3 ต.ค. 2024 เวลา 10:57 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 164

ล้างแค้นโลกบาล (2) สังหารสื่อเหวินกง
วันรุ่งขึ้น สื่อเหวินกง ซูติ้งเสนอให้ตั้งมั่นในค่ายไม่ออกรบ แต่ไม่อาจทัดทานเจิงเซิงซึ่งต้องการแก้แค้นให้พี่ชายได้ สื่อเหวินกงจึงจำต้องสวมเกราะขึ้นม้าออกรบ ม้าของสื่อเหวินกงคือม้าสิงห์หยกส่องราตรีเดินทางได้พันลี้ที่ชิงมาจากต้วนจิ่งจู้ในคราวแรก
头上金盔耀日光,身披铠甲赛冰霜。
坐骑千里龙驹马,手执朱缨丈二枪。
สวมหมวกศึกสีทองส่องต้องแดด
ใส่เกราะแผดแสงหนาวราวน้ำแข็ง
ขี่ม้ามังกรพันลี้พ่วงพีแรง
ทวนพู่แดงในมือยาวจ้างสอง
สองทัพประจันหน้า อสนีบาตฉินหมิงเป็นผู้ที่ออกมารบกับสื่อเหวินกง สู้กันไปได้ยี่สิบกว่าเพลง ฉินหมิงกำลังตกจึงชักม้าหนี สื่อเหวินกงไล่ตามมาเอาทวนแทงถูกต้นขาฉินหมิงตกจากหลังม้า หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง หม่าหลิน เติ้งเฟย ขี่ม้าออกไปช่วย แม้จะช่วยฉินหมิงกลับมาได้ แต่การรบเช้านี้เสียทหารไปมาก จึงถอนทัพถอยมาตั้งค่ายใหม่ไกลจากจุดเดิมราวสิบลี้ ซ่งเจียงให้ฉินหมิงขึ้นรถกลับเขาไปพักรักษาตัว แล้วให้ตามตัวง้าวใหญ่กวนเสิ้ง มือทวนทองสวีหนิง อีกทั้งซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ สี่นายมาช่วยการศึก
ซ่งเจียงจุดธูปบูชาฟ้าทอยคำนาย อู๋ย่งอ่านลักษณะคำทำนายว่า “ศึกนี้ในที่สุดฝ่ายเรามีชัย แต่คืนนี้คงมีโจรปล้นค่าย”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนั้น ควรเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ”
อู๋ย่งว่า “พี่ท่านวางใจ ขอโปรดแจ้งข่าวไปยังอีกสามค่าย ทางด้านนี้ เย็นนี้ให้ตั้งค่ายตะวันออกตกอีกสองค่าย เซี่ยเจินค่ายซ้าย เซี่ยเป่าค่ายขวา คนที่เหลือให้ซุ่มอยู่ด้านนอก”
คืนนั้น ฟ้าใสจันทร์กระจ่าง ลมสงบไร้เมฆ สื่อเหวินกงคุยกับเจิงเซิงอยู่ในค่ายว่า
“ขุนพลโจรพ่ายแพ้ไปสองคน คงเสียขวัญ คืนนี้ควรฉวยโอกาสเข้าปล้นค่าย”
เจิงเซิงได้ฟังจึงเชิญซูติ้งจากค่ายเหนือ เจิงมี่ค่ายใต้ เจิงสว่อค่ายตะวันตก นำกำลังมาร่วมปล้นค่าย
ราวยามสอง ลอบยกออกจากค่าย ม้าให้ถอดกระพรวน ทหารสวมเกราะอ่อน ลอบเข้ามาในค่ายใหญ่ซ่งเจียง แต่ไม่เห็นมีใครจึงรู้ว่าต้องกลศึกเสียแล้ว รีบถอนกำลังกลับ อสรพิษสองหัวเซี่ยเจินด้านซ้าย แมงป่องสองหางเซี่ยเป่าด้านขวา หลีกว่างน้อยฮวาหยงด้านหลัง ล้อมวงเข้ามา เซี่ยเจินใช้สามง่ามแทงเจิงสว่อตกม้าตาย แล้ววางเพลิงเผาค่าย ทหารจากค่ายซ้ายขวา และด้านหลัง ล้อมสังหารทหารในวงล้อมอยู่ค่อนคืน สื่อเหวินกงจึงเล็ดลอดหนีกลับไปได้
ผู้เฒ่าเจิงพอรู้ว่าเสียลูกชายไปอีกคน ยิ่งโศกเศร้าทวีคูณ เช้าวันรุ่งขึ้นจึงบอกให้สื่อเหวินกงทำหนังสือยอมจำนน สื่อเหวินกงเองก็หวาดกลัวเสียแปดส่วน ร่างหนังสือเสร็จเร่งให้คนถือไปยังค่ายใหญ่ซ่งเจียง ซ่งเจียงให้รับหนังสือมาเปิดอ่านมีความว่า
“เจิงน่งประมุขเจิงโถวสื้อกราบคำนับท่านซ่งกงหมิง
เดิมทีบุตรชายโอหังลำพอง หยามศักดิ์ศรีท่าน จนท่านโลกบาลต้องยกทัพมา โดยหลักเหตุผล ก็ควรยอมจำนนเสียแต่ตอนนั้น แต่กลับมีไพร่พลลอบยิงธนูใส่ เมื่อรวมกับโทษที่ชิงม้ามา แม้มีร้อยปากก็ยากจะแก้ตัว แต่ทั้งนี้หาใช่เจตนาอันแท้จริงของข้าไม่
บัดนี้สุนัขดื้อรั้นก็ถึงแก่ชีวิตแล้ว จึงได้ส่งทูตมาขอสงบศึก หากท่านยินยอมถอนทัพ จักนำม้าทั้งหมดคืนแก่ท่าน อีกทั้งมอบเงินทองแพรพรรณปลอบขวัญเหล่าทหาร อย่าได้ต้องมาบาดเจ็บกันอีกทั้งสองฝ่าย จึงเรียนมาในหนังสือนี้ ขอโปรดพิจารณา”
ซ่งเจียงอ่านจบ ยังแค้นใจอยู่จึงฉีกทิ้งแล้วด่าว่า
“ฆ่าท่านพี่ของข้า ใครจะยอมรามือ ต้องล้างทั้งบาง จึงจะสาแก่ใจ”
อู๋ย่งว่า “ท่านพี่ผิดแล้ว พวกเรามารบเพื่อล้างแค้น บัดนี้ทางตระกูลเจิงทำหนังสือยอมจำนน ไยจะอาศัยความโกรธชั่วแล่น ละทิ้งคุณธรรม”
แล้วจึงทำหนังสือตอบ มอบเงินให้ทูตสิบตำลึงเงิน
ผู้เฒ่าเจิงและสื่อเหวินกงเปิดหนังสือตอบออกดูมีความว่า
“ซ่งเจียงแม่ทัพใหญ่เหลียงซานป๋อ ตอบหนังสือท่านเจิงน่งประมุขเจิงโถวสื้อ
บ้านเมืองอาศัยศรัทธาปกครองไพร่ฟ้า ขุนพลอาศัยความกล้าปราบปรามศัตรู คนไร้ธรรมเนียมเป็นด้วยเหตุใด ทรัพย์ไม่ชอบคลองธรรมมิควรครอบครอง เหลียงซานป๋อและเจิงโถวสื้อ มิเคยเคืองแค้นกันมาแต่เดิม แต่ละฝ่ายต่างรักษาเขตแดนของตน ขุนพลของท่านทำผิดไปครั้งหนึ่ง ก่อความแค้นเคืองเหลือคณา แม้นต้องการสงบศึกจริง ให้ส่งมอบม้าที่ชิงไปทั้งสองครั้ง อีกทั้งมอบตัววี่เป่าสื้อผู้กระทำอุกอาจชิงม้า มอบเงินทองแพรพรรณชดเชยเหล่าทหาร ด้วยความจริงใจ จึงเลิกแล้วบรรเทา แม้หากผิดคำ ย่อมยังซึ่งผลลัพธ์”
ผู้เฒ่าเจิงและสื่อเหวินกงเห็นหนังสือตอบแล้วยังเป็นกังวล วันรุ่งขึ้นจึงส่งทูตมาเจรจาว่า
“แม้นยินยอมสงบศึก ขอให้ส่งคนมาเป็นตัวประกัน”
ซ่งเจียงไม่ยอม แต่อู๋ย่งว่า “ไม่มีปัญหา”
แล้วให้สือเชียน หลี่ขุย ฝานยุ่ย เซี่ยงชง หลีกุ่น ห้าคนไปเป็นตัวประกัน
ก่อนออกเดินทาง อู๋ย่งเรียกสือเชียนมากระซิบข้างหู แล้วกำชับว่า “ปฏิบัติตามนี้ อย่าได้ผิดพลาด”
กวนเสิ้ง สวีหนิง ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ พอดีมาถึง จึงเข้าพักในค่าย
ทางด้านสือเชียนและพวกอีกสี่คนมาพบผู้อาวุโสเจิง สือเชียนเป็นตัวแทนกล่าวว่า “ท่านพี่มีบัญชา ให้สือเชียนนำหลี่ขุยและพวกทั้งสี่มาเจรจาสงบศึก”
สื่อเหวินกงว่า “อู๋ย่งใช้มาทีเดียวห้าคน คงต้องมีแผน”
หลี่ขุยโกรธจัด จับตัวสื่อเหวินกงแล้วจะลงมือ ผู้เฒ่าเจิงรีบมาห้ามไว้
สือเชียนว่า “หลี่ขุยแม้หยาบกระด้าง แต่เป็นผู้รู้ใจท่านพี่ซ่งกงหมิง จึงได้ให้มา ขออย่าได้ระแวง”
ผู้เฒ่าเจิงต้องการเจรจาสงบศึก จึงไม่สนใจคำเตือนของสื่อเหวินกง ให้จัดสุราอาหารรับรอง แล้วเชิญไปพำนักที่วัดฝ่าหัว ให้ทหารห้าร้อยคนล้อมวัดเฝ้าไว้
ให้เจิงเซิงนำตัววี่เป่าสื้อมาพบซ่งเจียงเพื่อเจรจาสงบศึก นำม้าที่ชิงไปทั้งสองครั้งส่งมอบคืนให้ อีกทั้งเงินทองแพรพรรณค่าชดเชย
ซ่งเจียงเห็นม้าแล้วจึงว่า “ม้าเหล่านี้เป็นเพียงม้าที่ชิงไปในครั้งที่สอง ยังมีม้าที่ชิงไปจากต้วนจิ่งจู้ในครั้งแรก ม้ามังกรขาวพันลี้สิงห์หยกส่องราตรี ทำไมจึงไม่ส่งมา”
เจิงเซิงว่า “เป็นม้าที่ท่านอาจารย์ใช้ขี่ จึงไม่ได้ส่งมา”
ซ่งเจียงว่า “ท่านรีบทำหนังสือส่งกลับไปให้เร่งนำม้ามาคืน”
เจิงเซิงเขียนหนังสือให้ผู้ติดตามนำกลับไปขอรับม้า สื่อเหวินกงตอบมาว่า “ม้าอื่นไม่เสียดาย แต่ม้านี้ไม่ให้” ผู้เดินสารจึงต้องไปกลับหลายเที่ยว ทางซ่งเจียงก็ยืนกรานต้องการม้านี้
สื่อเหวินกงตอบมาในท้ายที่สุดว่า “หากยืนยันต้องการม้านี้ ขอให้เลิกทัพกลับไป ข้าจะนำม้านี้ไปส่งคืน”
ซ่งเจียงจึงหารือกับอู๋ย่งยังไม่เป็นที่ยุติ ก็มีรายงานมาว่า “มีกองทัพยกมาจากชิงโจว และหลิงโจว”
ซ่งเจียงว่า “หากพวกนั้นรู้เข้า คงเปลี่ยนใจ”
จึงแอบสั่งการให้กวนเสิ้ง ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ นำทัพไปรับทัพจากชิงโจว ให้ฮวาหยง หม่าหลิน เติ้งเฟย นำทัพไปรับทัพจากหลิงโจว
แอบสั่งให้นำตัววี่เป่าสื้อมาพบ พูดจาแสดงความมีน้ำใจเต็มเปี่ยมกล่าวเกลี้ยกล่อมวี่เป่าสื้อว่า
“หากท่านยินยอมสร้างผลงานครั้งนี้ ท่านจะได้เป็นหนึ่งในเหล่าหัวหน้าแห่งค่ายของเรา ความแค้นเรื่องชิงม้า หักธนูสาบานให้เลิกแล้วกันไป แม้นหากไม่ยินยอมร่วมมือ เจิงโถวสื้อแตกวันใด ก็สุดแต่ใจท่าน”
วี่เป่าสื้อฟังข้อเสนอแล้ว ก็เต็มใจคำนับรับฟังคำสั่ง อู๋ย่งจึงบอกอุบายให้ว่า “ท่านจงทำทีหนีกลับค่าย ไปบอกกับสื่อเหวินกงว่า “ข้ากับเจิงเซิงไปเจรจาสงบศึกที่ค่ายซ่งเจียง สืบรู้ข้อเท็จจริงแล้วว่า เจตนาของซ่งเจียงเพียงต้องการม้าตัวนี้คืน หาใช่ต้องการสงบศึกโดยแท้จริง หากส่งคืนไปแล้ว เขาคงกลับคำแน่ บัดนี้มีข่าวว่าทางชิงโจว หลิงโจวส่งทัพมาช่วย คงต้องว้าวุ่นเป็นแน่ ควรใช้อุบาย อย่าให้เสียโอกาส” หากเขาเชื่อท่าน ข้าย่อมมีวิธีรับมือ”
วี่เป่าสื้อรับคำสั่งแล้ว ก็ตรงกลับมายังค่ายแจ้งสื่อเหวินกงตามที่อู๋ย่งบอกมา สื่อเหวินกงจึงพาวี่เป่าสื้อมาพบผู้เฒ่าเจิง เพื่อยืนยันว่า ซ่งเจียงไม่มีเจตนาเจรจาสงบศึก ขอให้ฉวยโอกาสนี้เร่งตีค่าย
ผู้เฒ่าเจิงว่า “เจิงเซิง บุตรชายข้ายังอยู่ที่ค่ายนั่น หากกลับคำตอนนี้ คงถูกสังหาร”
สื่อเหวินกงว่า “เมื่อตีค่ายเขาแตก ก็เท่ากับช่วยได้แล้ว คืนนี้นัดให้ทุกค่ายทุ่มกำลังพร้อมกัน ยึดค่ายใหญ่ซ่งเจียงได้ ก็เหมือนงูถูกตัดหัว ที่เหลือก็ไม่มีความหมาย กลับมาค่อยฆ่าหลี่ขุยกับพวกทั้งห้าก็ยังไม่สาย”
ผู้เฒ่าเจิงว่า “แผนของท่านครูฝึกดียิ่งนัก” แล้วจึงสั่งการให้ซูติ้งค่ายเหนือ เจิงขุยค่ายตะวันออก เจิงมี่ค่ายใต้นำกำลังมาปล้นค่ายด้วยกัน
ทางด้านวี่เป่าสื้อก็ไปยังวัดฝ่าหัวทำทีไปดูพวกหลี่ขุย แล้วแอบแจ้งข่าวให้แก่สือเชียนและพวก
ทางด้านซ่งเจียงถามอู๋ย่งว่า “ไม่รู้ว่าแผนนี้สำเร็จไหม”
อู๋ย่งว่า “หากวี่เป่าสื้อไม่กลับมา แสดงว่าพวกเขาต้องอุบายแล้ว คืนนี้ต้องมาปล้นค่ายเรา พวกเราก็ซุ่มรอไว้ทั้งสองฝั่ง แล้วให้หลู่จื้อเซิน อู่ซงหักเอาค่ายทิศตะวันออก จูถง เหลยเหิงหักเอาค่ายทิศตะวันตก ให้หยางจื้อ สื่อจิ้นเข้าชิงค่ายเหนือ นี่เรียกว่า หมาเทศล่ารัง 番犬伏窝 ใช้ร้อยครั้งได้ผลร้อยครั้ง”
คืนนั้น สื่อเหวินกงนำซูติ้ง เจิงมี่ เจิงขุย ระดมกำลังทั้งสิ้นยกมา เป็นคืนแสงจันทร์มืดสลัว แสงดาวมัวซัวไม่กระจ่าง สื่อเหวินกง ซูติ้งนำหน้า เจิงมี่ เจิงขุยตามหลัง ม้าถอดกระพรวน ทหารสวมเกราะอ่อน ทุ่มกำลังมายังค่ายหลวงซ่งเจียง พอมาถึงเห็นประตูค่ายเปิดอยู่ ไม่พบใครสักคน จึงรู้ว่าต้องอุบาย รีบหันหลังกลับ
ทางเจิงโถวสื้อมีเสียงฆ้องกลองดัง สือเชียนปีนขึ้นไปบนหอระฆังวัดฝ่าหัวตีระฆังเป็นสัญญาณ ประตูฝั่งตะวันออกและตกมีเสียงปืนใหญ่ดัง เสียงทหารไม่รู้จำนวนโห่ร้องบุกเข้ามา ด้านในวัดฝ่าหัว พวกสือเชียน หลี่ขุย ฝานยุ่ย เซี่ยงชง หลีกุ่น บุกออกมา
สื่อเหวินกงพาพวกกลับมาถึงก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้ว ผู้เฒ่าเจิงพอรู้ว่าพวกเหลียงซานบุกเข้ามาได้ ก็ชิงผูกคอตายไปเสีย เจิงมี่รีบมาดูทางค่ายตะวันตก ถูกจูถงใช้ดาบพอเตาแทงตาย ส่วนเจิงขุยที่รีบไปทางตะวันออก ขณะชุลมุนกลับถูกม้าเหยียบตาย ซูติ้งไปดูค่ายทางเหนือ ต้องซอกแซกไปลำบากเพราะเต็มไปด้วยหลุมพรางที่ขุดเอาไว้ หลู่จื้อเซิน อู่ซง ไล่หลังมา ด้านหน้าหยางจื้อ สื่อจิ้น ก็ให้ใช้ธนูระดมยิงถูกซูติ้งตาย ทหารติดตามถูกกวดตาม ถูกระดมยิง จึงตกหลุมตายกันเป็นจำนวนมาก
สื่อเหวินกงขี่ม้าเร็วพันลี้หนีได้ไวออกมาทางประตูตะวันตก ฟ้าคลุ้งไปด้วยควันไฟ จึงควบหนีโดยไม่รู้เหนือใต้มาได้ราวยี่สิบกว่าลี้ ได้ยินเสียงม้าล่อดังมาจากหลังดงไม้ มีทหารโผล่มาราวห้าร้อยคน ตัวหัวหน้าถือกระบองหวดมายังขาม้า ม้ามังกรพันลี้เห็นกระบองกวาดมาก็โผนข้ามหัวไป
สื่อเหวินกงควบหนีไปอยู่นั้น เมฆดำก่อตัวเป็นชั้นชั้น ไอเย็นเป็นระลอกระลอก หมอกมัวเป็นกลุ่มกลุ่ม ลมกรรโชกเป็นห้วงห้วง มีเงาคนยืนขวางทางอยู่ สื่อเหวินกงชักม้ากลับ แต่เหนือใต้ออกตกกลับปรากฎวิญญาณเฉาไก้โผล่มาสกัดทางไว้ สื่อเหวินกงชักม้ากลับทางเก่า พบคนเสเพลเอี้ยนชิงยืนสกัดทางอยู่ แล้วหลูจวิ้นอี้ก็โผล่มาตะโกนว่า “โจรชั่ว จะหนีไปไหน” แล้วใช้ดาบพอเตาแทงถูกต้นขาตกม้า ตามมาเอาเชือกมัดตัวพากลับมาเจิงโถวสื้อ เอี้ยนชิงจูงม้ามังกรกลับมาด้วย
ซ่งเจียงแลเห็น ทั้งดีใจทั้งโกรธ ดีใจที่หลูจวิ้นอี้เป็นผู้จับตัวสื่อเหวินกงได้ โกรธที่นึกถึงว่าสื่อเหวินกงคือผู้ที่สังหารโลกบาลเฉา คู่อาฆาตพบกัน ถลึงตาจ้องกัน
ซ่งเจียงให้นำตัวเจิงเซิงมาตัดหัวเสียตรงนั้น คนในบ้านตระกูลเจิงทั้งใหญ่น้อยสังหารให้สิ้นไม่มีเหลือ เก็บกวาดทรัพย์สินเงินทอง ธัญพืชและเสบียงบรรดามีใส่รถบรรทุกกลับเหลียงซาน แจกจ่ายรางวัลเหล่าหัวหน้าและทหารอย่างถ้วนหน้า ด้านกวนเสิ้ง ฮวาหยงที่ยกทัพไปขับไล่ทัพชิงโจว หลิงโจว ก็กลับมาโดยสวัสดิภาพ เหล่าพี่น้องอยู่ครบหน้าไม่มีใครขาดหาย ที่สำคัญได้ม้าสิงห์หยกส่องราตรีกลับมามีค่าเหนือทรัพย์อื่นใด จึงให้นำสื่อเหวินกงขังในรถนักโทษ ยกทัพกลับเหลียงซาน
พอกลับมาถึง ร่วมชุมนุมที่หอธรรมภักดิ์ ซ่งเจียงให้บัณฑิตหัตถ์เทวะเซียวย่างเขียนคำสักการะ ให้ทุกคนในค่ายทั้งตัวนายและไพร่พลแต่งชุดไว้ทุกข์ นำตัวสื่อเหวินกงมาแหวะอกควักหัวใจออกเซ่นไหว้เฉาไก้
เสร็จพิธีแล้ว ก็หารือเหล่าพี่น้องถึงการตั้งประมุขคนใหม่
ตอนก่อนหน้า : ห้าทัพบุกตลาด
ตอนถัดไป : จับฉลาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา