11 ส.ค. 2024 เวลา 10:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจยิ่งแย่ คนรวยยิ่งรวย

สองเดือนมานี่ จัดว่าผมค่อนข้างยุ่งเหยิงมาก
มีงานเข้ามาจนแทบไม่ได้นอนเต็มอิ่ม
เช้าเข้าไซด์ กลางคืนเขียนแบบ วนอยู่แบบนี้
เช่นเดียวกับลูกน้อง
…เมียบ่นทุกวันแหละ ช่วงนี้ 555….
เหนื่อยหน่อย เพราะหลังโควิด เสียลูกน้องมือดีไปสองคน
และยังไม่ยอมรับเพิ่ม จนถึงตอนนี้….
สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ ช่วงนี้ลูกค้ารายย่อยหาย
แต่ที่เข้ามามักเป็นคนรวยจริงๆ
…โครงการอาจไม่ใหญ่มาก แต่ที่น่าสนใจคือ มันมักได้มาเป็น
งานแบบ commercial ร้านอาหาร ร้านขายของ อะไรงั้น….
ลูกค้าหลายท่าน ไม่เคยทำธุรกิจส่วนค้าขายเลย เป็นพวก
แลนด์ลอร์ด รวยดั้งรวยเดิม แต่ตัดสินใจลงทุน….
ผมเชื่อว่า คนอ่านหลายท่านที่ทำธุรกิจต่างๆ
ก็คงเจอลูกค้าแบบผมเยอะในช่วงนี้
เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมคนเหล่านี้ลงทุน
ทั้งที่ดูจังหวะแล้ว มันไม่น่าลงทุนเลยแม้แต่น้อย
จากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่ค่อยดี ….
เลยเอาที่ได้ยินได้ฟัง มาเล่าให้ฟังครับ
คนอื่นต้องล้ม แต่ฉันสายป่านยาว ยืนระยะได้ ….
เท่าที่ฟังจากลูกค้ามานี่คือแนวคิดหลักของคนรวยที่ตัดสินใจลงทุนเริ่มกิจการ ในช่วงนี้ส่วนมากเลยก็ว่าได้
ในมุมมองของเขา โดยเฉพาะคนมีที่ดิน เขามองว่า
ตอนนี้แม้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ค่าเช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจ
ของคนที่ไม่มีที่ทางนั้น มันปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก
ตามการเติบโตของเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่กรุงเทพ
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ต้นทุน เขาถือว่าเขาได้เปรียบมาก
ถ้าเทียบกับรายที่ต้องเช่า เขาจึงมองว่าเขาอยู่
และสู้ได้ แย่งฐานลูกค้าได้ ด้วยกลไกทางราคา
กิจการบางประเภท ก็เล่นกับกระแสของใหม่
เช่น ร้านกาแฟ ที่เวลาเปิดใหม่แล้วมีสถานที่สวยๆ
คนก็มักจะทิ้งเจ้าประจำ แล้วแห่ไปเช็คอิน ถ่ายรูปกัน
คนรวยๆ มองในส่วนนี้ครับ เขามองว่าเขาดึงลูกค้าได้
จากความใหม่สด และอลังการกว่ารายเล็ก
ยิ่งกับคนรวยมากๆ สเตทเมนท์ดี เขาแทบไม่ต้องควักเลย
เอาที่เข้าทำสัญญากู้แบงค์ เขาได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินเฟ้อแน่
จึงเหมือนเอามาลงทุนฟรีๆ
เกิดก็ดีไป ไม่รอดก็ได้สถานที่เป็นสินทรัพย์
สำหรับพวกเขา มันไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย
นี่คือวิธีคิดของคนรวยในช่วงนี้ ในส่วนของการคิด
แง่ของต้นทุน และการแข่งขัน ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
เก็บเงิน เก็บที่ไว้ก็เน่า ลงทุนเอามาหักภาษีดีกว่า …
นี่คืออีกวิธีคิด ที่ว่าทำไมคนรวยลงทุน
ทั้งที่เศรษฐกิจภาพรวมมันไม่ค่อยดี
เศรษฐกิจแบบนี้ จะว่าคนรวยไม่กระทบรายรับ
เลยกล้าลงทุน มันไม่ใช่นะครับ…
ธุรกิจจำนวนมาก อิงกับภาพรวม พวกเขาก็เสียรายได้ครับ
และไม่น้อยด้วย ให้ใหญ่แค่ไหนก็ตาม
…พวกเขาไม่ใช่ ปตท. หรือ บริษัทขายไฟฟ้านี่ ที่จะไม่สะเทือน
ขนาดสะดวกซื้อ ขายส่งของเจ้าสัวยังกระเทือนรายรับเลย….
แต่ก็เพราะส่วนมาก อยู่ในสถานะ “ขาดทุนกำไร”
หรือกำไรลดลงเสียมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงยังมีภาระ
ทางภาษี ในส่วนของธุรกิจเมื่อหักลบอะไรต่างๆแล้ว
ตัวสินทรัพย์อย่างที่ดิน เงินฝากเอง มันก็มีภาระส่วนนี้
ก็อย่ากระนั้นเลย เก็บเงินเก็บที่ไว้ก็เน่าเปล่าๆ
ที่ก็ค่าเช่าแพง จนไม่มีคนเช่า….
เอามาลงทุนสร้างภาระรายจ่ายให้ตัวเอง
แบ่งเบาภาระภาษีจะดีกว่า…
ดีไม่ดีการลงทุนก่อสร้างสถานที่ที่มักมีมูลค่าสูง
มันอาจทำให้พวกเขาเข้าสู่สภาวะขาดทุน
จนไม่ต้องเสียภาษีเลยเสียด้วยซ้ำไป
แต่ ขาดทุนแล้วจะเป็นไรล่ะ เงินตัวเองยังอยู่ดีนี่
และการสร้างอาคารสถานที่ ทำให้ได้มูลค่าสินทรัพย์เพิ่ม
ให้ขายไม่ดี ก็ไม่ได้สะเทือนกับสถานะของเขานี่
เช่น สมมุติว่าที่ดิน 20 ล้าน ก่อสร้างสถานที่อีกห้าล้าน
มูลค่าที่ดินหากขายที่พร้อมอาคาร มันจะถูกดันขึ้นมา
จนพวกเขามีกำไร มากกว่าค่าดำเนินการ ที่อาจขาดทุนแน่ๆ
แล้วจะมีอะไรต้องกังวล ก็จัดไปสิครับ
คนรวยช่วงนี้ ถึงขยันใช้เงินทำอะไรใหญ่ๆไงครับ…
…คนอื่นแย่ เขาก็แย่ แต่สายป่านมันผิดกัน…
ต้นทุนของคนเรานั้นไม่เท่ากัน
คนที่มีมากกว่า ย่อมได้เปรียบเสมอ ไม่ว่าจะประดิษฐ์
คำที่สวยหรูแค่ไหน มาทำให้คนไม่คิดมากก็ตาม …
1
…มันก็เป็นแค่คำปลอบใน และเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไม่ได้….
ผมไม่ได้บอกว่าคนจนไม่มีโอกาศเกิดนะ
แต่จะบอกว่า ถ้าจะแข่งกับเขา คุณก็ต้องเก่งและเฮงจริงๆ
ที่จะยืนระยะเพื่อซดกับคนที่รวยกว่าได้
จากสถิติ การลงทุนในภาคการผลิตจริงนั้น
กิจการรายย่อย มีแนวโน้มปิดตัวสูงขึ้น
รวมถึงมีการขายขายกิจการให้คนรวยมากขึ้นในช่วง
10-20 ปีกีอนหน้านี้
ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เคยฟังมาว่า กิจการที่เริ่มจากรายเล็ก
มีโอกาสประสบความสำเร็จ และเติบโตได้ ไม่ถึง 20% เท่านั้น
ในทางตรงข้าม คนรวยกลับรวยขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่เศรษฐกิจสาละวันเตี้ยลง มาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด
( ขยายตัวต่ำมาก ไม่ทันกับการเพิ่มประชากร )
มันค่อนข้างเห็นได้ชัด ว่าแค่คนรวยไทยลงมาเล่น
รายย่อยเองก็แย่มากพออยู่แล้วจากก่อนหน้านี้
…ดังนั้น ใครก็ตาม ไม่ควรจะโลกสวยว่า
การเข้ามาของทุนจีน จะช่วยอะไรรายย่อยได้เลย…
…มีแต่ทำให้รายย่อยแย่ลงมากกว่า….
ในมุมหนึ่ง การยังมีคนลงทุนในช่วงเศรษฐกิจแย่ๆนั้น
ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่จะยังช่วยประคองภาพรวม
และการจ้างงานเอาไว้ได้
แต่ถ้ามองมิติทางสังคมแล้ว
สิ่งที่เป็นยิ่งไปทำให้การเหลื่อมล้ำนั้น มีความรุนแรงขึ้น
และจะสร้างปัญหาในระยะยาว มากกว่าประโยชน์
แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติของโลก
ที่ไม่ว่าจะอย่างไร คนรวยกว่าย่อมได้เปรียบ
แต่การแข่งขันในกติกา และกลไกต่างๆปัจจุบันของไทยเรานั้น
มีความเป็นธรรมแค่ไหน กับภาพรวมของสังคม
…มันควรเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องขบคิดครับ….
ภาพ : กูเกิล
โฆษณา