24 เม.ย. เวลา 08:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่อง 3 กองรีทอุตสาหกรรม (Industrial REIT) ไซส์หมื่นล้าน ปี 66 ใครจ่ายปันผลหนักสุด

สำหรับเทศกาลการจ่ายเงินปันผลปี 2566 ของตราสารทุนและกองรีทในตลาดหุ้นไทย ก็ได้ทยอยจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้เราจึงสบโอกาสจะพาผู้อ่านและนักลงทุนไปดูเงินปันผลของเหล่ากองรีทกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial REIT) ที่ลงทุนในคลังสินค้าและอสังหาฯที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีขนาดกองหลักหมื่นล้านบาทที่น่าสนใจกัน
โดยกองรีทที่จะยกมาพูดคุยกันในครั้งนี้ มีอยู่ 3 กองด้วยกัน ประกอบไปด้วย ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ ‘AIMIRT’ ด้วยผลการดำเนินงานปี 2566 ที่มีความโดดเด่นที่สุดใน 3 กอง ถึงแม้ว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์รวม 11,068 ล้านบาท แต่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นกองไซส์เล็กพริกขี้หนูที่มีพื้นฐานดีจนไม่ควรมองข้าม และควรมีติดพอร์ตไว้ในช่วงตลาดหุ้นผันผวน
ด้วยอัตราการจ่ายเงินปันผลรวมทั้งปีของ ‘AIMIRT’ ที่สูงถึง 0.8840 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในบรรดากองรีทกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยกัน โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8.5% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2566) และยังเป็นกองรีทที่ติดอันดับกองรีทที่มีอัตราการเช่าสูงสุดอย่างต่อเนื่องหลายปี
ซึ่งเบื้องหลังของผลตอบแทนที่โดดเด่นมาจากการเลือกลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีความหลากหลายของประเภททรัพย์สินและกระจายความเสี่ยงเป็นอย่างดี ทำให้พอร์ตทรัพย์สินของ ‘AIMIRT’ เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และหากดีลการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ ‘PPF’ เข้ากองรีท ‘AIMIRT’ แล้วเสร็จ ก็จะยิ่งทำให้ ‘AIMIRT’ มีขนาดกองที่ใหญ่ขึ้นพร้อมกับพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
รวมไปถึงจุดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในกองรีทที่ต้องคำนึงถึง คือเรื่องรูปแบบการถือครองทรัพย์สินของกองรีท ที่แบ่งเป็นการลงทุนที่ได้กรรมสิทธิ์หรือ Freehold และการลงทุนในสิทธิการเช่าหรือ Leasehold ซึ่งหากดูแล้วจะเห็นว่า ‘AIMIRT’ มีสัดส่วนทรัพย์สินที่เป็น Freehold กว่า 60% ช่วยให้นักลงทุนสบายใจ ลงทุนได้แบบยาวๆ
รองลงมานั้น เป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ ‘WHART’ ที่เรียกได้ว่าเป็นกองรีทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน 3 กอง เพราะด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 55,300 ล้านบาท ทำให้ในปี 2566 โกยรายได้ไปกว่า 3,397 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิที่ 2,615 ล้านบาท
แต่ด้วยตัวเลขการจ่ายเงินปันผลทั้งปีของ ‘WHART’ ที่ 0.7735 บาทต่อหน่วย และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2566 ที่ 7.5% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2566) ก็ยังทำให้ติดอันดับที่รองลงมา โดย ‘WHART’ มีสัดส่วน Freehold ต่อ Leasehold ครึ่งต่อครึ่ง
และสุดท้ายกองรีทที่จะพูดถึงกันในครั้งนี้ ก็คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ‘FTREIT’ ซึ่งเป็นกองรีทที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 50,255 ล้านบาท ในแง่ของผลการดำเนินงานมีรายได้รวมทั้งปี 2566 ที่ 3,837 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิที่ 2,494 ล้านบาท
ขณะที่อัตราการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ของ ‘FTREIT’ อาจจะอยู่ในอันดับรั้งท้ายแต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างจาก 2 กองก่อนหน้านัก โดยอยู่ที่ 0.7480 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปีที่ 7.0% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2566)
โฆษณา