7 ต.ค. 2024 เวลา 11:01 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 165

ตีเมืองประชัน (1) จับฉลาก
ซ่งเจียงหารือเหล่าพี่น้องเรื่องการตั้งประมุขคนใหม่
อู๋ย่งว่า “ท่านพี่เป็นเอก เจ้าสัวหลูเป็นโท เหล่าพี่น้องก็เรียงต่อไปตามลำดับเดิม”
ซ่งเจียงว่า “ท่านโลกบาลเฉามีคำสั่งเสียว่า “หากผู้ใดจับตัวสื่อเหวินกงได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ก็คือประมุขเขาเหลียงซาน” บัดนี้ เจ้าสัวหลูจับเป็นโจรผู้นี้ นำกลับมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณท่านพี่เฉา ล้างแค้นเสร็จสิ้น จึงควรเป็นเอก ไม่ต้องพูดมากแล้ว”
หลูจวิ้นอี้ว่า “ผู้น้องอ่อนคุณธรรมด้อยสามารถ มิอาจรับตำแหน่งนี้”
ซ่งเจียงว่า “ใช่ว่าผู้แซ่ซ่งแสร้งถ่อมตน มีเงื่อนไขสามประการซึ่งผู้แซ่ซ่งมิอาจเปรียบท่านเจ้าสัวได้
ประการแรก ซ่งเจียงรูปร่างเตี้ยดำดูดุจดังไพร่ ท่านเจ้าสัวรูปงามสง่ามีราศี
ประการที่สอง ซ่งเจียงมีพื้นเพเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย (小吏 ไม่ใช่ขุนนาง 官) ต้องโทษหนีคดี เหล่าพี่น้องไม่ทอดทิ้งจึงได้มาเป็นประมุขรักษาการชั่วคราว ท่านเจ้าสัวมาจากครอบครัวมีฐานะร่ำรวยสูงส่ง แม้จะประสบเคราะห์ สวรรค์ยังเกื้อหนุน
ประการที่สาม ซ่งเจียงมีความรู้ด้านอักษรไม่พอทำนุบำรุงชาติ ความสามารถเชิงยุทธไม่อาจสยบผู้ใด แม้เรี่ยวแรงจับไก่ยังไม่มี มิอาจใช้หน้าไม้หรือธนู ท่านเจ้าสัวสามารถรับมือคู่ต่อสู้นับหมื่น รอบรู้สรรพตำราแต่โบราณ ทั่วหล้าต่างนับถือยำเกรง
ท่านพี่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม สมควรเป็นประมุขของค่าย วันหน้าหวนคืนสู่ราชสำนัก สร้างผลงาน เลื่อนขั้นตำแหน่ง นำพาพี่น้องรุ่งเรืองก้าวหน้า ซ่งเจียงยืนยันมั่นเหมาะ ขออย่าได้บ่ายเบี่ยง”
หลูจวิ้นอี้ก้มกราบกับพื้นแล้วว่า “พี่ท่านอย่าได้เกลี้ยกล่อมเสียเปล่าเลย ผู้แซ่หลูแม้ต้องตายก็มิอาจปฏิบัติตาม”
อู๋ย่งจึงว่า “พี่ท่านเป็นเอก เจ้าสัวหลูเป็นโท พี่น้องต่างยอมรับ หากพี่ท่านยังจะสละตำแหน่งอีก เหล่าพี่น้องคงท้อใจ”
อู๋ย่งมองดูสีหน้าพี่น้องแต่ละคนแล้ว จึงสรุปเช่นนี้
พายุหมุนดำหลี่ขุยตะโกนมาว่า “ข้าอยู่เจียงโจว สู้เสี่ยงตายติดตามท่าน เหล่าพี่น้องก็ล้วนยอมถอยให้หนึ่งก้าว ฟ้าข้าก็ไม่กลัว มัวโยนตำแหน่งไปมาทำนกเขาไร เดี๋ยวข้าอาละวาด แล้วแยกย้ายกันไปให้หมด”
อู่ซงเห็นอู๋ย่งส่งสายตามาก็ตะโกนว่า “ขุนนางนายทหารที่ติดตามพี่ท่าน หลายคนมีตำแหน่งพระราชทาน ยินยอมติดตามพี่ท่าน จะยอมติดตามผู้อื่นหรือ”
หลิวถังว่า “พวกเราที่ขึ้นเขาชุดแรกทั้งเจ็ด ยินยอมให้พี่ท่านเป็นเอก วันนี้ พี่ท่านไยมาสละตำแหน่ง”
(หลิวถังเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ็ดดาวร่วมธรรมที่ขี้นเขาชุดแรกๆ)
หลู่จื้อเซินตะโกนลั่นว่า “ถ้าพี่ท่านสละตำแหน่งให้ผู้อื่น ส่าเจียก็ขอลา”
ซ่งเจียงว่า “พวกท่านอย่าเพิ่งมากความ ข้าขอให้คำตัดสินของสวรรค์เบื้องบนเป็นข้อยุติ”
อู๋ย่งถามว่า “ความเห็นสูงส่งนั้นเป็นเช่นไร”
ซ่งเจียงว่า “บัดนี้ทรัพย์และเสบียงบนเขาเราเริ่มร่อยหรอ ทางตะวันออกของเหลียงซานเรามีเมืองสองแห่งที่เราไม่เคยไปยืมเสบียงมาก่อน จึงอุดมด้วยทรัพย์และเสบียง คือเมืองตงผิง 东平府 และเมืองตงชาง 东昌府 ข้ากับเจ้าสัวหลูจะจับฉลากเลือกเมือง ใครตีได้เมืองก่อน ให้ผู้นั้นขึ้นเป็นประมุข”
อู๋ย่งว่า “ก็ดี แล้วแต่สวรรค์บัญชา”
หลูจวิ้นอี้ว่า “อย่ากล่าวเช่นนั้น พี่ท่านเป็นประมุขเหลียงซาน ส่วนข้าแล้วแต่ท่านจะใช้สอย”
จึงให้ตุลาการหน้าเหล็กเผยเซวียนเขียนฉลากสองใบ จุดธูปบูชาสวรรค์ แล้วหยิบฉลากคนละใบ ซ่งเจียงได้เมืองตงผิง หลูจวิ้นอี้ได้เมืองตงชาง เหล่าพี่น้องไม่มีอะไรจะพูด
จากนั้นก็ให้จัดโต๊ะเลี้ยงฉลอง ระหว่างกินเลี้ยง ซ่งเจียงให้คัดเลือกพี่น้องที่จะไปตีเมืองทั้งสองทัพได้ว่า
ทัพใตับัญชาซ่งเจียงมี หลินชง ฮวาหยง หลิวถัง สื่อจิ้น สวีหนิง เอี้ยนซุ่น หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง หันเทา เผิงฉี่ ข่งหมิง ข่งเลี่ยง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า เสือเตี้ยหวาง อีจ้างชิง จางชิง ซุนเอ้อเหนียง ซุนซิน กู้ต้าเส่า สือหย่ง วี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่ว ต้วนจิ่งจู้ รวมยี่สิบห้าตัวนาย ทหารราบและทหารม้าหนึ่งหมื่น นายทัพน้ำสามนาย หยวนเสี่ยวเอ้อ หยวนเสียวอู่ หยวนเสี่ยวชี นำทหารน้ำเป็นกองหนุน
ทัพใต้บัญชาหลูจวิ้นอี้มี อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง กวนเสิ้ง ฮูหยันจว๋อ จูถง เหลยเหิง สว่อเชา หยางจื้อ ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ เซวียนจ้าน เห่าซือเหวิน เอี้ยนชิง หยางหลิน โอวเผิง หลิงเจิ้น หม่าหลิน เติ้งเฟย ซือเอิน ฝานยุ่ย เซี่ยงชง หลีกุ่น สือเชียน ไป๋เสิ้ง รวมยี่สิบห้าตัวนาย ทหารราบและทหารม้าหนึ่งหมื่น นายทัพน้ำสามนาย หลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่ง นำทหารน้ำเป็นกองหนุน
ขณะนั้นเป็นวันที่หนึ่งเดือนสาม แดดอุ่นลมดีหญ้าขจีเหมาะแก่การทำศึก
กล่าวถึงซ่งเจียงเดินทัพมายังเมืองตงผิง ตั้งค่ายห่างจากเมืองสี่สิบลี้ที่ตำบลอันซานเจิ้น 安山镇
ซ่งเจียงว่า “เจ้าเมืองตงผิงเฉิงว่านหลี่ 程万里 มีผู้บัญชาการทหารของเมืองเป็นชาวเหอตง เมืองส้างตั่ง 河东上党郡 แซ่ต่ง 董 ชื่อผิง 平 ใช้ทวนคู่เป็นอาวุธ จึงมีฉายาขุนพลทวนคู่ 双枪将 ห้าวหาญยิ่งนัก แม้เราจะเข้าตีเมืองเขาอยู่ แต่ข้าจะให้ทูตสองคนถือหนังสือไปแสดงไมตรี หากเกลี้ยกล่อมให้เขายอมจำนนได้ก็มิต้องเปลืองแรงรบ แต่หากมิยอม ถึงคราวเข่นฆ่าไม่ต้องว่ากัน ผู้ใดจะอาสาไปเป็นทูต”
ชายร่างสูงหนึ่งจ้างเอวหนา ก้าวออกมา
不好资财惟好义,貌似金刚离古寺。
身长唤做险道神,此是青州郁保四。
รูปลักษณ์มิน่าชมอุดมธรรม
เหมือนยักษ์ยืนประจำยามตามวิหาร
เทพส่งสู่คติภพสูงเอาการ
อาศัยย่านชิงโจว วี่เป่าสื้อ
วี่เป่าสื้อว่า “ผู้น้อยรู้จักต่งผิง ยินดีเป็นผู้ถือหนังสือไป”
อีกผู้หนึ่งร่างผอมแห้งก้าวออกมากล่าวว่า “ข้าขอไปกับท่าน”
蚱蜢头尖光眼目,鹭鸶瘦腿全无肉。
路遥行走疾如飞,扬子江边王定六。
หัวหลิมดังตั๊กแตนสองตากระจ่าง
แข้งขาอย่างนกกระยางช่างผอมแห้ง
เดินทางไกลไวดังธนูหลุดจากแล่ง
หวางติ้งลิ่วแห่งลุ่มน้ำหยางจื่อเจียง
ทั้งสองกล่าวว่า “พวกเรายังไม่เคยสร้างผลงานแก่ทางค่าย วันนี้ยินดีไปเป็นทูต”
ซ่งเจียงชอบใจยิ่ง ร่างหนังสือท้ารบ มีใจความขอยืมเสบียง ให้วี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่ว เป็นทูตถือไป
ทางด้านเมืองตงผิง เจ้าเมืองเฉิง 程太守 รู้ข่าวซ่งเจียงยกทัพมาตั้งค่ายที่ตำบลอันซานเจิ้น จึงเชิญผู้บัญชาการทหารขุนพลทวนคู่ต่งผิงมาหารือการศึก ระหว่างปรีกษากันอยู่ มีรายงานว่า “ซ่งเจียงให้ทูตถือหนังสือท้ารบมาส่ง”
เฉิงว่านหลี่รับสาส์นจากวี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่ว เปิดอ่านแล้วกล่าวกับต่งผิงว่า “เขาจะยืมเสบียงจากเมืองเรา ท่านว่าอย่างไร”
ต่งผิงโกรธจัด สั่งให้ลากออกไปตัดหัว
เจ้าเมืองเฉิงว่า “ไม่ได้ สองฝ่ายรบกัน ไม่สังหารทูต เป็นธรรมเนียมปฏิบัติแต่ไรมา เอาตัวไปโบยคนละยี่สิบทีแล้วไล่กลับไป ท่านว่าอย่างไร”
ต่งผิงยังไม่หายโมโห สั่งให้โบยวี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่ว จนเนื้อตัวแตก แล้วขับออกจากเมือง
ทั้งสองกลับมาถึงค่าย ร่ำไห้ฟ้องซ่งเจียง “เจ้าต่งผิงไร้มารยาท เหยียดหยามค่ายเรา”
ซ่งเจียงเห็นทั้งสองถูกโบยอยู่ในสภาพนั้น โกรธจัดใคร่ขยี้เมืองเสียให้ราบ บอกให้วี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่วขึ้นเกวียนกลับไปรักษาตัวที่ค่ายบนเขา
มังกรเก้าลายสื่อจิ้นลุกขึ้นกล่าวว่า “ผู้น้องเมื่อครั้งอยู่เมืองตงผิง ไปมาหาสู่สนิทสนมกับนางคณิกาผู้หนึ่งชื่อ หลี่ยุ่ยหลาน 李瑞兰 ผู้น้องจะนำเงินทองติดตัวลอบเข้าเมืองไปอาศัยอยู่กับนาง นัดหมายวันเวลาให้ท่านพี่เข้าตีเมือง พอต่งผิงยกออกรบ ข้าจะขึ้นไปวางเพลิงบนหอกลอง ประสานทั้งนอกและใน คงสำเร็จได้เมือง”
ซ่งเจียงว่า “ดีจริง”
สื่อจิ้นเตรียมเงินทองใส่ห่อผ้า ซ่อนอาวุธติดตัว แล้วอำลาเข้าเมือง
สื่อจิ้นเข้ามืองมาแล้วก็ตรงไปยังบ้านของหลี่ยุ่ยหลานที่ลานบันเทิงหว่าจื่อตะวันตก 西瓦子 ลุงใหญ่เห็นสื่อจิ้นก็ตกตะลึงก่อนจะเชิญเข้าด้านในแล้วเรียกบุตรสาวมาพบ หลี่ยุ่ยหลานเป็นโฉมงามสะท้านเมือง
万种风流不可当,梨花带雨玉生香。
翠禽啼醒罗浮梦,疑是梅花靓晓妆。
 
มากหมื่นเล่ห์เสน่หาน่าหลงใหล
เป็นไม้ดอกพาฝน หยกกลิ่นหอม
นกกระเต็นเต้นเตือนฝันจอมปลอม
หรือเหมยย้อมแต่งหน้ามาน่าฉงน
 
(ฝันหลอฝู 罗浮梦 ตำนานฝันว่าได้พบสาวงามที่หลอฝู)
หลี่ยุ่ยหลานนำสื่อจิ้นขึ้นไปนั่งชั้นบนแล้วว่า “นานเท่าไรแล้วที่ไม่เห็นแม้แต่เงา ฟังว่าท่านไปเป็นท่านอ๋องใหญ่อยู่บนเขาเหลียงซาน ทางการติดประกาศจับไปทั่ว สองวันมานี้ก็ลือกันใหญ่ว่า ซ่งเจียงจะมาตีเมืองยืมเสบียง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”
สื่อจิ้นว่า “ไม่อ้อมค้อม ตอนนี้ข้าก็เป็นหัวหน้าอยู่บนเขาเหลียงซาน แต่ยังไม่มีผลงาน ตอนนี้ท่านพี่จะมาตีเมืองยืมเสบียง ข้าจึงเล่าเรื่องเจ้าให้เขาฟัง นี่ข้าก็ตั้งใจมาสอดแนม เอาทองมาให้เจ้าห่อหนึ่ง อย่าแพร่งพรายไปล่ะ พรุ่งนี้เสร็จเรื่องแล้ว ข้าจะพาเจ้าทั้งครอบครัวขึ้นเขาไปเสวยสุข”
หลี่ยุ่ยหลานรับปากแบบเสียไม่ได้ เก็บทองขึ้น จัดสุราอาหารรับรอง แล้วก็ย่องมาคุยกับแม่ใหญ่ว่า
“ทุกครั้งมาเป็นลูกค้าก็เป็นคนดี วันนี้กลายมาเป็นคนร้าย ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องเล่น”
ลุงใหญ่ว่า “พวกซ่งเจียงเขาเหลียงซานก็ไม่ใช่จะตอแยได้ง่าย ตีเมืองไหน แตกทุกเมือง หากกระโตกกระตากไป แล้วเขาตีเมืองแตกขึ้นมา ไม่มาเล่นงานพวกเราหรือ”
ยายแม่เล้าด่าว่า “ตาเฒ่าโง่งม เคยรู้อะไรกับเขาบ้าง โบราณว่า “ผึ้งต่อยหน้าอก ต้องถอดเสื้อจัดการ” เรื่องชั่วปรากฎ ย่อมมิอาจปิดบัง ถือเป็นหลักทั่วไปว่า ต้องเอาตัวเองรอดไว้ก่อน เจ้ารีบไปแจ้งความยังที่ว่าการเมืองตงผิง ให้มาจับตัวเขาไป จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนในวันหน้า”
เฒ่าหลี่ว่า “เขาให้ทองเรามาตั้งเยอะ ไม่ช่วยเขาสักหน่อย แล้วจะซื้อเราเพื่ออะไร”
ยายแม่เล้าด่าว่า “เดรัจฉาน พูดอะไรเหมือนผายลม ที่สำนักเรานี่รับแขกเป็นพันเป็นหมื่น ใช่ว่าเขาคนเดียว ถ้าเจ้าไม่ไปแจ้งความ ข้าไปหน้าที่ว่าการเอง ตะโกนร้องทุกข์ พ่วงเอาเจ้าเข้าไปด้วย ”
เฒ่าหลี่ว่า “เจ้าอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย บอกลูกสาวให้รับรองเขาให้ดี อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น รอข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับตัวไปเสียก่อน แล้วค่อยไปฟ้องร้อง”
สื่อจิ้นเห็นหลี่ยุ่ยหลานเดินกลับขึ้นบันไดมา สีหน้าผิดปกติ จึงถามว่า “บ้านเจ้าคงไม่เกิดเรื่องอะไรละมัง ดูท่าทางตกใจแปลกๆ”
หลี่ยุ่ยหลานว่า “ข้าเดินขึ้นบันไดแล้วก้าวพลาด จึงตกใจนิดหน่อย”
可叹青楼伎俩多,粉头毕竟护虔婆。
早知暗里施奸计,错用黄金买笑歌。
ทอดถอนใจย่านโคมแดงแหล่งเล่ห์หลาย
นวลนางกลายหมายปกป้องนางแม่เล้า
แม้รู้ก่อนมีกลกะล่อนซ่อนบังเงา
คงไม่เอาทองคำแลกเพลงไยไพ
หลี่ยุ่ยหลานออดอ้อนย้อนความหลังครั้งแยกกันไปนาน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม มีเสียงฝีเท้าบนบันได นอกหน้าต่างมีเสียงตะโกน เจ้าหน้าที่สิบกว่าคนกรูกันมาเหมือนอินทรีโฉบเหยื่อ สื่อจิ้นไม่ทันตั้งตัวถูกจับมัดนำตัวมายังที่ว่าการเมืองตงผิง
เจ้าเมืองเฉิงแลเห็นก็ด่าว่า “เจ้านี่บังอาจนัก กล้ามาสอดแนมโดยลำพัง หากบิดาหลี่ยุ่ยหลานไม่มาแจ้งความ คงเกิดเภทภัยแก่ราษฎรแล้ว สารภาพมา ซ่งเจียงให้เจ้ามาทำอะไร”
สื่อจิ้นไม่ตอบ ต่งผิงจึงว่า “โจรพวกนี้ ไม่โบยไม่รับหรอก”
เจ้าเมืองตวาดลั่น “โบยให้หนัก”
ราชมัลเอาน้ำเย็นราดใส่น่อง แล้วโบยอย่างหนักหนึ่งร้อยที สื่อจิ้นปล่อยให้โบยแต่ไม่ยอมรับสารภาพ
ต่งผิงสั่งว่า “ใส่คาหมอนี่ ส่งเข้าคุกมหันตโทษ รอจับซ่งเจียงได้ ลงโทษพร้อมกัน”
ตอนก่อนหน้า : สังหารสื่อเหวินกง
ตอนถัดไป : สยบขุนพลทวนคู่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา