14 พ.ค. 2024 เวลา 09:30 • ปรัชญา
เขตพระโขนง

ถ้าโลกธาตุมีจำนวนมากเป็นอนันต์ นรกสวรรค์มีจริง พรหมโลกมีจริง แล้วพุทธเกษตรตามคติมหายานล่ะมีจริงไหม?

พระสมณโคดมอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงค้นพบแจ้งแล้วว่ามีภูมิโลกธาตุต่างๆ มีดวงดาวเอื้อชีวิตต่างๆ และพิภพคะหะดาราที่มีมนุษย์แบบอื่นๆอีกมากมาย
นอกจากโลกธาตุของเราจริง นอกจากนี้จักรวาลยังมีนับอนันต์ มีจักรวาลคู่ขนานอื่นที่มีชมพูทวีป(ดาวโลก)ที่คล้ายกับชมพูทวีปของเราเช่นกัน และในจักรวาลที่มีชมพูทวีปนั้นก็อาจจะกำลังมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติ หรือจะดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ได้
ในอนันตันดรจักรวาลจึงมีพระพุทธเจ้านับจำนวนมากที่ได้ตรัสรู้และปรินิพพานไปแล้ว และกำลังอยู่ในสถานะมหาโพธิสัตว์ที่จักตรัสรู้ต่อไปในอนาคต แต่พระโคตมะหาได้สอนถึงการตั้งปณิธานไปเกิดในพุทธเกษตร หรือพรรณนาความสุขต่างๆ อย่างละเอียดพิสดารเป็นทิพยภาวะในโลกธาตุอื่นเช่นคติของมหายานไม่...
แต่หากทำการวิเคราะห์ด้วยพุทธวิทยาศาสตร์ เมื่ออ้างอิงจากศาสตร์ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบก็พอจะอนุมานได้ชัดว่าโลกธาตุมีจำนวนนับอนันต์ จักรวาลก็มีจำนวนนับอนันต์ ไกลแสนไกลหลายล้านล้านโกฏิ จึงสามารถให้สถิติชี้ชัดได้ว่าพุทธเกษตรสามารถมีอยู่จริงได้
พุทธเกษตร (อาณาจักรแห่งพระพุทธเจ้า) หรือ วิสุทธิภูมิ (ดินแดนบริสุทธิ์) ตามความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน คือดินแดนที่พระพุทธเจ้าทรงสร้างขึ้นด้วยปณิธานของแต่ละพระองค์ แดนพุทธเกษตรไม่ใช่นิพพาน แต่มีลักษณะคล้ายสวรรค์ เป็นภูมิที่สาวกของพระพุทธเจ้าใช้ปฏิบัติธรรมต่อหลังจากสิ้นชีวิตบนโลกเพื่อบรรลุนิพพานต่อไป
ภาพวาดสุคติภูมิพุทธเกษตรตามคติมหายาน
การบำเพ็ญบุญปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมบารมีให้เพียงพอ และการผูกจิตมั่นต่อแดนนี้ (เช่น การภาวนาถึงพระนามของพระอมิตาภพุทธเจ้า) จะสามารถทำให้ไปเกิดในแดนนี้ได้ ซึ่งจะได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และปฏิบัติธรรมจนบรรลุมรรคผลเข้านิพพานพ้นทุกข์โดยเด็ดขาดได้ต่อไป เป็นอยู่จะเป็นสุขตลอดไม่มีความยากลำบาก
เพราะเป็นสุคติภูมิ ถึงแม้ว่าจะบรรลุมรรคผลเข้านิพพานได้"ยาก" อาจกินเวลานานนับเป็นเวลาหลายกัป แต่ก็เป็นสุขตลอดกาลนั้น ไม่เหมือนการเกิดมาเป็นมนุษย์บำเพ็ญปฏิบัติ แม้ว่าอาจบรรลุถึงธรรมถึงนิพพานได้"เร็ว" แต่ก็ทุกข์ยาก และเสี่ยงกับการพลาดพลั้งต้องไปเกิดในทุคติวินิบาตนรก ซึ่งจะยิ่งจะทำให้ล่าช้า และทุกข์มหันต์อย่างยิ่ง
ถือกันว่าพุทธเกษตรมีจริง แต่หากปรับสื่อภาษาให้เป็นคติของพุทธเดิมแท้ตามพุทธวจนะ พุทธเกษตรอาจตีความครอบคลุมได้หลายมิติภพภูมิ แม้แต่ในคัมภีร์ทางนิกายมหายาน ก็ยังจาระถึงสวรรค์ชั้นดุสิตว่ามีเขตหนึ่งเป็นพุทธเกษตร ซึ่งปกครองโดยพระเมตตรัยโพธิสัตว์
ภาพจำลองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ซึ่งตรงกับคัมภีร์พระไตรปิฎกว่าพระเมตตรัยโพธิสัตว์อุบัติเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต และกระทำโพธิสัตว์บารมีและสโมธานเพื่อความตั้งมั่นจักเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปสุดท้ายของภัทรกัปนี้ (กัป หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่เกิดจนถึงดับสูญของจักรวาลหนึ่ง ภัทรกัป หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่เกิดจนถึงดับสูญของห้าจักรวาลเรียงกัน)
ดังนั้นพุทธเกษตร จึงกินความกว้าง แต่ความหมายคือ ดินแดนอันเป็นบรมสุข มีแต่การสดับธรรม มีดนตรีธรรมทิพยดุริยางค์ มีนกทิพย์ ทุกสิ่งเป็นทิพยสภาวะคล้ายสรวงสวรรค์ มีความเป็นเทวะบ้าง พรหมบ้าง หรือกึ่งเทพกึ่งพรหม และอาจมีสภาวะที่อยู่ระหว่างกึ่งนิพพานก็เป็นไปได้ ตามหลักฟิสิกส์ควอนตั้มที่ทุกความเป็นไปได้จักเกิดขึ้นเมื่อมีผู้สังเกตและผู้กระทบสังเกต ซึ่งเป็นหนึ่งในรากฐานของสสารมืดหรือDark Energyที่หมายถึง สสารที่ต้องใช้อายตนะ(ตาหูจมูกลิ้นกายใจ)อันมีคลื่นความถี่ที่ละเอียดพอจะรองรับการรับรู้ในการณ์นั้นๆ
ดังนั้นพุทธเกษตร อาจอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต หรือพรหมเหล่าพระพรหมในชั้นที่ 12 – 16 เรียกว่า ปัญจสุทธาวาส หรือ สุทธาวาสภูมิ อันเป็นชั้นที่เหล่าพระพรหมในชั้นนี้ ต้องเป็นพระพรหมอริยบุคคลในพุทธศาสนา ระดับอนาคามีอริยบุคคล เท่านั้น ต่างจาก 11 ชั้นแรก แม้พระพรหมทั้งหลายจะได้สำเร็จฌานวิเศษเพียงใด ก็อุบัติในสุทธาวาสภูมิไม่ได้อย่างเด็ดขาด สุทธาวาสภูมินี้มีอยู่ 5 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ และตั้งอยู่เป็นชั้นๆ ขึ้นไป ตามลำดับภูมิไม่ตั้งในระดับเดียวกันเช่นชั้นแรกๆที่ผ่านมา
อนาคามี หมายถึงผู้ที่จะไม่กลับมาเกิดอีกในระดับที่ต่ำกว่าชั้นสุทธาวาสอีกต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าอนาคามีสิ้นชีวิตลง ก็จะกลับมาเกิดในรูปพรหมภายในชั้นที่ 12 - 16 อีกครั้งเดียวหรือหลายต่อหลายครั้งก็ได้จนกว่าจะบรรลุอรหันต์ในชั้นสุทธาวาส อาจจะใช้เวลานานเป็นกัปเป็นกัลป์ หรืออาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่พันปีของโลกมนุษย์แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์บนสุทธาวาสแล้วดับไปในนิพพานธาตุก็ได้ ในกรณีพิเศษถ้ามีบุญญาธิการสูงมากก็อาจจะเกิดในชั้นสุทธาวาสเพียงหนึ่งเดือนหรือหนึ่งสัปดาห์ของโลกมนุษย์(เสี้ยววิของชาวพรหม) ก่อนจะดับขันธ์
กลายเป็นนิพพานธาตุอันร่มเย็นเป็นสุขสูงสุด ซึ่งชั้นสุทธาวาสนี้ค่อนข้างตรงกับคติพุทธเกษตรของมหายาน เพราะมีความสุขมากแบบวิมุตติ-บรมสุข เป็นสุคติมาก อยู่ใกล้นิพพาน แม้อาจใช้เวลานานมากหลายกัปหลายกัลป์กว่าจะดับขันธ์ปรินิพพาน หรือเร็วมากแล้วแต่บารมี แต่ก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าชั้นสุทธาวาสทั้งห้าอีกต่อไปแล้ว เรียกได้ว่ารอนานมากโข แต่ก็วางใจได้เลยว่ารอดภัยพิบัติจากสังสารวัฏ ดั่งประกันภัยชั้นหนึ่งนั่นเอง
ฝ่ายมหายานตระหนัก ว่า จะหาบุคคลที่ปรารถนาพระนิพพานนั้นน้อยนักหนา ด้วยส่วนมากเห็นกันว่าเป็นการยากลำบากแสนเข็ญที่จะให้บรรลุพระนิพพาน... จึงยกเอาดินแดนเทียบท่าอันเต็มไปด้วยความสุขารมณ์บรมโสภาอย่างพุทธเกษตรมาเป็นแรงจูงใจให้คนหันมาประพฤติปฏิบัติธรรม ว่าเป็นสวรรค์ที่เหนือสวรรค์ สามารถรับประกันได้ว่ารอดพ้นวัฏสงสารอย่างแน่นอน เพราะไม่มีสิทธิ์ไปเกิดในอบายภูมิไหนๆอีกแล้ว (ตรงกับหลักการของอนาคามี)
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัด แสดงถึงบรรยากาศภายในสวรรค์ชั้นดุสิต(สวรรค์ชั้นที่สี่) ซึ่งมีแดนพุทธเกษตรอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้ตามคติความเชื่อของพุทธแบบมหายาน มีพระเมตตรัยโพธิสัตว์เป็นผู้ปกครองพุทธเกษตรในเขตดุสิตภูมิ
ถึงแม้ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลานานมากมายเหลือประมาณก็ตาม แต่ยังดีกว่าที่มาเกิดบนโลกมนุษย์ ซึ่งมีเวทนาในขันธ์ห้าจนสามารถประพฤติธรรมได้อย่างอุกฤษฎ์จนบรรลุมรรคผลนิพพานได้ง่ายที่สุดใน 31 ภพภูมิ แต่ก็เสี่ยงที่จะหลงผิดคิดชั่วก่อกรรมทำเข็ญจนอาจตกสู่ทุคติวินิบาต-อบายได้ง่ายเช่นกัน เพราะมีตัวเร้าตัวกระตุ้นเยอะกว่า ถ้าไม่ประคองจิตใจให้ดีก็มีสิทธิ์เลี้ยวซอยผิดไปก่อกรรมชั่วได้อย่างมืดบอดกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ทรงย้ำหนักหนาว่าภพภูมิมนุษย์โลกเป็นภพภูมิที่ดีที่สุด ย้ำ มนุษย์เป็นภพภูมิที่ดีที่สุด ดีที่หนึ่งในมหาอนันตะโลกธาตุ สามารถบรรลุธรรมได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าชั้นสุทธาวาสด้วยซ้ำถ้าตั้งมั่นประพฤติธรรม ถ้าประคองใจให้ดี ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ยอมยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ อย่างไรๆ ก็ไม่ลงทุคติวินิบาตนรก อบาย อย่างแน่นอน
โฆษณา