ปัจจุบันเราอาจคุ้นเคยกับการฝึกเขียน prompt ให้ AI ทำงานให้ เช่นให้ ChatGPT ช่วยเขียน หรือให้ Midjourney ช่วยสร้างภาพ ยิ่ง prompt มีรายละเอียดและชัดเจนมากเท่าไร AI ก็ยิ่งทำงานได้ตรงโจทย์มากเท่านั้น
.
มีอีกขั้นของการทำงานกับ AI นั่นคือ การใช้ AI agent ที่เหมือนเป็นระบบการทำงานที่รันได้ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นระบบง่าย ๆ สำหรับการทำงานเฉพาะอย่าง หรือเป็นระบบซับซ้อนที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
.
AI agent ระดับแอดวานซ์จะเรียนรู้และปรับพฤติกรรมของตัวเอง ค้นหาโซลูชันใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
.
การทำงานของเอเจนต์ AI มาจากชุดคำสั่งและลอจิกที่ผู้ใช้สามารถเขียนไว้ล่วงหน้าให้ AI ทำงาน การสร้าง GPT แบบคัสตอมก็ถือเป็นเอเจนต์ AI อย่างหนึ่ง การใช้งานจึงง่าย แค่เลือก GPT ในแบบที่ต้องการ
ปัจจุบัน มีเอเจนต์ AI ใหม่ ๆ ให้เลือกใช้อีกมาก โดยที่ไม่ต้องมีความรู้เรื่องโค้ด มีเมนูใช้ง่าย และทำงานบนคลาวด์ การพัฒนาเอเจนต์ AI ในปัจจุบันจึงสะดวกมาก
.
เครื่องมืออย่าง Flowi, xforce IDe และ SmythOS ก็มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม การลองพัฒนาเอเจนต์ AI ก็ทำได้โดยใช้ภาษาอังกฤษธรรมดา เพราะโปรแกรมจะมีอินเทอร์เฟซที่ใช้ง่าย แบบลากมาวางได้เลย และเชื่อมต่อระบบให้เข้ากับการทำงานของเรา
.
การใช้เอเจนต์ AI จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในไทย สามารถนำ AI เข้ามาช่วยให้การทำงานเป็นระบบอัตโนมัติได้ไม่ยาก เพิ่มประสิทธิภาพและ productivity ขององค์กร ส่วนธุรกิจด้านเทคโนโลยีโดยตรง อาจจะให้โปรแกรมเมอร์มืออาชีพมาพัฒนาเอเจนต์ AI ที่ซับซ้อนและทำงานได้หลายอย่างมากขึ้น
.
ทุกวันนี้ เราอาจกำลังใช้เอเจนต์ AI อยู่ก็ได้ ผู้ช่วยอย่าง Siri และ Alexa ก็เป็นเอเจนต์ AI เช่น ทำงานผ่านเสียงได้ เข้าใจคำสั่ง ตอบคำถามได้ ช่วยเตือนกำหนดการ หรือเล่นเพลงตามสั่งได้
.
Chatbot บนเว็บไซต์ก็เป็นเอเจนต์ AI ประเภทหนี่ง รวมไปถึงฮาร์ดแวร์อย่างเครื่องดูดฝุ่น Roomba ตู้เย็นอัจฉริยะ และระบบ Autopilot ของ Tesla
.
ในอนาคต เอเจนต์ AI จะมาช่วยการทำงานของหุ่นยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อีกมาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเอเจนต์ AI ที่เราสร้างเอง หรือเป็นเอเจนต์ที่มากับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แต่เชื่อได้เลยว่า เราจะได้สัมผัสกับเอเจนต์ AI มากขึ้นในทุกที่ เพราะผู้ช่วยคนนี้จะมาทำงานให้เรา ช่วยให้ชีวิตและการทำงานง่ายยยยขึ้น