Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กรุงเทพธุรกิจ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 ส.ค. 2024 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
จับชีพจร ‘RC Cola’ จากเบอร์ต้นน้ำดำ สู่วันจำศีล 10 ปี ขาดทุนสะสม 400 ล้านบาท
จับสัญญาณ “RC Cola” อดีตราชาน้ำดำหัวตาราง ก่อนพ่ายให้ “โค้ก-เป๊ปซี่” เหตุ ขาดแผนทำการตลาดต่อเนื่อง รุกโมเดิร์นเทรดช้าไปหลายก้าว แม้ออกโปรดักต์ใหม่แต่ยังขาดกลยุทธ์ชิงแชร์ตลาดน้ำดำ ส่วนรายได้รวมบริษัทขาดทุนสะสมเฉียด 400 ล้านบาทแล้ว
ในระดับโลก “อาร์ซี โคล่า” มีอายุครบ 119 ปี ส่วนในไทยพบว่า เป็นแบรนด์เก่าแก่เช่นกัน เข้ามาทำตลาดกว่า 57 ปีแล้ว โดยผู้ถือลิขสิทธิ์ในการผลิต คือ “บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จำกัด” มี บริษัท บุญเติม (2554) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งพบว่า “สุรินทร์ ตุลย์วัฒนจิต” ผู้บริหารน้ำอัดลมอาร์ซี โคล่า ถือหุ้นด้วยสัดส่วน 83.33%
เดิมทีน้ำอัดลมอาร์ซีเติบโตจากการเจาะช่องทางการขายผ่าน “Traditional Trade” หรือบรรดาร้านโชห่วยขนาดเล็กตามชุมชน ผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ที่จะเป็นผู้รับสินค้าจากโรงงานไปกระจายตามร้านค้าอีกทอดหนึ่ง แม้ในอดีตวิธีการดังกล่าวจะทำให้อาร์ซี โคล่า ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไปช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่าง “โมเดิร์นเทรด” (Modern Trade) ก็มีส่วนทำให้ “ยักษ์น้ำดำ” อีกสองเจ้าเข้ามาตีป้อม-ยึดปราการ จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดน้ำดำอันดับ 1 และ 2 ได้สำเร็จ
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ “RC Cola Thailand” พบว่า ปัจจุบันมีช่องทางจัดจำหน่ายบนร้านค้าโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้ออยู่หลายแห่ง อาทิ แม็คโคร, เดอะมอลล์, ลอว์สัน 108, จิฟฟี่, วิลล่า มาร์เก็ต, ถูกดี มีมาตรฐาน, ปั๊มบางจาก และช่องทางออนไลน์บน “TikTok Shop” อย่างไรก็ตาม “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจความคิดเห็นบนเพจเฟซบุ๊ก “RC Cola Thailand” พบว่า มีหลายคอมเมนต์ระบุตรงกันว่า สินค้าขาดตลาด หาซื้อยาก แม้จะอยากกินแต่ก็ไม่มีช่องทางให้สั่งซื้อได้อย่างสะดวก
1
ปัจจัยเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายแทบจะเป็น “ด่านตัดเชือก” ของศึกน้ำดำเลยก็ว่าได้ จากกรณีการขึ้นสู่เบอร์ 1 ตลาดน้ำดำของ “เป๊ปซี่” ในวันที่ “เสริมสุข” ถือสิทธิ์ในการผลิตและกระจายสินค้า จนทำให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่เป๊ปซี่ครองส่วนแบ่งเบอร์ 1 มากกว่าโค้กได้สำเร็จ
ตลาดน้ำอัดลมโดยเฉพาะน้ำดำเป็นสินค้าทดแทนกันได้ หากร้านไม่มีเป๊ปซี่ ลูกค้าที่ต้องการดื่มน้ำอัดลมก็เต็มใจที่จะซื้ออีกแบรนด์ได้ไม่ยาก ประกอบกับการอัดแคมเปญ-โปรโมชันจากร้านค้าก็มีส่วนทำให้ผู้บริโภค “เปลี่ยนใจ” สู่แบรนด์อื่นได้เช่นกัน
ไม่เพียงช่องทางโมเดิร์นเทรดหรือคอนวีเนียนสโตร์ แต่การเข้าไปอยู่ในร้านอาหารสตรีทฟู้ดและร้านเชนบนห้างสรรพสินค้าก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะทำให้แบรนด์อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภคเสมอ แม้ในวันที่ “เสริมสุข” กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหลังแยกทางกับ “เป๊ปซี่” แต่สิ่งที่เสริมสุขมี คือเครือข่ายสายส่ง และความเชี่ยวชาญเรื่องการกระจายสินค้า จากโต๊ะร้านอาหารตามสั่งที่ถูกคลุมด้วยผ้าใบเป๊ปซี่ ชั่วพริบตาก็สามารถเปลี่ยนเป็น “เอส” ได้ในข้ามคืน
“ณัฐพล ม่วงทำ” นักการตลาดและเจ้าของเพจ “การตลาดวันละตอน” ให้ความเห็นกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ในประเด็นนี้่ว่า การหยิบแบรนด์เก่ามาทำใหม่ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย คน Gen Y จะรู้สึกว่า นี่คือแบรนด์วัยเด็กที่คุ้นเคย
ส่วนเด็กรุ่นใหม่อาจจะมีมุมมองต่ออาร์ซี โคล่า ในฐานะแบรนด์ใหม่ ยิ่งตอนนี้ได้ “สหพัฒนพิบูล” ที่มีความเก๋าเกมเรื่องอีโคซิสเทม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นได้ดีคล้ายกับกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” เชื่อว่า ต่อไปจะมีแนวโน้มเจาะกลุ่มคนต่างจังหวัดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงราคาและช่องทางการขายที่ “สหพัฒนพิบูล” เข้าใจอินไซต์เชิงลึกได้ดีมากๆ
เคสเป๊ปซี่แยกทางกับเสริมสุขเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีสำหรับบริษัทที่มีจุดแข็งในบทบาท “Distributor” หรือ “การกระจายสินค้า” แต่ด้วยรสชาติที่คุ้นเคยจึงทำให้ช่วงแรกของ “เอส” ต้องโหมโรงบุกตลาดอย่างหนัก ส่วนตัวเชื่อว่า อาร์ซี โคล่า ในมือสหพัฒนพิบูลไปต่อได้ แต่จะทยานขึ้นสู่ “Big 3” หรือไม่นั้น มองว่า เป็นโจทย์หินที่ต้องกะเทาะกันต่อไป
แต่แค่นั้นคงไม่เพียงพอ นอกจากจะปลุกวันเวลาดีๆ ของคนเจเนอเรชันก่อนๆ ที่โตทันแบรนด์ไม่ได้แล้ว ภารกิจเจาะกลุ่มเจนใหม่ก็ดูจะไม่ทันการณ์ เราได้สอบถามไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z พบว่า ส่วนใหญ่ไม่รู้จักแบรนด์อาร์ซี โคล่า บางส่วนเคยได้ยินผ่านๆ แต่ไม่มีโอกาสลองชิม ขณะที่ “เอส” และ “เป๊ปซี่” โหมแคมเปญเจาะคนรุ่นใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “เอส” ที่มี Gen Z เป็นฐานลูกค้าสูงถึง 36% แล้ว
เมื่อแง้มดูผลประกอบการ “บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จำกัด” พบว่า มีรายได้ลดลงเกือบทุกปี ทั้งยังขาดทุนต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี โดยมีรายละเอียด 5 ปี ย้อนหลังดังนี้
ปี 2566: รายได้ 234 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 58 ล้านบาท
ปี 2565: รายได้ 209 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 47 ล้านบาท
ปี 2564: รายได้ 208 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 46 ล้านบาท
ปี 2563: รายได้ 220 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท
ปี 2562: รายได้ 235 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 56 ล้านบาท
1
อ้างอิง:
https://www.youtube.com/watch?v=VCcnOmagbE0
https://www.infoquest.co.th/2024/409868
https://mgronline.com/daily/detail/9580000113649
https://www.marketingoops.com/pr-news/rc-cola/
https://www.maxithailand.com/
https://www.rccolathailand.com/?page_id=2445
3 บันทึก
18
1
3
3
18
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย