22 เม.ย. 2024 เวลา 08:26 • ปรัชญา
ชิบะ

ความเชื่อเรื่องพญานาคในคติชนญี่ปุ่นโบราณที่ลางเลือนแล้วในญี่ปุ่นปัจจุบัน

ความเดิมตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้ปูพื้นตำนานพญานาคของญี่ปุ่นที่ถูกส่งผ่านจากอินเดียโดยการนำมาของภิกษุชาวจีน ผ่านการคัดลอกจาระคัมภีร์มหายานที่ชื่อสัทธรรมปุณฑริกสูตร(ที่นำเอาเนื้อหาของพระไตรปิฎกมาขยายความจนเกิดคติอภินิหารขึ้น) จนชาวญี่ปุ่นในสมัยบุราณนานนมก็เคยมีความเชื่อเรื่องพญานาคเฉกเช่นคติชนไทย-ลาว-กัมพูชาและพม่าในปัจจุบัน(แค่ชื่อเรียกผิดกันเท่านั้น)
แต่อันที่จริงแล้ว ไม่เพียงแต่ในศาสนาพุทธแบบญี่ปุ่นเท่านั้นที่สำแดงไว้ถึงการปรากฏตัวของสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์ที่เรียกว่าพญานาค ในศาสนาชินโตเองก็มีพญานาคเช่นกัน ซึ่งศาสนาชินโตเป็นศาสนาเก่าเดิมของญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์คือเป็นเทวนิยมจ๋าๆคล้ายคลึงกับศาสนาฮินดู และมีการกล่าวถึงเรื่องราวของเทพผู้สร้างโลกและเทพวงศ์วานมากมายหลายสิบองค์
พญานาคในศาสนาชินโตมักแสดงในรูปลักษณ์ของงูใหญ่ที่มีศีรษะตะปุ่มตะป่ำ มีเครื่องหัวอลังการ ถ้าเป็นฝ่ายชั่วร้ายมักมีหลายหัว แต่โดยรวมแล้วพญานาคของชินโตจะเรียกว่า โอโรจิ(大蛇/おおろち)แปลคำคำนี้แบบตรงตัวในแบบฉบับภาษาญี่ปุ่นโบราณเลยก็จะได้ความหมายว่า งูใหญ่
และความเชื่อเรื่องโอโรจิ ก็เป็นความเชื่อดั้งเดิมสมัยก่อนกาลสมัยที่พระพุทธศาสนาจะเข้ามาในแผ่นดินอาทิตย์อุทัย ช่างน่าแปลกที่ในหลายๆประเทศทั่วโลกล้วนแล้วแต่มีความเชื่อเหมือนกันเกี่ยวกับงูใหญ่ที่มีอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกา อียิปต์ อินเดีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แม้แต่เทพีผู้สร้างชนชาติจีนในตำนานก็เป็นเทพีอสรพิษชื่อเทพีหนี่วา เหตุใดตัวละครในตำนานถึงมีความละม้ายกันได้ด้วยรูปลักษณ์แห่งงูขนาดนั้น นับเป็นเรื่องที่น่าฉงนอย่างเหลือแสน เกินจะหาหลักตรรกะใดมารองรับความบังเอิญนี้
บริวารของมังกรแบบญี่ปุ่น(นาคบริวารตามคติญี่ปุ่น)ไม่มีเขา มีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละสามนิ้ว หางไม่มีพู่ครีบ
โอโรจิเป็นสัตว์มีฤทธิ์เหมือนกันกับพญานาคไม่มีผิด หากจะกล่าวก็คือเป็นนาคชนิดหนึ่งนั่นเอง แต่ส่วนใหญ่พวกโอโรจิมักจะเป็นนาคที่มีจิตใจชั่วร้ายเพราะมักปรากฏตัวในฐานะศัตรูของเทพเจ้า โอโรจิที่เป็นพวกหัวหน้ามักจะมี4หัว แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไรก็มักจะกลายร่างเป็นงู8หัวขนาดมหึมา โดยมีชื่อเรียกเฉพาะว่างูใหญ่8ง่าม หรือ ยามาตะโนะโอโรจิ(八岐大蛇/やまたのおろち)นั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือโอโรจิ มีลักษณะเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย(อธรรม) มีจำนวนเศียร4และ8เศียร ตรงกันข้ามกับพวกริวจิน(竜神)ที่มักปรากฏเป็นเทพเจ้าอสรพิษฝ่ายดีงาม และยังตรงกันข้ามกับพญานาคในคติของอินเดียและไทยที่เป็นฝ่ายธรรมะ ซึ่งมักมีเศียรเป็นเลขคี่ เช่น3,5,7,9และในบางกรณีก็อาจมีถึง11เศียร หากเป็นนาคที่ถืออุโบสถศีลจนมีบารมีสูงก็จะยิ่งมีจำนวนเศียรมากตามลำดับแต่เป็นเลขคี่ ล้อตามศีล5,อิงการประสูติแทนแว่นแคว้นทั้ง7ด้วยการใช้คำว่าย่างเดิน7ก้าว และ3เศียรก็หมายถึงพระรัตนตรัยนั่นเอง
ชะกะระริวโอ หรือ พญาสาครนาคราช (วัดเซ็นโซจิ สังเกตดีๆจะเห็นว่ามีมังกรอยู่ที่พระเศียร) 沙竭羅龍王(浅草寺 頭部に龍を頂いて居る事に注目。)
แน่นอนว่า9เศียรก็ย่อมหมายถึงความก้าวหน้าตามแบบไทยๆเรานั่นเอง ส่วนเลข4นั้นจะมีเสียงอ่านญี่ปุ่นแบบโอ็งโยมิที่ตรงกับคำว่า ชิ หรือ ความตาย ในภาษาญี่ปุ่น จึงให้โอโรจิมี4เศียรแทนการสังหาร 8เศียรก็แทนมหานรกทั้ง8ขุม ตามคติความเชื่อของคนพุทธ ในตำนานโบราณยุคที่พระพุทธศาสนาเข้ามามีบทบาทในแดนอาทิตย์อุทัยแล้วนั้น จิตรกรจึงมักวาดให้โอโรจิกลายเป็น ยามาตะโนะโอโรจิ หรือ งูยักษ์แปดง่ามหัว นั่นเอง
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ งูยักษ์โอโรจิจะมีคติที่พ้องกับคติของยุโรปที่มองงูใหญ่หรือมังกรเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย ในขณะที่พวกริวจิน(นาคราช) หรือริวจินโอ(นาคาธิบดี) จะเป็นตัวแทนของธรรมบาล หรือเทพเจ้าฝ่ายธรรมะนั่นเอง นับว่าเป็นความบังเอิญที่น่าสนใจไม่น้อยว่าเหตุใดคนโบราณจึงมีคติที่ตรงกันอย่างประหลาด
โอโรจิ หรือพญานาคดั้งเดิมของชนชาติญี่ปุ่นยุคก่อนพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน(และวัชรมนตรยาน)นั้น ยังรับเอาพญานาค8ตนจากในศาสนาฮินดูและพุทธแบบเถรวาทมาทำการบุคลาธิษฐานใหม่ให้เป็นบุปโปโนะชุโงะจิน(仏法の守護神)หรือธรรมบาลนั่นเอง โดยจะมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงพระศาสนาและปกป้องคุ้มกันพระพุทธศาสนา
โดยพญานาคทั้ง8 ได้แก่ นันทะนาคราช(難陀/Nanda-มาจากพญาอนันตนาคราชจากศาสนาฮินดู),อุปนันทนาคราช(跋難陀/Batsunanda/Upananda-มาจากพญานันโทปนันทนาคราช-รายนี้เป็นพญานาคในตำนานพุทธแท้ๆไม่ได้มาจากศาสนาฮินดู),สาครนาคราช(娑伽羅/Sakara/Sagara-มาจากพญาสาครนาคราชในพุทธตำนานเดิม ผู้มารอรับพระพุทธองค์เสด็จจากเทศนาธรรมบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ให้แก่มายาเทพบุตรผู้เป็นอดีตชาติพุทธมารดา),วาสุกินาคราช(和修吉/Washuugi/Wasugi-มาจากพญาวาสุกินาคราช จ้าวบาดาลในศาสนาฮินดู)
เทวรูปของเทพนาคา8องค์ผู้เป็นธรรมบาลในศาสนาพุทธนิกายมหายาน แตกต่างจากของพุทธเถรวาทตรงที่ชาวมหายานมองว่านาคหรือมังกรเป็นเทพเจ้าสูงส่ง แต่ของเถรวาทมองว่านาคเป็นสัตว์เดรัจฉาน บรรลุธรรมไม่ได้
ตักษกะนาคราช(徳叉迦/Tokushaka/Takshaka-มาจากพญาตักษกะในตำนานฮินดูยุคพระเวทเก่า),อันวาดาปต์นาคราช(阿那婆達多/Anabatatta/Anavatapta-มาจากพญาอนวตาปตะผู้เป็นฝาแฝดของพญาตักษกะนาคราชในตำนานเทพเจ้าฮินดูยุคพระเวทเก่า),มนัสวินนาคราช(摩那斯/Manashi/Manasvin-มาจากพญามนัสวินนาคราชอันเป็นตัวแทนของความกล้าหาญในการเอาชนะมารผจญของนิกายมหายาน นิกายมหายานสถาปราบต์นาคราชตนนี้ขึ้นเอง),และสุดท้าย อุตปาลกนาคราช(優鉢羅-Uhatsura/Utpalaka-มาจากอุตปาลกนาคราชผู้เป็นเทพนาคาแห่งพืชพรรณธัญญา ต้นฉบับของนิกายมหายานเองเลย)
พญานาคทั้ง8ตนถูกเหล่าพุทธาจารย์ดำเนินการบุคลาธิษฐานสถาปนาขึ้นมาใหม่ในรูปของเทพมังกรแบบเอเชียตะวันออก ไร้ซึ่งรูปพรรณของพญานาคราชแบบดั้งเดิมที่ควรจะเป็นพญางูใหญ่มีหงอน(งูเห่ายักษ์สวมมงกุฏ) เหตุเพื่อให้ไม่เกิดความขัดแย้งกับความเชื่อดั้งเดิมเรื่องของมังกรที่มีอยู่แล้วในทิเบต จีน มองโกเลีย เกาหลีและญี่ปุ่นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม พญานาคทั้ง8ตนนี้ล้วนได้รับการนับถือในหมู่ชาวพุทธนิกายมหายานว่าเป็นเทพเจ้ามังกรตามคำฮธิบายในคัมภีร์สัทธรรมปุณฑริกสูตร(法華経/Hokkekyou)ถือกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเทพธรรมบาลที่ประจำอยู่ผิวโลกและใต้บาดาลทั้ง8ทิศ ช่วยปกปักรักษาพระธรรมคำสอนและอารักขาพระโพธิสัตว์ คอยคุ้มครองคนดีมีศีลธรรมให้รอดพ้นจากภัยพาล และถือกันว่าเป็นกลุ่มเทวฤทธิสัตว์ที่หมั่นบำเพ็ญเพียรเพื่อเป้าหมายในการพยายามหลุดพ้นจากห้วงโอฆะสงสารนั่นเอง
(บทความฉบับนี้เขียนโดยแอดภุชงค์ แอดมินเพจเฟซบุ๊ค "ธรรมะแฟนตาซี" สามารถคัดลอกบทความนี้ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ให้เครดิตเพจธรรมะแฟนตาซีเพื่อที่จะได้ไม่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ)
สาครนาคราช(ซาการะ)(ขวา),อหิมกรานาคราช(หิบะคะระ) หรือ พญางูเหลือม มโหรคะ(ซ้าย) ทั้งคู่ต่างก็เป็นธรรมบาลที่มักถูกปั้นให้เป็นทวารบาลเฝ้าประตูวัดญี่ปุ่น 沙羯羅像(右)。左は畢婆迦羅像(いずれも興福寺蔵)。
โฆษณา