25 มิ.ย. 2024 เวลา 06:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Glass Onion: A Knives Out Mystery

“บนโลกนี้หากมีตัวเราอีกคนหนึ่งคงเป็นเรื่องไม่ยากหากจะทำสิ่งใดสักอย่างหรือฆ่าใครสักคน”
บางคดีที่พบเจอมาในโลกภาพยนตร์ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุตัวคนร้ายในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ จากหลักฐานพยานวัตถุ, พยานแวดล้อม หรือหลักฐานที่อยู่ที่พวกเขามี เว้นเสียแต่ว่าคนคนหนึ่งจะสามารถปรากฏตัวพร้อมกันทั้งสองที่ได้...
ว่าด้วยเรื่องของ “ฝาแฝด” ในคดีฆาตกรรม
ความชอบส่วนตัวที่มีต่อหนังสืบสวนตระกูล Knives Out คือความตลกร้ายและกลิ่นอายความโมเดิร์นของการสืบสวนที่แฝงเข้ามา เหมือนกับโทนหนังสืบสวนที่ปกติแล้วจะถูกฉาบไปด้วยโทนสีหม่นที่ในบรรยากาศอึมครึมอย่างน้ำเงินกรมท่า เทา หรือสีเขียวสมุทร
แต่ในหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนภายใต้ผืนผ้าใบที่เรียกว่าการสืบสวนนี้ มันถูกสาดด้วยสีชมพูนีออน หรือเหลืองสด (อาจจะฟังดูอิหยังวะ แต่ตอนดูหนังเรื่องนี้มันให้ความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ)
เรื่องราวของหนังจะเปิดมาที่มหาเศรษฐีในเรื่องอย่าง “ไมลส์ บรอน” ที่ได้ชวนกลุ่มเพื่อน ๆ มาเที่ยวที่เกาะส่วนตัวของเขา แต่แล้วการมาถึงอย่างไม่คาดคิดของนักสืบชื่อดังอย่าง “เบอนัวต์ บลองค์” และเรื่องชนักติดหลังในอดีตของกลุ่มเพื่อนของเขาและตัวไมลส์เองก็ได้นำพามาซึ่งศพแรกของค่ำคืนนี้
คดีฆาตกรรมในที่เกิดขึ้นในหนัง แรงจูงและวิธีการฆ่านั้นราบเรียบไม่ได้มีแบบแผนที่สลับซับซ้อนอะไร แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงและพล็อตที่ใส่เข้ามาอย่างการให้ตัวละครหนึ่งมีฝาแฝด – เป็นเรื่องที่พบเจอได้ไม่มากแต่ก็พบเจออยู่บ้างในบรรดาหนังสืบสวน ทำให้การดำเนินเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จมันกลับดูมีอะไรขึ้นมา
ทำให้นึกถึงคดีหนึ่งในโคนัน ตอน วิญญาณร้ายในวันอับโชค คดีที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กลับเกิดขึ้นเพราะใส่ตัวแปรที่ไม่คาดคิดอย่างเรื่องฝาแฝดขึ้นมา เหมือนจะเป็นเรื่องพบเจอได้ยาก (อัตราการเกิดฝาแฝดนับเป็น 1:42) แต่เชื่อว่าในชีวิตเราจะต้องพบเจอหรือมีเพื่อนที่เป็นฝาแฝดมาก่อนสักครั้งในชีิวิต
แต่ทั้งนี้การใส่เรื่องฝาแฝดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหรือไม่ได้มีอะไรมารองรับมากพอมันก็อาจทำให้รู้สึกเหมือนถูกใส่มาเพราะหาทางลงไม่ได้เหมือนกัน
พูดถึงฆาตกรในเรื่อง ที่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้ฉลาดอะไรและยิ่งไปกว่านั้นคือการฆาตรกรรมที่คนร้ายได้ลงมือและจัดฉากขึ้นมาทั้งหมดก็ไอเดียมาจากคำพูดธรรมดา ๆ ของนักสืบในเรื่องอย่างเบอนัวต์เอง และเมื่อเบอนัวต์ได้เปิดฉากไขคดีที่เกิดภายใต้ความโง่งมของฆาตรกรก็ทำให้นักสืบของเรื่องถึงกับด่าออกมาอย่างโดนใจว่า “โง่ก็คือโง่”, “คดีที่พอจะดูดีมีสมองก็ดันขโมยไอเดียมาจากฉันทั้งยวง!”
และที่ชอบที่สุดคือความตลกร้ายของหนังที่มันหลอกคนดูอย่างซึ่ง ๆ หน้า (ต่อหน้าต่อตาแบบของจริง) เมื่อย้อนกลับมาดูรอบที่สองได้แต่คิดในใจว่า หนังมันเจ๋งและกล้ามากที่เล่นฆาตกรรมโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้วไม่กลัวคนดูจับได้ซ้ำแล้วยังสามารถหว่านล้อมให้เราเชื่อในสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ราวกับทั้งเรื่องคุณพยายามทำตัวเป็นนักสืบเพื่อพยายามไขคดีในทุกความเป็นไปได้ของหนัง แต่แท้จริงแล้วหลักฐานสำคัญทั้งหมดมันอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกคุณนี่เอง
แม้จะเป็นหนังสืบสวนเรื่องที่สองถัดจากเรื่องก่อนหน้าอย่าง Knives Out ฆาตรกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ (ซึ่งเสียดายมาก ๆ ที่ผู้เขียนไม่สามารถหลบสปอยว่าใครคือคนร้ายได้ก่อนจะมีโอกาสดูในโรง) แต่เนื้อเรื่องของทั้งสองภาคนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันหรือทิ้งกลิ่นอายคล้ายกันเลยแม้แต่น้อย แต่หนึ่งสิ่งที่หนังยังคงไว้คือความตลกร้ายที่อาบไปด้วยยาพิษที่พร้อมจะทิ่มแทงคุณเพื่อสร้างความประหลาดใจได้ทุกเมื่อ
เพจ ฉันชอบดูหนังสืบสวน (Mystery is my Taste)
โฆษณา