20 เม.ย. เวลา 17:10 • ไลฟ์สไตล์

ทำไมWhyถึงสำคัญกว่าHow

ทุกคนมีเป้าหมายทุกคตมีความฝันมีความต้องการที่จะเอาความปรารถนาที่ตัวเองได้แค่นึกและฝันถึงมาไว้ในมือของตัวเองกันทั้งนั้น
แต่ชีวิตไม่เคยง่ายทุกอย่างมักที่ตะมาขัดขวางคุณให้ไกลจากความฝันเสมอไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคที่เข้าแล้วก็ผ่านไปหรือมารผจญที่คอยรังควานคุณทุกย่างก้าว หรือศัตรูที่ร้ายแรงที่สุด คือตัวคุณเอง
หลายครั้งความฝันถูกขัดขวางและทำให้หยุดชะงักลงด้วยตัวของคุณเอง คุณอาจไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนและทำไมคุณถึงทำแบบนั้นหรือจริงๆคุณอาจจะรู้ตัวก็ได้
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่คุณก็คงไม่ปฏิเสธหรอกว่าความต้องการชั่ววูบของตัวเองมีผลต่ออนาคตในระยะยาวของคุณมากแค่ไหน และยิ่งกว่าอะไรคือการตัดสินใจของตัวคุณในอดีตมีผลต่อตัวคุณเองในอนาคตมาก
และมันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ละถ้าคุณนั้นผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นแล้วก่อนที่จะเริ่มทำตามความฝันด้วยซ้ำ
มันเริ่มมาตั้งแต่ต้นคำถามส่วนใหญ่ของคนที่มักที่จะถามคือ ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จในความฝันที่ตัวเองตั้งเอาไว้ ซึ่งเอาตามตรงแล้วมันไม่ได้ผิดที่จะถามแบบนั้น
แต่ปัญหามันอยู่ที่หลายคนมักละเลยถึงอะไรบางอย่างตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มที่จะฝันมันคือคำถามที่ว่าทำไมถึงได้ต้องการและปรารถนาสิ่งนั้นกัน
โดยมันมี2เหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ที่พลาดที่จะWhy ไปไม่ถึงความฝัน คือขาดแรงจูงใจ กับ ไม่รู้ความต้องการของตัวเองจริงๆ
อย่างแรกคือขาดแรงจูงใจ ผมยกตัวอย่างอย่างเช่นเรื่องการออกกำลังกาย คุณมีเป้าหมายว่าคุณจะต้องมีกล้ามเนื้อ มีร่างกายที่สมบูรณ์
แต่คำถามคือมีสักกี่คนกันที่จะทำได้อย่างที่พูดโดยไม่ออกอาการสันหลังยาวตั้งแต่ครึ่งเดือนแรก? ส่วนเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกขี้เกียดไม่อยากทำนั้น มาจากคุณขาดเหตุผลให้กับความต้องการของคุณ
ทุกคนรู้ว่าการออกกำลังกายนั้นมันดี มันทำให้คุณดูมีเสน่ห์ขึ้นมันทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรง แต่ปัญหาคือนั้นคือความต้องการของคุณแน่หรอ?
อย่างแรกคือคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวคุณเองถึงต้องกระตือรือร้นที่จะต้องออกกำลังกาย คุณก็แค่คนธรรมดาที่งานในแต่ละวันก็ยุ่งอยู่แล้วยังจะต้องมาออกกำลังกายอีก แถมอีกอย่างทุกอย่างที่กล่าวมานั้นมันไม่ใช่ความปรารถนาแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ
คุณรู้ว่ามันดีคุณรู้ว่ามันต้องทำ แต่เพราะว่าอะไรหลายๆอย่างมันไม่ชัดเจนมากพอให้คุณรู้สึกกระตือรือร้นที่จะทำคุณก็เลยจะขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งๆนั้น แต่ในทางกลับกัน
แต่คุณถามตัวเองแล้วว่าทำไมคุณถึงต้องออกคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นเป็นความต้องการส่วนตัวมากขึ้น เช่นคุณเป็นนักกีฬาและคุณต้องการที่จะชนะการแข่งขันคุณเลยจำเป็นที่จะต้องรักษาสุขภาพ
หรือคุณรู้สึกอิจฉาใครก็ไม่รู้ในอินสตาแกรมที่ได้ยอดไลค์จากการโชว์กล้ามท้อง และคุณต้องการที่จะได้แบบนั้นบ้าง หรือทำเพราะว่าโดนบูลลี่และต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
การกำหนดถึงลายละเอียดในความต้องการของคุณนั้นทำให้คุณรู้ว่าตัวเองต้องการและมีเป้าหมายอะไรและต้องทำยังไงหรือกำหนดแม้กระทั่งระยะเวลาในการทำ จะทำให้การทำตามความต้องการของคุณนั้นง่ายขึ้น
อย่างต่อมาคือ ไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง
ในข้อนี้มันอาจจะดูเหมือนว่าซ้ำกับข้อที่แล้วแต่มันเป็นอีกหัวข้อนึงเลยต่างหาก ยกตัวอย่างสถานการณ์เช่น
คุณเป็นลูกเป็นหลานของครอบครัวข้าราชการที่โคตรเง่าของตนตั้งแต่นมนานนั้นเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาทั้งสิ้น คุณเลยคิดว่าคุณจะต้องเป็นแบบพวกเค้าบ้างและคนในครอบครัวก็ผลัดให้คุณเป็นเช่นกัน
แน่นอนเด็กคนนึงเติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูของผู้ปกครองและสภาพแวดล้อมของเค้าและรวมถึงไอดอลของเค้าด้วย มันจึงไม่แปลกเลยที่คุณจะฝันที่จะเป็นข้าราชการเหมือนคนอื่นๆ
เพราะสภาพแวดล้อมของคุณมันเป็นแบบนั้น เพราะคนที่คุณเห็นว่าเป็นแบบอย่างนั้นเป็นแบบนั้นเพราะว่าคนที่เลี้ยงดูคุณนั้นเป็นแบบนั้น ทุกอย่างซึมซาบมาในตัวคุณปละกลายเป็นส่วนนึงของคุณไป
ทั้งๆที่หารู้มั้ยว่าคุณอาจจะไม่ได้ต้องการที่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ มันอาจจะมีสิ่งที่เหมาะกับคุณมากกว่าคุณรู้สึกเอ็นจอยที่จะเป็นและอยากจะเป็นมากกว่าก็ได้
แต่ด้วยสิ่งที่เรียกว่าความคาดหวังของคนรอบข้างและวัยเด็กที่เติบโตมา มันเลยทำให้คนประเภทที่2นี้ถึงแม้จะท้อก็จะยังคงสู้ต่อไปด้วยความรู้สึกที่แบกความคาดหวังไว้บนบ่าและควาทรู้สึกที่ว่าตนมาไกลกว่าที่จะกลับแล้ว
จริงๆแล้วผมเชื่อนะว่าคนเราเปลี่ยนกันได้เสมอตราบเท่าที่ยังไม่ตาย แต่ก็มีบางส่วนที่ขัดแย้งคือในหลายครั้งโอกาสของแต่ละคนไม่เท่ากันเวลาที่จะได้หันหลังกลับก็เช่นกัน
เพราะงั้นรู้ตัวยิ่งเร็ว นั้นแหละดีที่สุดแล้ว
โฆษณา