Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
23 ก.ย. 2024 เวลา 10:46 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 161
น้ำไฟกำราบเหลียงซาน (1) ไม่ไว้หน้า
เมื่อทัพเหลียงซานกลับไปแล้ว เหลียงจ้งซู หลี่เฉิง เหวินต๋ากลับเข้าเมืองเป่ยจิงสำรวจดูความเสียหาย โดยเฉพาะครอบครัวของแต่ละคน สิบส่วนหายไปแปดเก้าส่วน ภรรยาของเหลียงจ้งซูไปหลบอยู่ในสวนหลังบ้านจึงเอาตัวรอดมาได้ แค้นใจยิ่งนักจึงบอกให้สามีถวายฎีกากราบทูลราชสำนักและทำหนังสือไปยังราชครูผู้เป็นบิดาของตนให้ส่งกองทหารมากวาดล้างรังโจรล้างแค้น สำรวจความเสียหายเขียนลงไปด้วยว่า ราษฎรล้มตายห้าพัน บาดเจ็บนับไม่ถ้วน กองทหารสูญหายสามหมื่นนาย
เขียนเสร็จให้ทหารนำไปยังเมืองหลวง เมื่อมาถึงเมืองหลวงเข้าพบท่านราชครูนำฎีกาส่งให้นำถวายแล้วก็เล่าให้ฟังถึงความสูญเสียที่เกิดแก่เมืองต้าหมิงฝู่ ราชครูซึ่งแต่แรกมีเจตนาจะให้ราชสำนักนิรโทษ แล้วให้ถือเป็นความชอบของเหลียงจ้งซู พอเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นใหญ่หลวงนัก มิอาจปิดบัง จึงเปลี่ยนใจคิดจะรบ
ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น เวลาเข้าเฝ้าในท้องพระโรง ราชครูนำฎีกาถวาย ฮ่องเต้ทรงทราบความก็ตกพระทัย ไต้ฟูที่ปรึกษานาม เจ้าติ่ง 赵鼎 กราบทูลว่า “ก่อนหน้านี้เคยส่งกองทัพไปปราบ แตกพ่ายทั้งทัพ เนื่องด้วยเสียเปรียบด้านชัยภูมิ ตามความเห็นอันต่ำต้อยของเกล้ากระหม่อม ควรพระราชทานนิรโทษกรรม เรียกตัวเข้าเฝ้า แต่งตั้งให้เป็นขุนนางไปประจำการอยู่รักษาชายแดน”
ราชครูไฉ้ตวาดตำหนิว่า “ตัวท่านเป็นถึงไต้ฟู กลับดูหมิ่นราชสำนัก ความคิดอ่านดังคนถ่อย สมควรประหาร”
ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ปลดเจ้าติ่งออกจากราชการเป็นสามัญชน ขุนนางผู้อื่นจึงไม่มีใครกล้าทูลทัดทาน
玺书招抚是良谋,却把忠言作寇仇。
一自老成人去后,梁山军马不能收。
ราชโองการนิรโทษประเสริฐล้ำ
กลับนำคำใจภักดิ์มาเคียดขึ้ง
ผู้ถือสัตย์จากไปควรคำนึง
ทัพเหลียงซานจึงไร้ทางกล่อมเกลา
ฮ่องเต้ตรัสถามราชครูไฉ้จิงว่า “พวกโจรบังอาจปานนี้ ท่านเห็นใครสมควรเป็นแม่ทัพนำทัพไปปราบ”
ไฉ้จิงว่า “กระหม่อมคะเนกำลังทัพโจรแล้วเห็นว่าต้องใช้กองทัพใหญ่ ตัวแม่ทัพนั้น กระหม่อมขอทูลเสนอสองขุนพลจากหลิงโจว 凌州 ผู่หนึ่งแซ่ซ่าน 单 ชื่อถิงกุย 廷珪 อีกผู้หนึ่งแซ่เว่ย 魏 ชื่อติ้งกว๋อ 定国 เป็นขุนนางตำแหน่งถวนเลี่ยน 团练使 ของเมือง ขอทรงมีพระราชโองการให้เป็นแม่ทัพยกไปกวาดล้างโจรหนองน้ำ”
ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตราตั้ง ให้สำนักซูมี่ย่วนไปดำเนินการ แล้วทรงเสด็จขึ้น เหล่าขุนนางแอบหัวเราะชอบใจ
ทางด้านเขาเหลียงซาน ซ่งเจียงยังอยู่ระหว่างจัดเลี้ยงฉลองรับรองหลูจวิ้นอี้ อู๋ย่งกล่าวในที่ชุมนุมว่า “บัดนี้ เพื่อช่วยเจ้าสัวหลู พวกเราได้ตีเป่ยจิงแตก สังหารชาวบ้านไปหลายคน ปล้นคลังและเสบียงมาเสียหมด ทั้งยังไล่ต้อนเหลียงจ้งซูออกไปนอกเมือง มีหรือที่เขาจะไม่กราบทูลราชสำนัก ยิ่งเป็นบุตรเขยของราชครูไฉ้ คงไม่ยอมรามือ คงต้องส่งกองทัพมาปราบพวกเราเป็นแน่”
ซ่งเจียงว่า “ที่ท่านกุนซือเป็นกังวลนั้นมีเหตุผล ไยไม่ใช้คนไปฟังข่าวที่เป่ยจิง”
อู๋ย่งหัวเราะแล้วว่า “ผู้น้องใช้คนไปแล้ว อีกไม่ช้าคงกลับมา”
ระหว่างกินเลี้ยง หน่วยสอดแนมก็กลับมารายงานว่า “เหลียงจ้งซูเมืองเป่ยจิงถวายฎีกาต่อราชสำนัก พอจะส่งกองทัพมาก็มีไต้ฟูเจ้าติ่งกราบทูลเสนอให้ใช้นิรโทษกรรม ถูกราชครูไฉ้ตำหนิ และถูกปลดออกจากราชการไป บัดนี้ พระโอรสสวรรค์มีพระราชโองการให้นำตราตั้งไปยังเมืองหลิงโจว แต่งตั้งถวนเลี่ยนสองนาย ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อให้เกณฑ์พลจากหลิงโจวยกมาปราบปราม”
ซ่งเจียงว่า “เราจะรับศึกอย่างไร”
อู๋ย่งว่า “รอพวกเขามาถึง ค่อยหาทางจับ”
กวนเสิ้งลุกขึ้นกล่าวกับซ่งเจียง อู๋ย่งว่า “ผู้แซ่กวนนับแต่ขึ้นเขามาได้รับการรับรองจากพี่ท่านเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ได้ออกแรงเลยแม้สักน้อย ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ ข้าได้เคยพบทั้งคู่ที่เมืองผู่เฉิง ทราบมาว่าซ่านถิงกุยผู้นี้เชี่ยวชาญการใช้น้ำท่วมทัพทหาร จึงเรียกกันว่า ขุนพลทิพย์วารี 圣水将军 เว่ยติ้งกว๋อชำนาญการใช้ไฟโจมตีศัตรู พอตั้งค่ายก็จะเตรียมใช้ไฟ จีงเรียกกันว่า ขุนพลเทพอัคคี 神火将军
เมืองหลิงโจวนี้อยู่ในเขตปกครองของข้าแต่เดิม ข้าจึงบังคับบัญชาทหารเมืองนั้นด้วย สองคนนี้จึงเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้น้องไร้ความสามารถ จะไม่รอให้เขาออกเดินทาง หาก ขอยืมทหารห้าพันไปตั้งรับระหว่างทางมาจากหลิงโจว หากเกลี้ยกล่อมแล้วยินยอมสามิภักดิ์ ก็จะพาขึ้นเขามา หากไม่ยินยอม ก็ต้องจับตัวมาให้ท่านพี่ จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเหล่าพี่น้องรบให้เหนื่อยยาก มิทราบว่าท่านเห็นเช่นไร”
ซ่งเจียงชอบใจนัก บอกให้เซวียนจ้าน เห่าซือเหวินร่วมทัพไปด้วย ให้กวนเสิ้งนำทหารห้าพันออกเดินทางในวันพรุ่ง
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงพาเหล่าพี่น้องมาส่งกวนเสิ้งที่หาดทรายทอง กวนเสิ้งออกเดินทางไปแล้ว ก็กลับกันขึ้นมาที่หอธรรมภักดิ์ อู๋ย่งกล่าวกับซ่งเจียงว่า
“กวนเสิ้งไปครานี้ มิอาจไว้ใจ ควรส่งขุนพลมีฝีมือตามไปกำกับ ทั้งยังช่วยเป็นกองหนุน”
ซ่งเจียงว่า “ข้าเห็นว่ากวนเสิ้งมีคุณธรรมน้ำใจยิ่ง เสมอต้นเสมอปลาย ท่านเสธ.มิจำต้องสงสัย”
อู๋ย่งว่า “เกรงแต่ว่าใจเขาจะไม่เหมือนอย่างใจพี่ท่าน ควรให้หลินชง หยางจื้อเป็นแม่ทัพ ซุนลี่ หวงซิ่นเป็นรองแม่ทัพ นำพลห้าพันตามหลังไป”
หลี่ขุยว่า “ข้าขอไปด้วย”
ซ่งเจียงว่า “มีขุนพลมากฝีมือไปแล้ว เจ้าไม่ต้องไป”
หลี่ขุยว่า “ผู้น้องอยู่ว่าง เป็นต้องเจ็บไข้ หากไม่ให้ไปด้วย ข้าไปของข้าเอง”
ซ่งเจียงตะคอกว่า “ไม่ฟังบัญชาทัพ จับเจ้าตัดหัว”
หลี่ขุยฮึดฮัด ลงจากหอไป
วันรุ่งขึ้น ทหารมารายงานว่า “เมื่อคืนยามสอง พายุหมุนดำถือสองขวานไปที่ใดไม่ทราบ”
ซ่งเจียงว่า “ต้องโทษข้า เมื่อวานว่าแรงไปหน่อย นี่คงไปหาที่อื่นอยู่แล้ว”
อู๋ย่งว่า “พี่ท่าน ไม่หรอก แม้จะหยาบกระด้างไปบ้าง แต่น้ำใจมากล้น ไม่ไปอยู่ที่อื่นหรอก อีกสองวันคงกลับมา พี่ท่านวางใจ”
ซ่งเจียงเป็นห่วง จึงให้ไต้จงไปตามหาก่อน ต่อมาก็เรียก สือเชียน หลี่หยุน เยว่เหอ หวางติ้งลิ่ว แยกกันไปหาอีกสี่ทาง
หลี่ขุยถือขวานออกมาคืนนั้น ลัดเลาะทางน้อยมุ่งหน้ามาทางหลิงโจว ตรองว่า
“ขุนพลนกเขาสองคนนั่น ทำไมต้องเปลืองแรงทหารยกไปมากมาย ข้าคนเดียวเข้าเมืองไป เอาขวานจามใส่คนละทีก็สิ้นเรื่องแล้ว ให้พี่ท่านต้องตะลึง ข้าจะได้มีเรื่องโม้”
เดินมาครึ่งค่อนวัน ท้องเริ่มหิว รีบลงเขามา ลืมนำเงินติดตัวมาเสียอีก ด้วยไม่ต้องซื้ออะไรเสียนาน จึงคิดว่า
“คงต้องหานกเขาไรระบายอารมณ์หน่อยแล้ว”
เดินๆ ไป เห็นร้านอาหารอยู่ริมทาง หลี่ขุยเข้าไปนั่งในร้านสั่งเหล้ามาสามเจี่ยว เนื้อมาสองชั่ง กินเสร็จก็ลุกเดิน เด็กร้านยุดตัวไว้ทวงเงินค่าอาหาร
หลี่ขุยว่า “เดี๋ยวข้าไปค้าขายข้างหน้า ได้เงินแล้วจะเอามาใช้ให้” แล้วจะเดินหนี
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากหน้าร้านตะคอกว่า “ไอ้มืดนี่กล้านักนะ ใครเปิดร้านให้เจ้ามากินเปล่า ไม่ต้องจ่ายเงิน”
หลี่ขุยถลึงตาว่า “ไม่ว่าที่ไหน พ่อก็กินเปล่า”
ชายผู้นั้นว่า “ข้าบอกเจ้าไป คงขี้เยี่ยวแตก พ่อเป็นพวกผู้กล้าเหลียงซานชื่อหันป๋อหลง 韩伯龙 เงินทุนเปิดร้านนี่ พี่ซ่งเจียงออกให้”
หลี่ขุยฟังแล้วแอบขำ “ในค่ายข้า ใครรู้จักนกเขานี่วะ”
อันที่จริง หันป๋อหลงเป็นโจรปล้นชิงอยู่ในวงนักเลง อยากจะเข้าเป็นพวกเหลียงซาน จึงมาสามิภักดิ์ต่อตะเข้ดอนจูกุ้ย จะพาขึ้นเขาพบซ่งเจียง ก็พอดีป่วยมีแผลกลางหลัง ต่อมาก็วุ่นกับการบัญชาทัพ ยังไม่ได้จังหวะพาเข้าพบ จูกุ้ยจึงให้เปิดร้านอาหารรอไปก่อน
หลี่ขุยคว้าขวานจากเอวมาเล่มหนึ่ง มองหน้าหันป๋อหลงแล้วว่า “เอาขวานนี่จำนำไว้ก่อน”
หันป๋อหลงไม่รู้ว่าเป็นอุบาย ยื่นมือมารับ หลี่ขุยเงื้อขวานจามลงกลางแสกหน้า เสียดายหันป๋อหลงเก่งมาครึ่งชีวิต ต้องมาตายด้วยมือหลี่ขุย ลูกน้องสามคนวิ่งหนีไม่คิดชีวิต หลี่ขุยก้มเก็บค่าเดินทาง เผากระท่อมหญ้าทิ้ง แล้วมุ่งหน้าต่อมายังหลิงโจว
เดินมาไม่ถึงวันตามทางหลวง พบชายผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทางมองดูหลี่ขุยตั้งแต่หัวจรดเท้า หลี่ขุยเห็นเขามองดังนั้นจึงถามว่า “เจ้ามองพ่อหาอะไร”
ชายนั้นว่า “เจ้าเป็นพ่อใคร”
หลี่ขุยถลันเข้าหา ชายนั้นกำหมัดย่อตัวนั่งปักหลัก
หลี่ขุยคิดว่า “หมอนี่เชิงมวยดี” จึงนั่งลงกับพื้น เงยหน้าถามว่า “ผู้กล้าท่านนี้ ชื่อแซ่อะไร”
ชายนั้นว่า “พ่อไม่มีแซ่ จะตีก็ตี แน่จริงก็ลุกขึ้นมา”
หลี่ขุยโกรธจัด จะกระโดดลุกขึ้นก็ถูกชายนั้นเตะเข้าที่ชายโครง
หลี่ขุยตะโกนว่า “เอาชนะไม่ได้” ลุกขึ้นมาแล้วเดินหนี
ชายนั้นตะโกนให้หยุด ถามว่า “ผู้กล้าตัวดำ ท่านชื่อแซ่อะไร เป็นคนที่ไหน”
หลี่ขุยว่า “บอกไปแล้ว อย่าตกใจล่ะ ข้าพายุหมุนดำหลี่ขุยแห่งเหลียงซาน”
“แล้วท่านใช่หรือเปล่า อย่าโกหก”
“ท่านไม่เชื่อ ก็ดูขวานสองเล่มของข้า”
“หากท่านเป็นผู้กล้าเหลียงซานจริง มาทำอะไรคนเดียวแถวนี้”
“ข้าทะเลาะกับท่านพี่ จึงจะไปหลิงโจวฆ่าเจ้าคนแซ่ซ่าน แซ่เว่ย สองคน”
“ข้าฟังมาว่ามีทัพเหลียงซานยกไปแล้ว ท่านบอกชื่อมาว่าใคร”
“แม่ทัพที่ไปก่อนคือง้าวใหญ่กวนเสิ้ง ที่ตามหลังไปคือหัวเสือดาวหลินชง สัตว์หน้าครามหยางจื้อ”
ชายนั้นได้ฟัง จึงก้มกราบคำนับ หลี่ขุยจึงถามว่า “แล้วที่แท้ท่านชื่อแซ่อะไร”
ชายนั้นว่า “ผู้น้อยเดิมเป็นชาวเมืองจงซาน 中山府 เป็นนักมวยปล้ำ ถ่ายทอดในตระกูลมาสามชั่วคน ที่แสดงฝีมือไปเมื่อครู่ ก็คือที่พ่อถ่ายทอดสู่ลูก ไม่รับศิษย์คนนอก ปกติข้าไม่เคยไว้หน้าใคร ไปไหนไม่เคยยอมคน คนจึงเรียกข้าว่า ไม่ไว้หน้าเจียวถิ่ง 没面目焦挺
เร็วๆ นี้ ข้าได้ยินมาว่าที่เขาไม้ตายซาก 枯树山 (คูซู่ซาน) เมืองโค่วโจว 寇州 มีส้องโจรตั้งอยู่ นายโจรชอบฆ่าคน เปรียบเหมือนมรณะเทพ 丧门神 แซ่เป้า 鲍 ชื่อสวี้ 旭 ข้าคิดว่าจะไปร่วมเป็นพวกเขา”
หลี่ขุยว่า “ฝีมือท่านขนาดนี้ ทำไมไม่ไปสามิภักดิ์ท่านพี่ซ่งกงหมิงของพวกเรา”
เจียวถิ่งว่า “ข้าเคยคิดจะเข้าร่วมค่ายใหญ่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีลู่ทาง วันนี้ได้พบพี่ท่าน ยินดีติดตามพี่”
หลี่ขุยว่า “ข้ามีปากเสียงกับท่านพี่ซ่งกงหมิงแล้วลงเขามา ไม่ฆ่าใครสักคนจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร ท่านกับข้าไปเกลี้ยกล่อมเป้าสวี้ที่เขาไม้ตายซาก แล้วไปหลิงโจวด้วยกัน สังหารสองขุนพลซ่าน เว่ย แล้วค่อยกลับ”
เจียวถิ่งว่า “เมืองหลิงโจวมีทหารประจำการมาก ลำพังท่านกับข้าสองคน ให้มีฝีมือขนาดไหน ก็ไม่พอมือ ไปตายเสียเปล่า มิสู้เพียงไปเกลี้ยกล่อมเป้าสวี้แล้วกลับเขา จะดียิ่งกว่า”
ระหว่างคุยกันอยู่ สือเชียนไล่หลังมาทัน ตะโกนเรียกว่า “ท่านพี่เป็นห่วงมาก เชิญกลับเขาเถิด ตอนนี้คนออกตามหาท่านทั้งสี่ทิศ”
หลี่ขุยนำเจียวถิ่งมาทำความรู้จักกับสือเชียน
สือเชียนว่า “ท่านพี่ซ่งกงหมิงรออยู่”
หลี่ขุยว่า “ท่านมาด้วยกันก่อน ข้ากับเจียวถิ่งปรึกษากันแล้ว จะไปเกลี้ยกล่อมเป้าสวี้ก่อน แล้วค่อยกลับ”
สือเชียนว่า “ไม่ได้หรอก ท่านพี่รออยู่ กลับกันเถิด”
หลี่ขุยว่า “หากท่านไม่มาด้วยกัน ก็กลับไปบอกท่านพี่ให้รู้ไว้ก่อน ข้าค่อยตามไป”
สือเชียนจึงกลับไปรายงานก่อน หลี่ขุยกับเจียวถิ่งเดินทางต่อไปยังเขาไม้ตายซาก เมืองโค่วโจว
มรณะเทพเป้าสวี้ 丧门神鲍旭 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 24 ลำดับรวมที่ 60 เป็นหนึ่งในสิบเจ็ดรองแม่ทัพราบเขาเหลียงซาน ลำดับที่สอง
ไม่ไว้หน้าเจียวถิ่ง 没面目焦挺 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 62 ลำดับรวมที่ 98 เป็นหนึ่งในสิบเจ็ดรองแม่ทัพราบเขาเหลียงซาน ลำดับที่สิบหก
1
ตอนก่อนหน้า : ล้างแค้นกิเลน
https://www.blockdit.com/posts/66ebff50300af7b4486641b6
ตอนถัดไป : ขุนพลน้ำไฟ
https://www.blockdit.com/posts/66f538ab146f96c67d2b5d0a
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย