18 พ.ค. เวลา 04:26 • ประวัติศาสตร์

การปล้นกรุงเดลี (Delhi) และการล่มสลายของจักรวรรดิโมกุล (Mughal Empire)

“จักรวรรดิโมกุล (Mughal Empire)“ ได้ขยายขอบเขตจนกว้างไกลที่สุดในช่วงปีค.ศ.1690 (พ.ศ.2233) โดยขยายขอบเขตเข้าไปในอินเดีย และกลายเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่มั่งคั่งรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
5
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จักรวรรดิโมกุลได้แต่งตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองกลุ่มชาวฮินดู และก็สามารถนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ดินแดน ทำให้จักรวรรดิโมกุลกลายเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
แต่ไม่ถึง 50 ปีต่อมา สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะกลายเป็นเพียงอดีต โดยจักรวรรดิโมกุลเริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำในปีค.ศ.1707 (พ.ศ.2250) เมื่อ “จักรพรรดิออรังเซบ (Aurangzeb)” พระประมุขแห่งจักรวรรดิโมกุลสวรรคต
จักรพรรดิออรังเซบ (Aurangzeb)
จักรพรรดิออรังเซบ เป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ทรงพระปรีชาพระองค์ท้ายๆ และถึงแม้พระองค์จะได้ปกครองดินแดนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่พระองค์ก็ทรงเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งและวุ่นวายต่างๆ อันนำไปสู่ความรุนแรงในเวลาต่อมา
2
หลังจากปีค.ศ.1707 (พ.ศ.2250) จักรวรรดิโมกุลก็เริ่มจะแตกแยก ขุนศึกท้องถิ่นต่างๆ ต่างตั้งตนเป็นใหญ่ ตามชนบทก็มีเหล่าโจรก๊กต่างๆ ออกปล้น
เรียกได้ว่าความรุ่งเรืองและสงบสุขได้จบลงแล้ว
ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ได้มีขุนศึกผู้หนึ่งนามว่า “เนเดอร์ชาห์ (Nader Shah)” หรือภายหลังคือ “เนเดอร์ชาห์มหาราช“ ผู้ทรงก่อตั้งราชวงศ์อาฟชาริยะห์ ปกครองอิหร่าน
เนเดอร์ชาห์ (Nader Shah)
และเนเดอร์ชาห์พระองค์นี้เอง ที่จะทรงเปลี่ยนประวัติศาสตร์จักรวรรดิโมกุลไปตลอดกาล
ที่ผ่านมานั้น เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าจักรวรรดิโมกุลเป็นจักรวรรดิที่มั่งคั่งมหาศาล ท้องพระคลังนั้นก็มีสมบัติที่ยากจะประเมินค่า และความมั่งคั่งของจักรวรรดิโมกุลก็ดึงดูดให้พ่อค้าจากทั่วโลกเดินทางเข้ามา
ในปีค.ศ.1736 (พ.ศ.2279) ความมั่งคั่งของจักรวรรดิโมกุลนั้นไปสะดุดพระเนตรของเนเดอร์ชาห์เข้าอย่างจัง และเนเดอร์ชาห์ก็ทรงนำทัพรุกรานอินเดียในปีนี้เอง แต่การรุกรานครั้งนี้ไม่เหมือนกับการรุกรานครั้งอื่นๆ
ครั้งนี้เนเดอร์ชาห์ไม่ได้ทรงคิดจะขยายอำนาจ ยึดครองดินแดนเพิ่มเติม หากแต่พระราชประสงค์นั้น คือต้องการจะ “ปล้น” ปล้นสมบัติในท้องพระคลังให้เกลี้ยง
1
ด้วยความที่ในเวลานั้นจักรวรรดิโมกุลกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่อ่อนแอ ทำให้กองทัพของเนเดอร์ชาห์สามารถบุกเข้ามาในอินเดียได้อย่างง่ายดาย เมืองแต่ละเมืองก็ล้วนแต่ต้องยอมศิโรราบแก่กองทัพของเนเดอร์ชาห์
หลังจากสู้รบกันเป็นเวลานานกว่าสองปี ในที่สุด กองทัพของเนเดอร์ชาห์ก็ได้มาถึงหน้าประตูเมืองกรุงเดลี ซึ่งเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดของอินเดียในเวลานั้น
และแน่นอน กองทัพของเนเดอร์ชาห์บุกเข้าไปในกรุงเดลีได้โดยง่ายดาย
ในขณะที่เนเดอร์ชาห์กำลังทรงตรวจสอบทรัพย์สินในท้องพระคลังนี้เอง ก็ได้เกิดข่าวลือว่าเนเดอร์ชาห์ถูกปลงพระชนม์แล้ว ทำให้กองทัพท้องถิ่นต่างๆ เกิดฮึด ลุกขึ้นสู้ และได้เข้าโจมตีกองทัพของเนเดอร์ชาห์โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทหารของกองทัพเนเดอร์ชาห์เสียชีวิตจำนวน 3,000 นาย
1
เหตุการณ์นี้สร้างความพระพิโรธให้เนเดอร์ชาห์ยิ่งนัก ทำให้เนเดอร์ชาห์ทรงมีรับสั่งให้ทหารของพระองค์ฆ่าประชาชนในเมืองให้หมด
1
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้คนนับพันเสียชีวิต ศพนั้นเกลื่อนเมือง คูน้ำบนถนนก็อุดตันไปด้วยเลือดและอวัยวะของศพ สวนต่างๆ ก็ถูกเผาทำลาย บ้านแต่ละหลังก็ถูกปล้น สตรีและเด็กก็ถูกข่มขืนกลางถนน
พระประมุขจักรวรรดิโมกุล ก็คือ “มูฮัมหมัดชาห์ (Muhammad Shah)” ได้ทรงขอร้องให้เนเดอร์ชาห์หยุดเข่นฆ่าผู้คน ซึ่งเนเดอร์ชาห์ก็ทรงยอม
มูฮัมหมัดชาห์ต้องทรงมอบกุญแจท้องพระคลังจักรวรรดิโมกุลแก่เนเดอร์ชาห์ อีกทั้งยังต้องมอบบรรณาการแก่เนเดอร์ชาห์อีกด้วย
จากนั้น เนเดอร์ชาห์ก็ถอยทัพกลับเปอร์เซีย และได้ผนวกดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำสินธุเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เหลือเพียงดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำสินธุที่ยังเป็นของอินเดีย
เรียกได้ว่าในเวลานั้น สมบัติล้ำค่าจำนวนมาก ทั้งเหรียญต่างๆ งานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้ และเพชรนิลจินดาต่างๆ ในท้องพระคลังจักรวรรดิโมกุล ได้ตกเป็นของเนเดอร์ชาห์แล้ว
2
มูฮัมหมัดชาห์ (Muhammad Shah)
แม้แต่บังลังก์ที่ประทับนั่งของจักรพรรดิโมกุล เนเดอร์ชาห์ก็ทรงเอาลงเรือกลับไปยังเปอร์เซียด้วย เรียกได้ว่าแสดงองค์ว่าพระองค์นั้นอยู่เหนือกว่าสมมติเทพของคนทั้งมวล
ทรัพย์สมบัติที่ได้มานั้น เนเดอร์ชาห์ก็ทรงใช้เป็นทุนในการฝึกซ้อมและพัฒนากองทัพของพระองค์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม เพื่อที่จะเตรียมบุกดินแดนใหม่
“จักรวรรดิอ็อตโตมัน (Ottoman Empire)”
และนี่ก็คือเรื่องราวที่น่าเศร้าเมื่อจักรวรรดิที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกต้องล่มสลายเมื่อเจอกับผู้ที่เหนือกว่า
อาจจะเรียกว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กก็คงจะได้
โฆษณา