20 พ.ค. เวลา 15:32 • ปรัชญา
บทที่สวดแล้วทำให้เกิดปัญญาค่ะ
.
มีผู้รู้เคยบอกมาว่า พุทธศาสนาไม่ให้สวดอ้อนวอน ร้องขอ ไม่ให้เชื่อมงคล แต่ให้เชื่อกรรม
.
การสวดมนต์เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เกิดอำนาจแปลกๆ เกิดทรัพย์ เกิดลาภ เกิดยศ ที่ศาสนาพุทธสอนให้ลดละ ย่อมไม่ใช่ศาสนาพุทธ
.
ในการสวด คำที่สวดออกไป ผู้สวดไม่รู้ ไม่เข้าใจ แปลไม่ได้ ฟังไม่ออก ก็จะยิ่งเป็นความหลงผิด
.
การสวดมนต์หรือสาธยายมนต์ที่ถูกต้องและได้ผลตามหลักของพุทธศาสนา( ได้ปัญญา ) เพื่อเอามาใช้เป็นวิธีคิดในการดำรงชีวิตที่ไม่มีโทษ ควรเลือกเอาบทที่เราเข้าใจ และสอนใจเรา
.
มักเริ่มต้นด้วย
1 การแสดงความเคารพพระพุทธเจ้า
(นมการคาถา= นะโมตัสสะ… 3 จบ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
.
2 การกล่าวแสดงตนว่า เราเอาพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยว
( สรณะคมปาฐะ= พุทธังสะระณังคัจฉามิ…3 จบ )
ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ
ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ
.
3 กล่าวแสดงตนว่าเราจะรักษาศีลห้าเป็นปกติ
( สมาทานศีลห้า )
ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า และไม่ยินดีในผลที่เกิดขึ้นจากการฆ่าสัตว์
ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือเว้นจากการถือเอาของซึ่งผู้อื่นไม่ได้ให้ด้วยตนเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นกระทำ ไม่ยินดีในการกระทำนั้นของผู้อื่นและไม่ยินดีในผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือเว้นจากการประพฤติผิดประเวณี อันได้แก่การล่วงละเมิดทางประเวณีแก่บุคคลที่มีผู้ปกครองอันชอบด้วยคลองธรรม ไม่แนะนำให้ผู้อื่นกระทำ และไม่ยินดีในการกระทำอย่างนั้นของผู้อื่น
ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือเว้นจากการพูดเท็จ คำไม่เป็นจริงและคำล่อลวงอำพราง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นกระทำและไม่ยินดีในการกระทำนั้นของผู้อื่น
ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือเว้นจากการดื่มสุราเมรัย สิ่งมึนเมาและสิ่งเสพติด อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท และไม่ยินดีในการกระทำนั้นของผู้อื่น
.
4 อิติปิโส เพื่อให้ทราบว่าพระพุทธเจ้ามีลักษณะอย่างไร พระธรรมมีลักษณะอย่างไร พระสงฆ์มีลักษณะอย่างไร
เพราะเหตุอย่างนี้พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
เป็นผู้ไกลจากกิเลส
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
เป็นพูดถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้
พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตนดังนี้
สงฆ์สาวกของผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว
สงฆ์สาวกของผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว
สงฆ์สาวกของผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
สงฆ์สาวกของผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ
คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้สี่บุรุษ
นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่าดังนี้
.
5 บทพิจารณาสังขาร
เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไม่ได้
เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
เราจะละเว้นเป็นต่างๆ คือว่าจะพลัดพรากจากของรัก ของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง
เรามีกรรมเป็นของของตน
เราเป็นผู้รับผลของกรรม
เรามีกรรมเป็นกำเนิด
เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เราทำกรรมอันใดไว้
ดีหรือชั่วก็ตาม
เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นไป
เราทั้งหลายพึงพิจารณาอย่างนี้ทุกๆวันเทอญ
( เพื่อพิจารณาถึงสังขารทำให้เราได้เห็นความจริงของชีวิตทำให้เราลดกิเลสลงได้)
สังขาร คือร่างกาย จิตใจและรูปธรรม นามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้ว ดับไป มีแล้ว หายไป
สังขาร คือร่างกาย จิตใจและรูปธรรม นามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
มันเป็นทุกข์ ทนยากเพราะเกิดขึ้นแล้ว แก่ เจ็บตายไป
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา
ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน
อันเราจะพึงตายแน่แท้
ชีวิตของเรา มีความตายเป็นที่สุดรอบ
ชีวิตของเราเป็นของไม่เที่ยง
ความตายของเราเป็นของเที่ยง
ร่างกายนี้หนอ ไม่นานนัก
จักนอนทับพื้นดิน
ถูกทอดทิ้ง ปราศจากวิญญาณ
ประดุจท่อนไม้และท่อนฟืนที่หาประโยชน์มิได้
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความเสื่อมเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
ความเข้าไปสงบระงับแห่งสังขารทั้งหลายเป็นสุขอย่างยิ่ง
ดูเหมือนว่ามีหลายบทแต่ที่จริงแล้วเป็นบทสั้นๆ
เนื้อความสอนพระธรรมที่เป็นประโยชน์ให้เรา
ไม่ก่อให้เกิดความโง่เขลางมงาย หากสวดไปคิด
ไปด้วยจะเจริญปัญญาได้อย่างดียิ่ง ถ้ามีเวลาจะ
สวดบทอื่นๆเพิ่มก็ได้หรือบทที่เห็นว่าดี
เป็นประโยชน์ต่อปัญญาก็เลือกเอา
ผู้รู้ท่านว่ามาแบบนี้ค่ะ
โฆษณา