กรณีของโจแฮนสันและเสียง AI สะท้อนถึงความกังวลที่คนในอุตสาหกรรมฮอลลีวูดมีต่อการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งหากยังจำกันได้ เรื่องนี้เคยเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้นักเขียนบทและนักแสดงแห่หยุดงานประท้วงนานหลายเดือน จนกระทบกับการผลิตซีรีส์และหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง
ฝั่งฮอลลีวูดกลัวมาตลอดว่า AI จะลอกเลียนใบหน้าและเสียงของนักแสดง ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในหน้าจอได้ตลอด โดยที่จ่ายเงินแค่เพียงครั้งเดียว และท้ายที่สุด AI ก็อาจจะมาแทนนักแสดงที่เป็นคนจริงๆ
ปัจจุบัน บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ต่างให้คำมั่นที่จะพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ มุ่งเน้นออกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ดึงประโยชน์ของเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างเต็มที่ แต่ต้องลดความเสี่ยงต่อมนุษยชาติด้วย
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหราชอาณาจักรออกร่างรายงานสรุปจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระ 30 คน ที่ยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานว่า AI สามารถสร้างอาวุธชีวภาพหรือทำการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนแยบยลได้ แต่ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการมองว่า ภัยคุกคามจากระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ใกล้ตัวกว่าและอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คือ ตำแหน่งงานที่ AI จะเข้ามาแทนที่
นอกจากนี้ AI ยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะสีผิวได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์มองว่า นี่ต่างหากคือปัญหาที่แท้จริง
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังถกเถียงกันเรื่องภัยคุกคามจาก AI รวมถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์อาจจะควบคุมปัญญาประดิษฐ์ไม่อยู่ แต่บริษัทไอทีก็เดินหน้าเปิดตัวและวางขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง