9 พ.ค. เวลา 06:55 • ข่าว

ย้อนคดีรัฐมนตรีคาซัคสถานซ้อมเมียตายคาร้านอาหาร

คดีความหวังของชาวคาซัคในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
1
Blockdit Originals - บทความพิเศษ
หากพูดถึงนักการเมืองที่เราต้องการให้หมดไปจากโลกนี้ ความเลวทรามที่น่าจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ คงหนีไม่พ้น นักการเมืองที่:
- คอร์รัปชั่น
- หลงอำนาจ
- หาประโยชน์จากระบบอุปถัมภ์พวกพ้อง
- กดขี่ข่มเหง ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
- ดูถูก เหยียดเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ
แต่ใครจะเชื่อว่า ที่คาซัคสถานจะมีนักการเมืองที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความยี้ทั้งหมดนี้ แบบชั่วครบจบในคนเดียว และที่เจ็บกว่านั้นคือ เขาเคยเป็นนักการเมืองดาวรุ่ง เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชาวคาซัคเคยฝากความหวังว่าจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ยุคสมัยใหม่มาก่อน
ซึ่งนักการเมืองที่ตอนนี้กลายเป็นซุปเปอร์ Talk of the Town ของชาวคาซัคคนนี้ ก็คือ "ควอนดิก บิซิมมาเยฟ" อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ วัยแค่ 44 ปี ดีกรีนักเรียนทุน ปริญญาโทด้านการบริหารจาก George Washington University สหรัฐอเมริกา
จากประวัติส่วนตัวของ ควอนดิก บิซิมมาเยฟ เขาเกิดที่เมืองไคซิลอร์ดา มาเรียนต่อที่ Narxoz University ก่อนจะได้ทุนไปเรียนต่อระดับปริญญาโทในสหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานในธนาคารเพื่อการพัฒนาของคาซัคสถาน ได้รับโอกาสในการทำงานหลายอย่าง จนสามารถเลื่อนขั้นสู่รองหัวหน้าฝ่ายวางแผนการลงทุนของกระทรวงเศรษฐกิจแห่งคาซัคสถาน เคยดูแลกองทุนเพื่อการพัฒนานวัตกรรมอยู่ช่วงหนึ่ง
ก่อนที่จะถูกดึงตัวมาร่วมงานรัฐบาลในกระทรวงเศรษฐกิจ และ พาณิชย์ ในหลากหลายตำแหน่งจนกลายเป็นปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดี นูร์ซูลตัน นาซาร์บาเยฟ ผู้นำที่ได้รับฉายาว่าเป็น บิดาแห่งชาวคาซัค ผู้ครองอำนาจในคาซัคสถานมาอย่างยาวนานถึง 28 ปี
ควอนดิก บิซิมมาเยฟ ถือว่าเป็นหนึ่งในคนสนิทใกล้ชิดของ นูร์ซูลตัน นาซาร์บาเยฟ อดีตผู้นำคาซัคมาก และสามารถพาเขาเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้สำเร็จในปี 2016 ในตอนที่เขาอายุเพียง 36 ปี ด้วยภาพลักษณ์นักการเมืองหนุ่ม หน้าตาดี ดีกรีนอก ที่ชาวคาซัคจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าเขาจะนำพาความเปลี่ยนแปลงที่ดีมาสู่ระบบการเมืองของคาซัคสถาน
แต่หลังจากดำรงตำแหน่งขุนพลเศรษฐกิจได้เพียงแค่ปีเดียว ควอนดิก บิซิมมาเยฟ ถูกจับกุมในข้อหาคอร์รัปชั่น กินเงินหลวง และ รับสินบน ที่ต้องโทษจำคุกนานถึง 10 ปี แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขายื่นคำร้องขออภัยโทษถึงประธานาธิบดี นูร์ซูลตัน นาซาร์บาเยฟ ที่ก็อนุมัติลดโทษให้เป็นกรณีพิเศษ จาก 10 ปี เหลือ 4 ปี แต่ติดคุกจริงได้แค่ 1 ปี ก็ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดในปี 2019
ฟังดูคุ้นๆ คล้ายหลายคดีการเมืองในบ้านเรา แต่คดีของ ควอนดิก บิซิมมาเยฟ ไม่ได้จบแค่นี้ ยังไปสุดกว่านี้ได้อีก
1
เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2023 ควอนดิก บิซิมมาเยฟ ได้ก่อคดีใหญ่ที่ดังไกลไปทั่วโลก ด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยาตนเองจนเสียชีวิต
เหตุเกิดขึ้นในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งใน อัลมาตี เมืองที่ใหญ่ที่สุดในคาซัคสถาน ที่มีญาติของ ควอนดิก บิซิมมาเยฟ เป็นเจ้าของ
ในวันนั้นเขาพาภรรยาสาว ซัลตานัท นูเกนโนวา เข้ามาในร้าน แต่หลังจากนั้น เขาได้ซ้อมภรรยา ทั้งเตะ ต่อย กระชากศีรษะ และต่อมายังจิกผมลากภรรยาเข้าไปในห้องที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งคาดว่าเขายังซ้อมภรรยาต่อในห้องนั้นนานหลายชั่วโมงจนแน่นิ่ง
และสิ่งที่เหลือจะเชื่อ ในการกระทำของอดีตรัฐมนตรี พ่วงดีกรี MBA จากสหรัฐ คือ หลังจากที่เขาซ้อมภรรยาจนโคม่า โทรศัพท์สายแรกที่เขาโทรหาคือหมอดู!!
สื่อต่างประเทศรายงานว่า บิซิมมาเยฟ ได้โทรไปปรึกษาหมอดูว่า ภรรยาของเขาจะเป็นอะไรไหม ซึ่งหมอดูก็เก่งเหลือหลาย สามารถจับยามสามตาผ่านสายโทรศัพท์แล้วบอกอดีตรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติว่า ดวงภรรยาเขายังไม่ถึงฆาต คงไม่เป็นไร
3
แต่ผ่านไปเกือบ 12 ชั่วโมง ภรรยาก็ยังนิ่ง จึงมีคนโทรเรียกรถพยาบาลมารับ เมื่อหน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาถึงร้านอาหาร ก็ต้องบอกเพียงว่า ซัลตานิท นูเกนโนวา ภรรยาของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุตั้งนานแล้ว และเมื่อชันสูตรศพ พบอาการบาดเจ็บทางสมอง ที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงหลายครั้งจนเสียชีวิต
1
ควอนดิก บิซิมมาเยฟ จึงถูกจับกุม ดำเนินคดีในข้อหาหนัก ทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยมจนถึงแก่ชีวิต ที่มีสิทธิ์ถูกจำคุกนานถึง 20 ปี
คดีนี้กลายเป็นคดีที่ดังมากๆในคาซัคสถาน และ ดังไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านย่านเอเชียกลางและรัสเซีย จนต้องมีการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ในช่วงที่มีการไต่สวนในชั้นศาล ราวกับรายการเรียลลิตี้ โชว์ แถมมียอดคนดูสูงถึงหลักล้านวิว
สิ่งที่ทำให้ชาวคาซัค ต้องตามติดคดีนี้อย่างใกล้ชิด มากๆ ไม่ใช่เพียงเพราะคนร้ายเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหน้ามน คนอนาคตเคยไกลเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ในชั้นศาลที่เข้มข้นยิ่งกว่าหนังประเภท Courtroom Drama แม้จะมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดนานถึง 8 ชั่วโมงที่ยืนยันว่า บิซิมมาเยฟ ทำร้ายภรรยาจริง แบบคาหนังคาเขา
แต่ทีมกฎหมายของ บิซิมมาเยฟ ก็สู้ยิบตา ว่ารับเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ปฏิเสธข้อหาทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมจนถึงแก่ความตาย โดยยกหลักฐานว่าภรรยาของ บิซิมมาเยฟ มีอาการทางจิต เป็นฮีสทีเรีย อารมณ์แปรปรวน ติดเหล้า เมาอาละวาด และมักทำตัวยั่วโทสะสามีอยู่เป็นประจำ ซึ่งทนายฝ่ายจำเลยยืนยันว่าภรรยาใช้กำลังทำร้ายสามีก่อน
และหากต่อสู้ในแนวทางนี้ โทษการทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมจะถูกลดทอนลงเหลือแค่การบันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายภรรยา ที่เข้าข่ายคดีความรุนแรงในครอบครัวซึ่งในคาซัคสถานถือว่าเป็นความผิดที่มีโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ญาติฝ่ายภรรยาต้องพยายามงัดหลักฐานมาต่อสู้ว่า ซัลตานิท นูเกนโนวา ถูกสามีทำร้ายมานานทั้งร่างกาย และจิตใจมาตลอดหลายปี เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เคยมีร่องรอยการถูกรัดคอ และเคยพูดหลายครั้งว่าอยากแยกทางจากสามี แต่ทำไม่ได้ จนมาถึงวันนี้ที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดเพื่อปกป้องตนเอง
ส่วนในสังคมชาวคาซัค และ ประเทศเพื่อนบ้านที่ติดตามคดีนี้ ต่างออกมาวิพากษ์ วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงค่านิยมเก่าๆที่ยังคงเหลืออยู่ในคาซัคสถาน ที่สามีมักมีอิทธิพลเหนือภรรยาในทุกเรื่อง การทำร้ายร่างกายภรรยา และลูกๆ ถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา และไม่มีการดำเนินคดีจริงจัง
1
องค์การสหประชาชาติ เคยเปิดเผยตัวเลขสตรีชาวคาซัคที่เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายในครอบครัวมีสูงกว่า 400 รายในแต่ละปี แต่เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี
1
และคดีนี้ยังสร้างกระแสการเปลี่ยนแปลงในสังคมหลายอย่างในคาซัคสถาน มีกลุ่มสตรีชาวคาซัค ออกมาเรียกร้องให้ลงโทษสถานหนักกับอดีตรัฐมนตรีซ้อมเมีย มีการล่ารายชื่อหลายหมื่นคนคัดค้านการเปิดช่องทางลดโทษให้ บิซิมมาเยฟ อีกเป็นอันขาด พร้อมติดแฮชแท็ก #ZaSaltanat หรือ เพื่อซัลตานัท เป็นการกระตุ้นเตือนสังคมให้ตระหนักถึงคดีความรุนในครอบครัว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคาซัคสถานคนปัจจุบันอย่าง คาสซิม โจมาร์ต โตกาเยฟ ที่ได้ประกาศจะปฏิรูปประเทศ และรื้อถอนระบอบเก่าๆของอดีตผู้นำ 3 ทศวรรษ นูร์ซูลตัน นาซาร์บาเยฟ ที่เต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์ของกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ก็ได้ถือโอกาสนี้แก้กฎหมายเรื่องความรุนแรงในครอบครัว
โดยได้เพิ่มโทษของการทำร้ายร่างกายคู่สมรส และบุตร จากเดิมที่มักจบแค่การไกล่เกลี่ย หรือ โทษปรับเพียงเล็กน้อย ต้องกลายเป็นคดีอาญาที่มีโทษจำคุกอย่างจริงจัง และ ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิกเฉยต่อคดีเหล่านี้อย่างที่แล้วมา
ซึ่งกฎหมายใหม่ฉบับนี้ เพิ่งผ่านสภาคาซัคสถานเมื่อ 11 เมษายน 2024 ที่ผ่านมานี้เอง และถูกเรียกว่ากฎหมาย "Saltanat's Law" เพื่อระลึกถึง คดีของ ซัลตานัท นูเกนโนวา
1
คดีของซัลตานัท จึงเป็นเหมือนความหวังของคาซัคสถานที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศของพวกเขาเสียที กับ ควอนดิก บิซิมมาเยฟ ที่ตอนนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความน่ารังเกียจในระบบการเมืองแบบเก่าๆของคาซัคสถาน ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น หลงอำนาจ หาประโยชน์จากวงในอภิสิทธิ์ชน ระบอบอุปถัมภ์ แถมยังเหยียดเพศ และใช้ความรุนแรงกับประชาชนอีก อะไรมันจะมีครบจบในคนเดียวได้ขนาดนี้
ศาลสูงในกรุงอัสตานา กล่าวว่า จะมีคำตัดสินคดีของควอนดิก บิซิมมาเยฟ ออกมาในเร็วๆนี้ ที่จะผ่านกระบวนการพิจารณาจากคณะลูกขุนหลักร้อยคน จากหลายหลายพื้นฐาน อาชีพ เพื่อให้ผลคดีออกมาอย่างเที่ยงธรรมที่สุด และแน่นอนว่า คดีนี้จะอยู่ในสายตาชาวคาซัคสถานทั่วประเทศกว่า 19 ล้านคน ไม่มีพลาดแน่นอน
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา