25 พ.ค. 2024 เวลา 06:27 • ปรัชญา
หากว่าจะประพฤติปฏิบัติธรรม เราจะดูรอยของใคร เราควรดูที่ต้นตอพระศาสนา ที่ท่านทรงกระทำ ท่านไปทำอะไรที่ในป่า เรื่องรอยทั้งสี่ รอย ยืน เดิน นั่ง นอน ..ไม่มีอารมณ์นึกคิด ปราศจากอารมณ์ราคะตัณหาทะเยอทะยาน เราก็นำรอยทั้งสี่นี้มากระทำ รอยยืน เดิน นั่ง นอน ทำกายให้นิ่ง จิตให้นิ่ง มีผู้บอกว่า การทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง จะเกิดเป็นปัญญาธรรม
เรื่องของการประพฤติปฏิบัติธรรม เราปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร เพื่อหนีกรรม เพื่อยุติการเกิด แต่ไม่รู้ว่าชาติไหน แต่ก็ได้สะสมรอยของพระไปกับจิต จิตทีสร้างบุญกุศล ได้ขึ้นเป็นเทพยดา มีความสุขที่บุญหนุนอยู่ พอบุญนั้นละลายหมด เหมือนก้อนน้ำแข็ง ก็ต้องลงมาเกิดใหม่ เกิดมาร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ก็เพลิดเพลินในทรัพย์สินเงินทอง เพลิดเพลินในสิ่งที่โลกให้อารมณ์โลภโกรธหลง ทะเยอทะยาน จนลืมสร้างบุญกุศล สิ่งที่ได้มีแต่กรรม ลงไปอบาย กลับที่เดิมไม่ได้
ส่วนจิตที่สะสมการประพฤติปฏิบัติธรรม เอารอยทั้งสี่มาฝึกหัด ลดละอารมณ์โลภโกรธหลง สะสมเดินในรอยทั้งสี่ ก็มีการยันทึกไปกับจิต จิตที่มีธรรมสะสมไปกับจิต เกิดมาทุกข์ชาติ ได้พบศาสนา ก็นำกายบิดามารดา มาประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่อีก ชำระสะสางสะสางกรรม
เราจะเห็นว่า เมื่อนำกายวาจาใจ มายืนเดินนั่งนอน ในกิริยาของพระ มันมีการใช้กายวาจาใจไปสร้างเวรกรรม ที่ไหน มีแต่ประคับประดองกาย ให้กายใจอยู่กับพระ พอละเรื่องโลก ยุติชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี ที่พักกายพักจิต อยู่กับธรรม ภาวนาพุทโธ พอออกจากรอยทั้งสี่ เรื่องราวต่างๆ อารมณ์ของโลกก็เข้ามา กายวาจาใจ ต้องเดินไปตามอารมณ์ สร้างกายกรรม วจีกรรม ให้ธาตุพ่อแม่ที่อาศัยมีมลทิน คือกายและจิต มาอยู่กับเรื่องราวอารมณ์องโลก หล่อเลี้ยงเรือนกาย นั่นก็คือ เรายังไม่สติปัญญาธรรม ที่จะหนีเกิดแก่เจ็บตายไปได้เลย
ที่เค้าว่า เกิดในโลกก็หลงโลก ไม่สามารถ นำพากายพาจิต สะสมกิริยาของผู้ที่มีธรรมไปได้เลย ใครละที่เป็นผู้ที่บันทึกการกระทำอะไรตั้งแต่เกิดไปจนตาย ก็วิญญาณทั้งหก นั่นแหละ บันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่ ว่าจิตดวงนี้ สะสมอะไรมา สะสมกรรม จิตออกจากกาย ก็ไปสู้สถานที่นั่น ที่เค้าว่า ไปที่ชอบทร่ชอบ ..ชอบอบาย ก็ไปที่ชอบอบายภูมิเป็นที่ตั้ง ว่าแต่ว่า ชอบอะไร ทะอะไรถึงจะไปสถานที่ดี ชอบสร้างบุญกุศล ให้กายเป็นบุญ ก็ได้กายเป็นบุญ กายเทพบุตรอินทร์พรหม เลือกเอาตามที่ชอบล่ะกัน
พระอรหันต์ ท่านอยู่ป่า . ไม่เอาวิ่งทั้งหก ไปสัมผัสเรื่องราวในเมือง ให้ว้าวุ่น ด้วยอารมณ์ราคะตัณหา เอาวัตถุสิ่งของ ทั้งที่มีชีวิตไม่มีชีวิตมายึดถือ เหมือนองค์พระสิทธัตถะ ท่านทิ้งเวียงวัง ไม่เอาอะไรมาใช้อีก เมื่อยังใช้เค้าอยู่ มันก็เกิดเป็นหนี้ ต้องเกิดใช้อีก เมื่อไม่อยากเกิด ก็หนีไม่เอามาใช้ ไปอยู่องค์ดียว ไม่มีอะไรใช้
ไปอยู่องค์เดียวโดษๆ สะสางสิ่งที่ไหลออกมาจากเรือนกาย ทำกายให้นิ่งจิตให้นิ่ง ปลดเปลื้อง อารมณ์ที่ไหลอกจากกาย นั่งนิ่งจิตนิ่ง ผจญทุกข์ ผจญอารมณ์ มีเวทานากายเวทนาจืต มีขันติรักษากายนิ่งจิตนิ่ง .ด้วยปัญญาธรรม ไม่ยึดทุข์ไม่ยึดสุข สะสางสิ่งที่เป็นมลทินออกไป ให้กายเป็นแก้ว จิตเป็นแก้ว บริสุทธิ์สู่พระนิพพาน
แต่ชีวิตเรา ไม่มีสติปัญญาธรรม ที่จะไปกระทำได้ขนาด เราก็ของนิสัยพระ รอยทั้งสี่ มาฝึกหัด เดินตามรอยผู้มีธรรม ไปแล้ว ไม่กลับมา
เรื่องราวหนึ่งที่ว่า พระพันตา พระวิหัสนัยต์ มองเห็นจิตทุกเวงในโลก ทำดีก็บันทึก ทำชั่วก็บันทึกให้ ..ทุกกิริยา บันทึกให้ ที่เค้าว่า เป็นสักขีพยานให้ ได้กายมนุษย์ทั่งที่ ใช้ทำอะไร ทำชัาได้ชั่ว ทำดีก็ได้ดี เลื่อนขั้นเลือนภพ ก็จะเป็นสักขีพยานให้แก่จิตที่ได้ธาตุพ่อแม่ ธาตุนะโมมีพ่อแม่เป็นมนุษย์ ใช้ธาตุนี้ไม่ดี ก็จะได้ ธาตุทั่งสอง ไม่ใช่เป็นธาตมนุษย์
เพราะฉะนั้น เมื่อได้ธาตุทั้งสองมาแล้ว รู้จักพระคุณธาตุทั่งสองมั้ย จะเอาธาตุพ่อแม่ ไปหาธรรม มีคุณธรรมอะไรทำให้พ่อแม่ มีกตัญญูรู้คุณมั้ย ที่จิตนั้นอาศัย จะไปขึ้นแท่น เดินในรอยของผู้ที่มีธรรม
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ต่างก็อาศัย ธาตุนะโมที่พ่อแม่เป็นมนุษย์ นำธาตุทั้งสอง มาชำระสะสาง อารมณ์กรรม ..ตัวกระทำต่างๆจนหมดสิ้น ธาตุทั้งสองนี้มีพระคุณ นำพาจิตให้สร้างกุศลบารมี ให้พ้นทุกข์
โฆษณา