30 พ.ค. 2024 เวลา 13:50 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

AI กับจุดจบไอ้ขี้ก็อป และอวสานสาย Crack

Ai อาจถูกอ้างเหตุผลมากมายในการสร้างมันขึ้นมา
และมันก็จริง ที่มันสามารถทำงานได้หลายอย่าง
ช่วยให้การทำงานของคนเรานั้น สะดวก และรวดเร็วขึ้น
แต่สิ่งหนึ่ง ที่คนสร้างเอไอ มักไม่พูดถึง
คือ ที่จริงแล้ว มันถูกสร้างมาเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
…ซึ่งสิ่งนี้เอง ทำให้ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ต่างๆ ถูกคาดหมายว่าจะ
สามารถทำกำไรได้อีกมากมายมหาศาล จนหุ้นพุ่งกระฉูด…
AI ปัองกันการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างไร ?
ความจริงแล้ว นอกจากการที่มันสามารถแยกแยะ
รหัสล็อกอินได้แล้ว มันยังมีสิ่งนึง ที่เอไอทำแล้วบังคับ
ให้คนเราใช้ซอฟท์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์ ที่ถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น
นั่นคือการที่การล็อกอินแบบ Crack หรือ เลขซีเรียล
ที่ไม่ได้รับอนุญาต จะไม่สามารถใช้ AI ได้
ผมขอยกตัวอย่างโปรแกรมยอดฮิตอย่าง
Photoshop แล้วกัน จะเห็นภาพชัดดี
ปัจจุบัน Ps นั้น มีเอไอของทางบริษัทให้ใช้
มันดีและสะดวกมาก ในการทำงานต่างๆ
ที่สำคัญคือมันประหยัดเวลาทำงานมาก
แต่การเข้าถึง AI ของ Ps นั้น คุณจำเป็นต้องล็อกอินเข้าใช้
ด้วยซีเรียลแท้ไที่ถูกต้องเท่านั้น
กรณีใช้เถื่อนหรือ Crack
คุณจะไม่สามารถใช้งานมันได้
ทีนี้ กับ user ที่ใช้งานมันทำธุรกิจ
ก็ย่อมต้องการความรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับคู่แข่ง
มันจะชัดเจนมาก ไม่ว่าคุณเก่งยังไง ก็ใช้เวลามากกว่า AI
เป็นร้อยเท่า เพราะเอไอ สามารถทำในสิ่งที่คนใช้เวลาทำเป็น
ชั่วโมง ภายในเวลาไม่กี่วินาที
ถ้าบริษัท a ใช้ บริษัท b ไม่ใช้ ก็ลองนึกเอาแล้วกัน
ว่าความได้เปรียบทางธุรกิจ จะอยู่ที่ใคร
และอย่าว่าแต่บริษัทเลย เอาฟรีแลนซ์เนี่ย
ถ้าไม่ใช้ ก็ไม่ทันคนอื่น
หรือในอีกมุม ถ้าทำได้เร็ว ก็คือรับงานได้มาก รายได้มาก
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับ บริษัทที่ใช้งานโปรแกรมต่างๆ
จำเป็นต้องซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มาใช้ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
…สิ่งที่ตามต่อมา คือบริษัทต่างๆ ก็ย่อมต้องรับแต่คนที่ใช้
เอไอเป็นเท่านั้น และการจะใช้ให้เป็น คุณก็ต้องหัด…
…จะหัดก็คือต้องเสียเงินให้พวกเขา…..
นี่เท่ากับว่า คุณไม่มีทางใช้โปรแกรมเถื่อนที่เข้าไม่ถึง
AI มาทำประโยชน์อะไรได้เลย …
สุดท้าย ทุกคนต้องจ่ายให้ผู้ผลิตซอฟท์แวร์
ไม่ใช่แบบในสมัยนี้ ที่เราสามาถใช้ Crack
กับเครื่องส่วนตัว หรือกระทั่งใช้ทำงานที่ไม่เป็นทางการนักได้
นี่แหละคือกลไกการที่เอไอ จะมาบังคับให้ทุกคน
จำเป็นต้องใช้ซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์…
Photoshop แค่ตัวอย่างที่ผมยกมาเท่านั้น
ตอนนี้ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ มาทรงนี้หมด
…แน่นอน เมื่อทุกคนต้องจ่าย พวกเขาก็จะรวยขึ้น….
ร้ายที่สุดของเรื่องนี้ คือการที่ผู้ผลิตซอฟท์แวร์
รวมหัวกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ เพื่อกระชับอำนาจร่วมกัน
ในอนาคตอันใกล้มากๆ ซอฟท์แวร์กับฮาร์ดแวร์
จะลิงก์ร่วมกันในการปกป้องลิขสิทธิ์ของตน
หมายถึง มันจะมีการล็อกสเป็กระหว่างกัน
เช่น ถ้าจะเข้าถึง AI ของโปรแกรมหนึ่งได้
ก็จะต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีรหัสที่อนุญาตถูกต้องเท่านั้น
หรือโปรแกรม Crack หรือโปรแกรมที่โดนแบน
ไม่มีรหัสการเข้าถึง ก็จะใช้งานบนฮาร์ดแวร์ลิขสิทธิ์ไม่ได้
มันจะกลายเป็นการล็อกกลับไปกลับมา หลายชั้น
ตั้งแต่ชั้นของระบบ Bios ของตัวฮาร์ดแวร์พื้นฐาน
ในการปิดเปิดเครื่อง
มาจนถึงระบบปฏิบัติการ และสุดท้ายไปล็อกที่ตัวแอพอีกชั้น
จะเห็นว่า มันมีการป้องกันการละเมิดมากกว่า
ในปัจจุบันนี้หลายเท่า และแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่ของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือแอพที่ไม่เข้าร่วมกับผู้ผลิต
จะสามารถไปต่อได้ โดยไม่สิโรราบให้แก่ สิ่งเหล่านี้
และ บางที นี่อาจเป็นจุดจบของโปรแกรมแบบ
Open source ทีให้ใช้ฟรีๆด้วย
เพราะโปรแกรมเหล่านี้ ผู้ผลิตคงไม่สามารถมีเงินไปสร้าง
AI หรือ Cloud ขึ้นมาแข่งกับรายหลักได้
บริษัทพวกนี้ อาจจำเป็นต้องร่วมมือกับผู้ผลิต AI รายย่อย
เพื่อพัฒนาให้เป็นในลักษณะของ add-on
…ไม่งั้น คงต้องล้มหายตายจากไปในที่สุด….
และจีน จะกระอักแน่ๆ ….
ผมไม่แน่ใจว่า การสร้างเอไอในลักษณะนี้
มันมีวาระทางการเมืองเข้ามาผสมหรือไม่
แต่มันจะส่งผลกับประเทศที่ผลิตคอมพิวเตอร์ส่งออก
มากที่สุดอย่างจีนแน่ๆ และรุนแรงมากด้วย
ไม่เฉพาะฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ก็เข่นกัน
อนาคต Tik tok หรือกระทั่งเกมส์ แอพจากจีน
จะถูกทำร้ายมากกว่าการที่รัฐบาลสหรัฐ สั่งแบนเสียอีก
เพราะโลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
ในยุคคอมพิวเตอร์ เมื่อ CPU ตระกูล xx86 กำลังจบสิ้น
การที่บริษัทซอฟท์แวร์ ไปผูกกับฮาร์ดแวร์แบบใหม่
ที่จะสามารถเข้าถึง AI ได้ มันจะทำให้ผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่ง
ไม่สามารถเข้าถึงได้
ในกรณีว่า สหรัฐซึ่งเป็นผู้ผลิตทั้งโปรแกรมและฮาร์ดแวร์
ต้องการแบนจีนจริงๆ
มันจะหมายถึงการตัดผู้ผลิตจากจีนออกไปจากระบบ
อย่างสิ้นเชิง !
เพราะอย่างที่บอก AI นั้นสามารถตรวจสอบระบบ
ด้วยตัวเองได้ และคงไม่มี User ที่ไหนต้องการคอมพิวเตอร์
ที่ไม่สามารถใช้กับโปรแกรมได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ในกรณีแบบนี้ ผู้ผลิตจีนจะไปต่อไม่ได้เลย
หากสหรัฐใช้วิธีแบน ด้วยกฎหมายกับผู้ผลิตของตน
มันจะส่งผลไปทั่วโลก ชาติที่ใช้ซอฟท์แวร์ของสหรัฐ
หรือ ผลิตภัณฑ์จากบริษัทมาลงทุนในสหรัฐ
จะถูกบังคับโดยสถานการณ์ ให้ต้องซื้อของที่สหรัฐ
ต้องการให้ขายเท่านั้น
คือ ผูกขาดสมบูรณ์แบบไปเลยแหละ
มันยิ่งกว่าแบนชิพ หรือรหัส ARM ที่ทำๆอยู่ซะอีก
จะใช้ไหมล่ะ ใช้ซื้อของข้า จ่ายของข้า
…เอ็งไม่มีทางเลือกอื่น…
และนี่เป็นแค่การเริ่มต้นบนคอมพิวเตอร์เท่านั้น
มือถือก็คาดว่าจะตามมาในอีกไม่นาน
โดยเฉพาะกูเกิล ที่อาจเป็นยิ่งกว่าที่เคยแบนหัวเหว่ยหลายเท่า
ปัจจุบันเขื่อกันว่า จากคอมพิวเตอร์บุคคลทั่วโลก
มีเพียง 20% เท่านั้น ที่ใช้ซอฟท์แวร์ถูกลิขสิทธิ์
ซึ่งนี่คือตัวเลข ที่รวม IOS ของแอปเปิลด้วย
หมายความว่า ถ้านับเฉพาะเครื่องระบบวินโดวส์
ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ 90% ของโลก
จะเท่ากับว่า มีคนใช้ซอฟท์แวร์ถูกกฎหมายจริงๆ
ไม่เกิน 10% เท่านั้น !
แต่ถึงแบบนั้น บริษัทซอฟท์แวร์ของสหรัฐ
ก็ยังมีรายได้มหาศาล จนแซงบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันได้
…แล้วถ้าเครื่องคอม 100% ต้องจ่ายให้พวกเขาล่ะ ?…
…ก็ลองคิดดูนะครับ ว่าบริษัทพวกนี้ จะร่ำรวยขึ้นอีกกี่เท่า…
…และเงินจากทั่วโลก จะวิ่งเข้าไปที่สหรัฐมากขึ้นอีกเท่าไหร่…
มันอาจดูโหดร้าย และผูกขาด
กับการทำแบบนี้ของบริษัทอเมริกัน
แต่….ผมคิดว่าคนเราควรเข้าใจว่า
กว่าจะได้มาซึ่งโปรแกรม พวกเขาก็ต้องลงทุนมากมายเช่นกัน
การใช้ฟรีๆ ใช้ของก็อปปี้ต่างหาก คือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ผมคิดว่าการเข้าใจ และเคารพลิขสิทธิ์ เป็นเรื่องสำคัญนะ
คนไทยเขื่อจีน ว่าสหรัฐรังแกพวกเขา เวลาโดนแบน
จากเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้
แต่ในความเป็นจริง ถ้าดูมูลค่าความเสียหาย
จากการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ มันเป็นจีน และโลกเราทั้งหมด
ต่างหาก ที่เอาเปรียบบริษัทต่างๆเหล่านี้
เมื่อมีช่องทาง พวกเขาย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
และถ้าถามว่ามันผูกขาดไหม ผมก็ว่าไม่นะ
เขาไม่สามารถห้ามให้ใครสร้างอะไรมาแข่งได้ซะหน่อย
จีนแน่จริงก็สร้างระบบขึ้นมาเองซะ มันก็จบ
ไม่ใช่เอาของเขามาใช้ฟรีๆ จนชินแล้วโวยวายเมื่อเขาทวง….
…นี่ต่างหาก คือการแข่งขันที่แฟร์….
….อวสานไอ้ขี้ก็อปใกล้มาถึงแล้วล่ะนะ …
ไม่ใช่แค่จีนหรอก ใครก็ตามที่ชอบก็อปอะไรชาวบ้าน
หรือใช้อะไรฟรีๆ แบบไม่แฟร์ ถึงจุดจบบนโลกไอทีแน่
…เอ๊ะ หรืออาจไม่ เพราะมี XI GPT AI อยู่นี่นา 🤣🤣🤣…
โฆษณา