เมื่อ 3% ของ GDP เวียดนามถูกปล้น : จากเศรษฐีพันล้านสู่นักโทษประหาร ชีวิตที่พลิกผันของ Truong My Lan
ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับคดีฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ในเวียดนาม ที่มี Truong My Lan เป็นตัวละครหลัก เธอเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ แต่กลับตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม นำไปสู่การฉ้อโกงเงินมหาศาลถึง 44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
4
เรื่องราวของ Lan เริ่มต้นอย่างธรรมดา เธอเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ ตั้งแต่เด็กเธอได้เรียนรู้ทักษะการค้าขายจากการช่วยแม่ขายเครื่องสำอางในตลาด Ben Thanh อันเป็นสัญลักษณ์ของไซ่ง่อน ประสบการณ์เหล่านี้หล่อหลอมให้เธอมีความสามารถในการต่อรองและทำธุรกิจ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จในอนาคต
1
ตลาด Ben Thanh อันเป็นสัญลักษณ์ของไซ่ง่อน (CR:vnexpres)
ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 Lan ได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อตั้งกลุ่มบริษัท Van Thinh Phat ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอาณาจักรธุรกิจของเธอ ช่วงเวลานั้นเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของเวียดนาม มีการเปิดกว้างให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ที่ดินยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ
1
การที่ Lan สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่นของเธอในการเจรจาต่อรองและสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ
1
ความสำเร็จของ Lan ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเธอแต่งงานกับ Eric Chu Nap Kee นักลงทุนจากฮ่องกง ทั้งคู่ร่วมกันสร้างอาณาจักรธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ทั่วเวียดนามและฮ่องกง ทรัพย์สินของเธอเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ
3
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อ Lan ได้รับความไว้วางใจให้จัดการควบรวมธนาคารที่มีปัญหา 3 แห่งเข้าด้วยกันเป็นธนาคาร Saigon Commercial Bank (SCB) แผนการนี้ได้รับการอนุมัติจากธนาคารกลางเวียดนาม ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเริ่มต้นของการฉ้อโกงครั้งใหญ่
4
ตั้งแต่ปี 2012 Lan เริ่มใช้อำนาจและตำแหน่งของเธอในทางที่ผิด เธอให้เงินกู้แก่ตัวเองและพวกพ้อง รวมถึงจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อปิดปากและมองข้ามการกระทำผิดของเธอ แม้ว่ากฎหมายเวียดนามจะจำกัดการถือครองหุ้นของบุคคลในธนาคารไว้ที่ 5% แต่ Lan กลับสามารถครอบครองหุ้นของ SCB ได้ถึง 90% โดยใช้วิธีการตั้งบริษัทบังหน้าหลายพันแห่งและใส่ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของ
1
วิธีการฉ้อโกงของ Lan นั้นซับซ้อนและแยบยล เธอวางตัวบุคคลที่ไว้ใจได้เข้าไปเป็นผู้จัดการที่ SCB และสั่งให้พวกเขาอนุมัติเงินกู้ให้กับเครือข่ายบริษัทบังหน้าของเธอทั่วโลก บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีการดำเนินงานจริงหรือพนักงาน เธอใช้สัญญาปลอมเพื่อโอนเงินออกนอกประเทศ และเมื่อแผนการขยายใหญ่ขึ้น เธอได้ดึงสมาชิกในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
3
ผลลัพธ์ของการกระทำนี้คือ 93% ของเงินกู้ที่อนุมัติโดย SCB เข้าไปสู่กระเป๋าของ Lan โดยตรง ในทศวรรษก่อนที่จะถูกจับกุม เธอให้เงินกู้ผิดกฎหมายแก่ตัวเองเป็นจำนวนมหาศาลถึง 44 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 3% ของ GDP ของเวียดนาม
1
Saigon Commercial Bank (SCB) ที่เป็นปัญหา (CR:Wikipedia)
แม้ว่าการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยของ Lan จะเป็นความลับที่หลายคนรู้กัน แต่เธอก็สามารถผ่านการตรวจสอบจากบริษัทชั้นนำอย่าง Deloitte และ KPMG ได้โดยไม่มีปัญหา
1
สุดท้ายเมื่อหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มสงสัยและตัดสินใจสืบสวนลึกลงไป Lan ก็แจกจ่ายสินบนอย่างไม่อั้น รวมถึงสินบนมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ให้กับหัวหน้าผู้ตรวจการธนาคารแห่งรัฐเวียดนาม ซึ่งถือเป็นสินบนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ในเวียดนาม
คำตัดสินประหารชีวิต Lan ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง บางคนมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลในการสร้างตัวอย่างและแสดงให้โลกเห็นว่าพวกเขากำลังจริงจังกับการต่อต้านการทุจริต ในขณะที่บางคนเชื่อว่าการลงโทษนี้อาจเป็นกลยุทธ์เพื่อกดดันให้ Lan เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกยักยอกและผู้สมรู้ร่วมคิด
9
Lan ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาและโทษผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เธอยอมรับเพียงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างของธนาคาร แต่ปฏิเสธการยักยอกเงินทุน เธออ้างว่าการขาดประสบการณ์และความเข้าใจในกฎหมายทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ศาลไม่เชื่อคำให้การของเธอ
ผลของคดีนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะกับ Lan เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน มีผู้ถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 855 คน รวมถึงสามีของ Lan ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 9 ปี และหลานสาวซึ่งถูกตัดสินจำคุก 17 ปี นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงสองคนของธนาคาร SCB ได้หลบหนีออกนอกประเทศและยังคงถูกตามล่าอยู่
1
คดีนี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อุปถัมภ์หลักของ Lan ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าพรรคของโฮจิมินห์ซิตี้และเป็นสมาชิกของสำนักการเมืองอันทรงอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ ความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้ Lan สามารถดำเนินการฉ้อโกงได้อย่างยาวนานโดยไม่ถูกตรวจสอบ
1
คดีของ Lan ยังเป็นการเตือนใจถึงผลกระทบร้ายแรงของความโลภที่ไม่ถูกควบคุมที่มีต่อสังคม เช่นเดียวกับวิกฤตการเงินปี 2008 ที่แสดงให้เห็นว่าเราพึ่งพาสถาบันการเงินให้ดำเนินการอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบมากเพียงใด แต่คดีนี้ยังแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดก็ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันจากผลที่ตามมาของการกระทำผิด