4 ต.ค. 2024 เวลา 04:00 • ธุรกิจ

‘ช้าง’ มุ่งเบอร์ 1 เบียร์ไทย ลุยโค่นบัลลังก์แชมป์เก่า หลังสู้ศึกกว่า 2 ทศวรรษ

ตลาดเบียร์ 2 แสนล้านบาท ระอุแล้วระอุเล่า เมื่อ "ศึกช้างชนสิงห์" ไม่เคยแผ่ว ล่าสุด เบียร์ช้างประกาศเป้าหมายขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ในไทยปี 2568 จะเป็นการเขย่าบัลลังก์ผู้นำเดิมในรอบ 16 ปี หลังจากบุญรอดบริวเวอรี่เป็นผู้นำตลาดรอบใหม่ปี 2551
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เป็นวลีที่ไม่เกินจริง ในการห้ำหั่นต่อสู้ เฉกเช่นกับ “การค้าขาย” ที่เปรียบเสมือนสงครามเช่นกัน แต่เป้าหมายคือการชิงยอดขาย กำไร และมุ่งครอง “บัลลังก์ผู้นำตลาด”
ธุรกิจทุกเซ็กเตอร์ล้วนมี “คู่แข่ง” ทั้งแกร่ง และอ่อนแอ ให้โค่นยากง่ายแตกต่างกัน ทว่า หนึ่งในสมรภูมสุดโหดและดุเดือดเลือดพล่าน ต้องยกให้น้ำเมาสีอำพัน หรือ “ตลาดเบียร์” เพราะมีมูลค่าระดับ 2 แสนล้านบาทถึง 2.6 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการใด จะหยิบข้อมูลจากแหล่งไหนมาอ้างอิง
ในงานแถลงแผนการดำเนินงานประจำปี 2568(ปีงบประมาณ 1 ต.ค.67-30 ก.ย.68)ของยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มและอาหารแห่งภูมิภาคอาเซียนอย่าง “บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)” ที่เผยยุทธศาสตร์ 6 ปี ภายใต้ “Sustainable Growth to PASSION 2030” มาพร้อมกับ 2 กลยุทธ์ “REACH Compettitvely” และ DIGITAL for Growth มีการปักหมุดลงทุนขยายกิจการในอาเซียน โฟกัสประเทศไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ด้วยกลุ่มสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร ผ่านการทุ่มงบก้อนโต 1.8 หมื่นล้านบาท
ทว่า ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากบรรดาแม่ทัพ นายกอง ได้ประกาศเป้าหมายสำคัญ ในการผลักดัน “เบียร์ช้าง” ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ “เบอร์ 1 เบียร์ไทย” ปี 2568
2 ยักษ์ใหญ่ “สิงห์-ช้าง” กินรวบตลาด 98%
ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ฉายภาพว่า การทำมาค้าขายในตลาดเบียร์ถือเป็น “ตลาดเปิด” อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา (เบียร์คาราบาว ของกลุ่มเสถียร เสถียรธรรมะ) จากเดิมผู้เล่นรายหลักเป็นธุรกิจไทย 2 ราย(ไทยเบฟและบุญรอดบริวเวอรี่หรือสิงห์)
แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ประกอบการอื่นที่เป็นต่างชาติอยู่ในสังเวียนด้วย ทั้งค่ายเบียร์จากยุโรป(ไฮเนเก้น) ที่เหลือเพียง 1 ราย(แม้มีคาร์ลสเบิร์ก แต่การทำตลาดค่อนข้างเงียบ) และเบียร์จากฟิลิปปินส์อีก 1 ราย(ซานมิเกล)
ทว่า ในมิติส่วนแบ่งทางการตลาดนั้น หากนับเพียง 2 รายของไทย ซึ่ง “ฐาปน” ขอรวบเป็น 3 รายไทย หลังมีน้องใหม่เข้ามาลงสนาม แต่ส่วนแบ่งการตลาดยังไม่มีนัยยะนัก รวมแล้วครองส่วนแบ่งมากถึง 98% และเป็นค่ายยุโรปประมาณ 1%
หลังจากมี “ผู้ท้าชิงใหม่” เข้ามาทำตลาดเบียร์ มองเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจ แต่เข้ามาแล้วรายใหม่จะเจาะตลาดหรือ Penetrade และสร้างจุดยืนของตัวเองได้แค่ไหน จะเดินต่ออย่างไร แม้จะมีสินค้าเข้าแถวหรือใน Pipeline เตรียมเสิร์ฟผู้บริโภค ด้วยเครือข่ายการค้าที่ดี เพื่อผลักดันเบียร์เข้าไปในท้องตลาด ยังต้องติดตาม เพราะเบื้องต้น “ผู้บริโภคเองไม่ได้ตอบสนอง”
“(เบียร์ช้าง)เราเองก็เป็นกลุ่มที่เคยผ่านสถานการณ์ดังกล่าว ที่ไม่ใช่เข้ามาโป้งเดียว แล้วทำทุกอย่างสำเร็จ”
โฆษณา