20 เม.ย. เวลา 15:55 • สุขภาพ

“Shower Effect” ไอเดียดีๆ ทำไมมีตอนอาบน้ำ

ก่อนอื่นเลยผมต้องขออภัยที่หายไปนานครับ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมารับงานค่อนข้างหนัก ประกอบกับยังไม่มีเรื่องที่คิดว่าน่าชวนคุยจริงๆ สัญญาว่าหลังจากนี้จะมาให้ถี่ขึ้นนะครับ
วันนี้เลยขอหยิบสาเหตุที่ทำให้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกัน เนื่องจากผมพยายามจะหาอาชีพเสริม แต่คิดไม่ออกสักที แล้วก็ดันมาคิดออกตอนอาบน้ำ เลยทำให้สงสัยต่อไปว่า "ทำไมต้องตอนอาบน้ำด้วย"
เพราะเอาจริงๆแม้กระทั่งแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเขียนเรื่องแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็มาจากการอาบน้ำเหมือนกัน แล้วการอาบน้ำ ส่งผลอะไรต่อร่างกาย หรือความคิดจิตใจของเราได้บ้าง
ก่อนจะเข้าใจว่าทำไมไอเดียดีๆมักจะมาหลังอาบน้ำ เราต้องเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า "ภาวะสมองล้า" หรือ “Brain Fog Syndrome” ซึ่งเป็นภาวะที่มักเกิดขึ้นหลังจากที่เราใช้งานสมองอย่างหนักแบบไม่ได้พัก ไม่ว่าจะการทำงานติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ความเครียด การพักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย รวมถึงแม้แต่คลื่นแม่เหล็กจากพวกคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือก็มีส่วนต่อการเกิดภาวะดังกล่าว
ซึ่งส่งผลให้เกิดผลกระทบต่างๆตามมาจากร่างกาย รู้สึกไม่สดชื่น ขี้หลงขี้ลืม ความคิดสร้างสรรค์หดหาย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ แถมยังส่งผลถึงอารมณ์ ทำให้เรากลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย
การลดอาการสมองล้าสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรืออาหารบำรุงสมองต่าง ๆ และการไม่เล่นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์มากเกินไป
แต่อีกหนึ่งวิธีที่อาจช่วยลดภาวะสมองล้าได้ก็คือ "การอาบน้ำ"
มีงานวิจัยหลายชิ้นออกมาระบุว่า การอาบน้ำช่วยให้สมองของเราจากที่ตื้อ ๆ นั้นสามารถคิดไอเดียเจ๋ง ๆ ออกมาได้ ซึ่งแต่ละงานวิจัยนั้นได้ทำการศึกษาไอเดียซึ่งเกิดระหว่างที่สมองอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้โฟกัสกับอะไรบางอย่างมากจนเกินไป หรืออาจเรียกว่าเป็นสภาวะที่สมองได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย (mind-wandering)
การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Charles Sturt แห่งออสเตรเลียพบว่า ไอเดียมักเกิดจากตอนที่เราได้ทำกิจกรรมที่ได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย โดยมักเกิดระหว่างการอาบน้ำถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เกิดระหว่างการเดิน 13 เปอร์เซ็นต์ และเกิดระหว่างการออกกำลังกาย 11 เปอร์เซ็นต์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา John Kounios จากมหาวิทยาลัยเดร็กเซลพบว่า ไอเดียของคนเราจะเกิดขึ้นเองในช่วงที่สมองของเราไม่ได้จดจ่อกับอะไรมากเกินไป
โดยมีทฤษฎีที่กล่าวว่า การอาบน้ำอาจมีส่วนให้มีการเพิ่มปริมาณการหลั่งของสารบางอย่างในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาร "โดพามีน (dopamine)" หรือสารแห่งความสุขซึ่งจะทำให้สมองของเราผ่อนคลาย จะให้เราคิดไอเดียดี ๆ ออกได้มากกว่า ซึ่งกิจกรรมที่ทำให้ทฤษฎีนี้เกิดประสิทธิผลมากที่สุดก็คือการอาบน้ำ และยังเรียกความคิดที่เกิดในระหว่างอาบน้ำว่า “ระยะฟักตัวของความคิด (incubation period)”
นอกจากนี้ยังพบว่า สมองส่วน Temporal Lobe ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความทรงจำระยะสั้น การทำความเข้าใจความหมายเชิงเปรียบเปรย สัญลักษณ์ และประมวลผลข้อมูลต่างๆ การใช้สมองส่วนนี้มากเกินไปทำให้เกิดอาการล้า เกิดภาวะเครียดสะสม การไปเดิน ออกกำลังกาย อาบน้ำ จึงช่วยให้หลั่งทั้งสาร Dopamine และ Endorphin ฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้เราคิดบวกมากขึ้น หรือคิดแบบไร้กรอบได้มากขึ้นโดยไม่เครียด
1
แต่อย่างไรก็ตาม Zac Irving ให้ทรรศนะไว้ว่า ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีไม่เพียงแต่จะมาจากการปล่อยจิตให้อิสระเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการบาลานซ์ให้ดีระหว่างความคิดอิสระและความคิดแบบโฟกัส เพราะหากโฟกัสมากเกินไปก็เครียดและคิดไม่ออก ในขณะเดียวกันหากปล่อยให้อิสระมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นเบื่อจากกิจกรรมที่ทำจนถูกรบกวนด้วยความเบื่อ และก็อาทำให้คิดอะไรไม่ออกได้เช่นกัน
“คุณต้องสร้างพื้นที่นั้นให้กับชีวิตคุณ และพื้นที่ที่ว่ามักเกิดขึ้นเมื่อคุณอาบน้ำ มันคือหนึ่งในช่วงเวลาไม่กี่ช่วงที่เราไม่ได้ถูกผูกติดอยู่กับอุปกรณ์และเทคโนโลยี แต่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เรามีพื้นที่แบบเอ็กซ์ตร้าที่จะหาความเชื่อมโยงกันระหว่างไอเดียและความรู้ที่มี และถ้าเราไม่ให้เกิดสิ่งนี้ในชีวิต มันก็ยากที่จะเวิร์ก”
Ron Friedman นักจิตวิทยาผู้แต่งหนังสือ The Best Place to Work: The Art and Science of Creating an Extraordinary Workplace
อ้างอิง
โฆษณา