับที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงถึง 3% แต่ก็ยังไม่เข้าข่ายอยู่ในเกณฑ์ Overvalued ของการชี้วัดตาม “Morningstar” (ข้อมูล ณ วันที่ 3 มี.ค. 24)
ซึ่งหากย้อนไปตั้งแต่ปี 2010 พบว่ามีเพียง 14% เท่านั้นที่นับว่าตลาดหุ้นสหรัฐซื้อขายในระดับที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง
ขณะที่ในอนาคตคาดว่าผลตอบแทนของตลาดจะยังเพิ่มสูงขึ้นได้ และนำโดยหุ้นกลุ่ม “Value” และ “หุ้นขนาดเล็ก” ที่ปัจจุบันยังซื้อขายในระดับต่ำนั่นเอง
ทิศทาง “หุ้นสหรัฐ” ในไตรมาสที่2 จะเป็นเช่นไร ยังลงทุนได้หรือไม่ ตามทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthy Thai’ ไปอัพเดทมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญพร้อมกันได้เลย
มองหาหุ้นกลุ่มที่ยัง “Undervalue” และไม่เป็นที่สนใจ...ชู “หุ้น Value” & “หุ้นขนาดเล็ก” เด่นสุดในตลาดสหรัฐ
จากข้อมูลของ “บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)” ได้ระบุในรายงานไว้ว่า “หุ้นสหรัฐ” ยังลงทุนได้แต่ควรเริ่มมองหาการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ยัง “Undervalue” และยังไม่เป็นที่สนใจจากนักลงทุนอื่น
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับเพิ่มขึ้น โดย “Morningstar US Market Index” เพิ่มขึ้น 9.66% ซึ่งมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรที่เติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ในหุ้นกลุ่ม AI ทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น Nvidia ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 90% ทำให้มีผลต่อตลาดหุ้นโดยรวมให้ปรับขึ้นด้วย
ขณะที่ยังมีกลุ่มที่น่าสนในลงทุน เช่น หุ้นกลุ่ม “Value” ยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 6% และกลุ่ม “Small-cap” ที่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 18% เทียบกับกลุ่ม “Mid-caps” ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 3% และกลุ่ม “Large caps” ซื้อขายสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง 5%
“เราจึงแนะนำนักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนที่มากกว่าตลาดหรือ Overweight ในหุ้นกลุ่ม Value , กลุ่ม Small-cap และ Slightly overweight ในหุ้น Mid-cap ขณะที่ให้น้ำหนักการลงทุนที่น้อยกว่าตลาดหรือ Underweight ในหุ้น Growth และกลุ่ม Large caps”
แนะลงทุนในกลุ่ม “หุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้น” และไม่เป็นที่สนใจของตลาด... “Real estate, Utilities, Energy”
ทั้งนี้ทีมเศรษฐกิจของ “Morningstar” คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตแบบชะลอลงอย่างช้าๆ ในอนาคตแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เป็นโอกาสลงทุนที่ดีใน “หุ้นขนาดเล็ก” หรือกลุ่ม “Small-cap” ซึ่งก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าจะถูกกระทบมากหากเศรษฐกิจเกิด Recession นอกจากนี้ยังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับลดลงหลังจากที่ Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะ “หุ้นที่มีอัตราปันผลที่สูง” จะมีความต้องการจากผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น (หุ้นปันผลสูงจะมีน้ำหนักค่อนข้างมากในกลุ่มหุ้น Value) นอกจากนี้ดอกเบี้ยที่ปรับลดลงยังทำให้หุ้นขนาดเล็กได้ประโยชน์จากการที่มีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และลดความกังวลต่อรายได้ในอนาคต
“แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ราคายังไม่ปรับเพิ่มขึ้น และยังไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนในตลาด หุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในอดีตอาจไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีต่อในอนาคต ทั้งนี้หากดูองค์ประกอบของ ‘Morningstar US Market Index’ (ณ วันที่ 22 มี.ค. 24) พบว่าหุ้น 10 ตัวแรกมีสัดสวนมากถึง 62% ของผลตอบแทนทั้งตลาดโดยรวมจึงทำให้มีผลต่อทั้งดัชนีให้ปรับขึ้นได้
ซึ่งเกิดคำถามว่าในปีนี้จะยังสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ตลาดโดยรวมได้อีกหรือไม่ ดังนั้นจึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ราคายังอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง และยังไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วไป ซึ่งพบว่าเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม Real estate, Utilities, Energy”
“ทำกำไร” ในหุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน
ในปีที่แล้วหุ้นกลุ่ม Communications, Consumer cyclicals, Technology ยังมีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ขณะที่ในปีนี้หุ้นกลุ่ม Technology ราคาซื้อขายสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง ส่วนกลุ่ม Communications, Consumer cyclicals ราคาปรับขึ้นมาเข้าใกล้มูลค่าที่แท้จริง
“หุ้นกลุ่ม Industrials เป็นกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง รวมไปถึงกลุ่ม Transportation, Airlines, Consumer defensive, Financial services และ Technology”
แม้ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐจะผ่าน “จุดสูงสุด” ไปแล้ว แต่จะลงได้ตามตลาดคาดหรือน้อยกว่ายังเป็นประเด็นที่ตลาดยังคงให้ความสนใจอยู่เช่นกัน หลังตัวเลขเงินเฟ้อยังค่อนข้างดื้อ อย่างไรก็ตาม “หุ้นสหรัฐ” ยังมีโมเมนตัมจะไปต่อได้เพียงแต่อาจจะต้องเปลี่ยนกลุ่มลงทุน โดยมองหา “หุ้นที่ Undervalue” และยังไม่เป็นที่สนใจมากนัก ซึ่งกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ “หุ้น Value” และ “หุ้นขนาดเล็ก” นั่นเอง ในมุมมองของทาง “Morningstar”
โฆษณา