Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Rimping Supermarket
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2024 เวลา 12:00 • ข่าว
Rimping Supermarket NimCity Branch
ดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเลทำความรู้จัก “Caviar" ไข่ปลาสเตอร์เจียนวัตถุดิบที่สะท้อนภาพความหรูหรา
ภายใต้น่านน้ำอันนิ่งสงบในทะเลแคสเปียนและทะเลดำ มีปลาสเตอร์เจียนอาศัยอยู่มากมาย กล่าวกันว่าปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในปลาสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมานานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 250 ล้านปี
.
ในบรรดาปลาสเตอร์เจียนทั้งหมด สายพันธุ์เบลูก้าเป็นปลาสเตอร์เจียนที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุด โดยมีความยาวเฉลี่ย 4 เมตร หนัก 1,000 กิโลกรัม และผลิตไข่ได้ประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ซึ่งเท่ากับว่าจะได้คาเวียร์ประมาณ 200 กิโลกรัม ทำให้ทุกวันนี้คาเวียร์ที่ได้จากปลาสเตอร์เจียนเบลูก้าเป็นคาเวียร์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
.
ในอดีตชาวเปอร์เซียนโบราณเป็นคนกลุ่มแรกที่จับปลาสเตอร์เจียนมาบริโภค แต่ในตอนแรกปลาสเตอร์เจียนไม่ได้ถูกจับมาเพื่อเอาไข่ แต่ถูกจับมาเพื่อทานเนื้อเหมือนปลาทั่ว ๆ ไป จนกระทั่งชาวประมงสังเกตเห็นว่าปลาสเตอร์เจียนตัวเมียนั้นมีไข่อยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นพวกเขาจึงเริ่มนำไข่มาบริโภค โดยมักจะทานพร้อมกับข้าวต้มหรือข้าวโอ๊ต ทำให้ในยุคแรก ๆ ไข่ปลาสเตอร์เจียนเป็นอาหารของคนทั่วไปไม่ใช่อาหารของคนชั้นสูง
.
คำว่า คาเวียร์ (Caviar) เป็นชื่อเรียกของไข่ปลาสเตอร์เจียน ซึ่งถูกเรียกโดยชาวเปอร์เซียนโบราณ มาจากคำว่า “Khav-yar” แปลว่า “เค้กแห่งความแข็งแกร่ง” หรือ “เค้กแห่งพลัง” เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าไข่ปลาสเตอร์เจียนมีสรรพคุณทางยามากมาย
เมื่อเวลาผ่านไปคาเวียร์ก็เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับราชวงศ์รัสเซีย ซึ่งมีบันทึกย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 12 โดยกล่าวกันว่าพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียเป็นผู้ค้นพบและนำอาหารอันโอชะนี้เข้ามาสู่โลกแห่งความหรูหรา ทำให้คาเวียร์กลายเป็นอาหารเลิศรสในราชสำนักและเป็นที่โปรดปรานของเหล่าราชวงศ์และขุนนางรัสเซีย
.
ในเวลาไม่นานคาเวียร์ก็ถูกส่งออกไปยังราชสำนักของสังคมชั้นสูงทั่วยุโรป โดยมีประวัติศาสตร์อังกฤษกล่าวว่าครั้งหนึ่งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ (Edward II) ทรงออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ปลาสเตอร์เจียนเป็น “ปลาหลวง” นั่นหมายความว่าปลาสเตอร์เจียนสงวนไว้สำหรับกษัตริย์และชนชั้นสูงในสังคมนั้นเท่านั้น
.
ในศตวรรษที่ 19 คาเวียร์จากทะเลแคสเปียนได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติและเป็นที่ต้องการอย่างมากในยุโรป ซึ่งคนส่วนมากเชื่อกันว่าไข่ปลาคาเวียร์ที่มาจากทะเลแคสเปียนมีคุณภาพดีที่สุดจึงทำให้มีการซื้อขายคาเวียร์ได้ถึงปีละ 2,000 – 4,000 ล้านเหรียญกันเลยทีเดียว
.
อย่างไรก็ตามเมื่อความต้องการคาเวียร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชากรปลาสเตอร์เจียนก็ลดลงเป็นอย่างมาก ราคาของคาเวียร์ก็พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ชาวประมงเริ่มหันมาให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ปลาชนิดนี้กันมากขึ้น โดยเริ่มใช้ข้อจำกัดและกฎระเบียบด้านการประมงส่งเสริมการผลิตคาเวียร์ที่ยั่งยืนสนับสนุนการจัดตั้งฟาร์มปลาสเตอร์เจียน ซึ่งสามารถเลี้ยงปลาได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม รวมไปถึงรักษาสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในพื้นที่ที่ปลาอาศัยอยู่ด้วย
.
ในขณะที่คาเวียร์ยุโรปมีราคาแพง กลับกันคาเวียร์ในอเมริกานั้นมีราคาถูก ทั้งนี้เนื่องจากในน่านน้ำอเมริกามีความอุดมสมบูรณ์และมีปลาสเตอร์เจียนสายพันธุ์อื่น ๆ อาศัยอยู่จำนวนมาก ถึงขนาดที่ว่าคาเวียร์ถูกเสิร์ฟเป็นประจำในห้องรับแขก เพื่อเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยกันแบบฟรี ๆ
.
ในปี ค.ศ. 1873 Henry Schacht ผู้อพยพชาวเยอรมันได้ก่อตั้งธุรกิจคาเวียร์ในเมืองเพนน์สโกรฟ รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่มีปลาสเตอร์เจียนอาศัยอยู่มากมายในแม่น้ำเดลาแวร์เขาสังเกตว่าคาเวียร์เป็นที่ต้องการอย่างมากในยุโรป จึงเริ่มส่งออกคาเวียร์ไปยังยุโรปทำให้ในเวลาไม่นานอเมริกาก็กลายเป็นผู้ส่งออกคาเวียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ทั้งนี้ยังมีการกล่าวอีกว่าคาเวียร์จากอเมริกาถูกส่งไปรีแพ็คเกจ แล้วนำกลับมาขายในอเมริกาอีกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นคาเวียร์ที่มาจากรัสเซีย
.
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวคาเวียร์ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถูกเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยในร้านอาหารระดับไฮเอนด์จำนวนมากในอเมริกา แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป ปลาสเตอร์เจียนในอเมริกาเกือบจะสูญพันธุ์ เนื่องจากการตกที่ปลามากเกินไป ด้วยเหตุนี้เองการผลิตจึงหยุดลงและนั่นก็ทำให้คาเวียร์กลายเป็นอาหารหรูหราและราคาแพงในอเมริกาเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในยุโรป
.
ทุกวันนี้คาเวียร์ยังคงเป็นอาหารที่มีราคาแพงมาก เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทองคำสีดำแห่งท้องทะเล” ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับคาเวียร์ได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การจับคู่แบบดั้งเดิมกับ Blini, Crème fraiche, Sour cream, Capers, Egg white และ Shallot เป็นต้น ในแง่ของเครื่องดื่มกล่าวกันว่าคาเวียร์เข้ากันได้ดีกับวอดก้าและแชมเปญ
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
เรื่องเล่า
1 บันทึก
4
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย