เจ้าหญิงฉิน พระสนมองค์สุดท้าย พระสนมหงส์งามผู้เลิศล้ำแห่งวังหลวง
หวงเสวียฮ่านอู่ตี้เสียวหวูกวางตี้หลิวช่าย (ปีก่อน ค.ศ. 156 - 29 มีนาคม ปีก่อน ค.ศ. 87) มีนามแฝงว่าทง เป็นจักรพรรดิ์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ฮ่าน พระองค์เป็นพระโอรสของจักรพรรดิ์เสียวจิงตี้หลิวสู่ พระหลานของจักรพรรดิ์หวันตี้หลิวหาง และเป็นพระเหลนของเสวียฮ่านเสาต้ง หลิวพาง มารดาคือสมเด็จพระนางเจ้าหวังสี จักได้รับการแต่งตั้งเป็นกงชายใต้ในวัยเพียง 4 ขวบ ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทในวัย 7 ขวบ และขึ้นครองราชย์สมบัติในวัย 16 ปี พระองค์ครองราชย์นานถึง 54 ปี
ส่วนเจ้าหญิงฉิน ปีเกิดไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ บิดาของนางคือฉิ่นอู๋ เจ้าสกุลที่ 3 ของตำบลถงมี มารดาคือพระองค์เจ้าต้าวฉางกงจุ๋ย หรือพระนางเจ้าหลิวผิง เป็นพระชายาเชื้อพระวงศ์ของจักรพรรดิ์หวูตี้
ระหว่างปี 153-151 ก่อนคริสต์กาล พระนางเจ้าหลิวผิงเคยต้องการจะให้หลิวผิงแต่งงานกับรัชทายาทในขณะนั้น คือลิ่วหยง แต่ถูกปฏิเสธโดยเลียตฟี่ มารดาของลิ่วหยง
ต่อมาเจ้าหญิงฉินก็แต่งงานกับกงชายเจ้าฝ่ายตะวันออก หลิวช่าย ในปีที่ 7 แห่งรัชสมัยเสาวเกา (150 ปีก่อนคริสต์กาล) เมื่อหลิวช่ายอายุ 7 ขวบ นางก็ได้รับการสถาปนาเป็นพระมเหสี เมื่อจักรพรรดิ์เสียวจิงตี้สิ้นพระชนม์ในปี 141 ก่อนคริสต์กาล หลิวช่ายก็ขึ้นครองบัลลังก์ พระมเหสีฉินจึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องจากพระนางเจ้าหลิวผิงมีคุณูปการในการสถาปนาหลิวช่ายเป็นรัชทายาท พระนางจึงมีอิทธิพลมากในวังหลวง
อย่างไรก็ตาม พระนางไม่สามารถมีพระโอรสได้ จนกระทั่งในปีที่ 5 แห่งรัชสมัยยวนกวง (130 ก่อนคริสต์กาล) จักรพรรดิ์หวูตี้จึงปราบปรามนางอย่างเด็ดขาด ทรงประหารชีวิตสตรีจำนวนมากกว่า 300 คน รวมทั้งฉูฝู ซึ่งทำพิธีอธิษฐานขอให้พระนางตั้งครรภ์ด้วยวิธีการผิดธรรมชาติ โดยได้สั่งเสียยืนยันให้พระนางทราบว่า "พระนางบกพร่องจากบรรทัดฐานที่ควรปฏิบัติ หลงผิดจากคำสอนของหมอผี ไม่สมควรจะรับพระราชทานการสถาปนาจากสวรรค์อีกต่อไป ขอให้ผู้คำนับบรรทัดฐานพระนางเสีย พร้อมทั้งให้ไปประทับอยู่ที่วังจางหมวน"
เนื่องจากปีเกิดของพระนางฉินไม่มีบันทึกไว้ จึงรู้ไม่ได้ว่าระหว่างพระนางกับจักรพรรดิ์หวูตี้นั้น ผู้ใดอายุมากกว่ากัน แต่จากที่มารดาของนางเคยพยายามจะให้นางแต่งงานกับลิ่วหยงซึ่งอายุมากกว่าหลิวช่ายถึง 10 กว่าปี หากพระนางฉินอายุน้อยกว่าหลิวช่าย นางคงอายุไม่เกิน 5 ขวบ และน้อยกว่าลิ่วหยงถึง 14 ปี ณ เวลานั้น หากทั้งสองแต่งงานกัน มันก็ถือเป็นการผิดประเพณีนิยมในสมัยราชวงศ์ฮ่านอยู่ดี
วรรณคดีในสมัยหลังจึงมีมุมมองว่านางเป็นพี่สาวของจักรพรรดิ์หวูตี้ พร้อมกันนี้ ยังหมายความว่านางอายุน้อยกว่าลิ่วหยง
อย่างไรก็ดี แม้ปีเกิดของเจ้าหญิงฉินจะไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ แต่เรามีข้อมูลบางประการที่บ่งชี้ว่านางอาจมีรูปโฉมที่งดงาม
1. เจ้าหญิงฉินมีบรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาจากขุนนาง บิดาเป็นเจ้าสกุลถงมี และมารดาก็เป็นพระนางเจ้าจุ๋ยมเหสีของพระจักรพรรดิ์ ดังนั้นน่าจะได้รับการถ่ายทอดรูปร่างหน้าตาที่งดงามจากบรรพบุรุษ
2. จักรพรรดิ์หลิวช่ายเคยกล่าวถึงเจ้าหญิงฉินว่า "บุปผาองค์ทิพย์สงวนในปราสาทแก้ว" ซึ่งหมายถึงรูปโฉมที่เลิศงาม หากเจ้าหญิงฉินไม่ได้มีรูปโฉมที่งดงาม พระองค์คงไม่ตรัสถ้อยคำเช่นนี้
3. การที่เจ้าหญิงฉินมีท่าทีองอาจเย่อหยิ่งนั้น บ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเอง ซึ่งมาจากจุดเด่นบางประการที่น่าจะเป็นรูปโฉมอันงดงาม นอกจากเกิดจากบรรดาศักดิ์สูงส่ง
4. นอกจากนี้ หากเจ้าหญิงฉินไม่ได้มีรูปโฉมงดงาม องค์หญิงทู่เสวียนจะไม่เลี้ยงดูนางอย่างรักใคร่ผูกพันเป็นพิเศษเช่นนั้น
ดังนั้น แม้จะไม่มีบันทึกชัดเจนถึงรูปลักษณ์ของเจ้าหญิงฉิน แต่ก็มีแง่มุมต่างๆ ที่บ่งชี้ว่านางอาจมีรูปโฉมสวยงามตามที่มีการกล่าวขานกันมา
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
