23 เม.ย. เวลา 10:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

CEO JP Morgan สถาบันยักษ์ใหญ่ บอกว่า "ขณะที่ U.S. หลับไหล จีนได้แทรกขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจแล้ว"

หนึ่งใน CEO ผู้ซึ่งประกาศตัวว่าเป็น "นักทุนนิยมผู้รักชาติ เต็มตัว ไม่woke"
ได้ใช้หนังสือผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งเผยแพร่ไปในวันจันทร์ที่ผ่านมา
ส่งผ่านข้อความเพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญ....
1
แม้การร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ (U.S. - จีน) จะเป็นกุญแจสำคัญ
แต่ประเทศของเขาควรเป็นผู้กำหนดวาระทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก
2
แล้วยังเสริมว่า "รัฐบาลและภาคธุรกิจในโลกตะวันตกนั้น ประเมินความแข็งแกร่งและภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของจีนต่ำไปมาก"
"ประเทศคอมมิวนิสต์ มุ่งเน้นต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีกลยุทธ์ ในขณะที่ประเทศฝั่งตะวันตกยังคง "หลับไหล" อยู่ "
3
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จีนดำเนินกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากกว่าเรา”
“ผู้นำของเขาประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของประเทศ และตอนนี้จีนมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดหรือใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะวัดอย่างไร"
2
"แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนยังตั้งคำถามกับแนวทางเศรษฐกิจของผู้นำจีนในปัจจุบัน เนื่องจากตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ทำสำเร็จไปซะทุกอย่าง"
จากตรงนี้เราจพพอทราบกันอยู่บ้างว่า จีนเองก็ประสบปัญหาภายในประเทศของตัวเองเหมือนกัน
อย่างล่าสุดวิกฤตการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ อย่างเคสของ
Evergrande ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์
หลังจากการล่มสลายเกือบทั้งหมด ปัจจุบันนี้มีการซื้อขายหนี้สินราคาต่ำกว่าหนึ่งเซ็นต์ต่อดอลลาร์
(สามารถซื้อหนี้ของ Evergrande มูลค่า 1 ดอลลาร์ ด้วยเงิน 1 เซ็นต์)
1
และทางรัฐบาลก็จีนปัดความรับผิดชอบต่อปัญหานี้ ถึงแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จอย่างอพาร์ตเมนต์ และการสูญเสียแรงงานก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ปัญหาการว่างงานของเด็กจบใหม่ก็อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ บวกกับฝั่งผู้บริโภคที่เฝ้าระวังการใช้จ่าย มองหาทางเลือกการจับจ่ายทางเลือกที่ถูกกว่าแบรนด์ระดับพรีเมียม
2
อย่างไรก็ตาม Dimon เสนอสามวิธีที่จะทำให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาจีนและสามารถควบคุมการค้าขายกับจีนได้ในระดับหนึ่ง
"ประการแรกคือการที่ธุรกิจในประเทศพึ่งพาจีนมากเกินไป ในฐานะตัวเชื่อมโยงเดียวในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจไปสู่การสร้างจุดอ่อนและลดความยืดหยุ่นได้ในอนาคต
บ่อยครั้งที่การพึ่งพานี้เกิดขึ้นกับสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างรองเท้าผ้าใบ
แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญหรือซับซ้อนอะไร ในที่สุดสิ่งเหล่านี้จะได้รับการแก้ไข"
"แต่สิ่งที่เป็นภัยคุกคามที่กว่าและสำคัญคือ การพึ่งพาจีนของสหรัฐฯ ต่อความมั่นคงของชาติ"
“สหรัฐฯ ไม่ควรพึ่งพาศัตรูที่มีศักยภาพในการเข้าถึง/พัฒนา/สร้าง สิ่งที่จำเป็นต่อความมั่นคงของชาติได้”
1
“คิดถึงกลุ่มแร่หายาก (rare earths), 5G และเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor), เพนิซิลิน (penicillin) และวัตถุดิบที่สำคัญต่อวงการเภสัชกรรม นอกเหนือจากนั้น เรายังไม่สามารถแบ่งปันเทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในเพิ่มขีดความสามารถทางทหารให้ศัตรูได้”
Dimon วัย 68 ปี อาจระบุหลายวิธีให้สหรัฐฯ ได้เสริมแกร่งให้จีนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขายืนยันว่าอเมริกายังคง "มีอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างมหาศาล"
"นี่เป็นเพราะสหรัฐฯ มีอาหาร น้ำ และพลังงานมากมาย มีเพื่อนบ้านที่รักสันติภาพ และมีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังมีความหลากหลายทางนวัตกรรมมากที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา โดยมี GDP ต่อหัวมากกว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อปี และที่สำคัญที่สุด ประเทศชาติของเราได้รับพรจากเสรีภาพและอิสรภาพที่แท้จริง”
3
เนื่องจากขนาดของสหรัฐฯนั้นใหญ่โต เราจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์กับจีนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตนเองและของประเทศอื่นๆ Dimon เขียนไว้
1
กลยุทธ์ของ Dimon ไม่เพียบงแต่มุ่งเน้นเกิดการก้าวไปข้างหน้า และไม่นิ่งเฉยต่ออิทธิพลของจีน แต่เน้นถึงการรับมือในปัจจุบัน
“Let’s not cry over spilled milk—let’s just fix it”
(อย่ามัวจมอยู่กับความเสียใจในความผิดพลาด มาแก้ปัญหากันเถอะ)
“เราจำเป็นต้องสร้างและดำเนินกลยุทธ์ความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในระยะยาว เพื่อรักษาาถสนภาพทางเศรษฐกิจให้ปลอดภัย”
“ผมเชื่อว่าการมีส่วนร่วม(กับจีน)ด้วยความเคารพ ยำเกรง และสม่ำเสมอจะเป็นผลดีที่สุดต่อสองประเทศาและส่วนอื่นๆ ของโลก”
และยังต้องแน่ใจว่า อเมริกายังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหลักอย่าง รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานหมุนเวียน (renewable energy)
เขาเขียนว่า: “เราไม่สามารถยกทรัพยากรและความสามารถที่สำคัญของเราให้กับศัตรูที่มีศักยภาพได้”
cr. Fortune
โฆษณา