Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
14 ต.ค. 2024 เวลา 02:23 • ประวัติศาสตร์
บทบาทที่ถูกลืมของจีนในสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อนหน้าที่ “สงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII)” จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ในจีนเมื่อปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) ก็เป็นช่วงเวลาที่นักประวัติศาสตร์หลายรายมองว่าคือจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2
1
เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
หลังจาก “สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)” เมื่อปีค.ศ.1894-1895 (พ.ศ.2437-2438) ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนก็ตึงเครียดมาโดยตลอด
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)
จีนเองก็กำลังวุ่นวายกับความขัดแย้งภายในประเทศ โดย “พรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang)“ นำโดย ”เจียงไคเช็ค (Chiang Kai-shek)” ก็กำลังก่อสงครามกลางเมืองกับกองทัพคอมมิวนิสต์ของ “เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)“
ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็ได้เข้ารุกราน “แมนจูเรีย (Manchuria)” ซึ่งเป็นดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) และตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด
ฝ่ายญี่ปุ่นได้รุกคืบเข้ามายังตอนเหนือของจีนในภายหลังจากที่ก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ซึ่งต่อมาในปีค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) เจียงไคเช็คได้ถูกฝ่ายคอมมิวนิสต์จับเป็นตัวประกัน ทำให้เจียงไคเช็คต้องยอมเป็นพันธมิตรกับคอมมิวนิสต์ ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น
กองทัพญี่ปุ่นในแมนจูเรีย
วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) กองทัพญี่ปุ่นได้ทำการฝึกซ้อมรบในเวลากลางคืนในบริเวณที่ห่างจากปักกิ่งไปประมาณ 16 กิโลเมตร ใกล้กับสะพานมาร์โค โปโล (Marco Polo Bridge)
แต่ทหารนายหนึ่งเกิดพลัดหลง ทำให้กองทัพญี่ปุ่นวุ่นวาย ต้องออกตามหาทหารที่พลัดหลง ซึ่งญี่ปุ่นก็ขอให้ทางการจีนให้ความร่วมมือ
แต่ทางการจีนปฏิเสธที่จะให้ญี่ปุ่นเข้ามาตามหาทหารในปราการว่านผิง ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจ และจุดประกายให้เกิด “สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (Second Sino-Japanese War)”
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (Second Sino-Japanese War)
ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ กองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้าปิดล้อมปักกิ่ง ก่อนจะเข้ายึดเมืองเซี่ยงไฮ้ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) หากแต่จีนก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ฝ่ายจีนได้ทำการต้านญี่ปุ่นอย่างสุดกำลัง ซึ่งญี่ปุ่นก็โต้กลับอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งที่โด่งดังและฉาวโฉ่ที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ “การสังหารหมู่ที่นานกิง (Nanjing Massacre)” ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480)
กองทัพญี่ปุ่นได้บุกเข้ามาในเมืองนานกิง และในช่วงเวลาหกสัปดาห์ ทหารญี่ปุ่นก็ได้ทำการสังหารทหารและพลเรือนชาวจีนไประหว่าง 200,000-300,000 คน ส่วนผู้หญิงอีกนับหมื่นถูกข่มขืน
การสังหารหมู่ที่นานกิง (Nanjing Massacre)
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นรุกคืบไปทางใต้และตะวันตกในปีต่อมา ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) กองทัพจีนก็ดูจะต้านทานไม่ไหว เป็นรองกองทัพญี่ปุ่นในทุกด้าน
กองทัพจีนในเวลานั้นขาดทั้งพันธมิตรและอาวุธ ทำให้ต้องถอยทัพไปเรื่อยๆ
แต่ดูเหมือนโชคจะเริ่มเข้าข้างจีนบ้างแล้ว เนื่องจากกองทัพญี่ปุ่นก็ยังไม่สามารถรุกคืบมาได้มากเท่าไร ทำได้เพียงยึดเมืองท่าและเมืองใหญ่ทางใต้ของปักกิ่งได้เท่านั้น ในขณะที่กองทัพคอมมิวนิสต์จีนทางเหนือและภาคกลางก็ได้ใช้ยุทธวิธีการรบแบบสงครามกองโจรต่อกองทัพญี่ปุ่นในแมนจูเรียและภาคเหนือ
นอกจากนั้น พันธมิตรต่างแดนยังเริ่มจะเข้ามาสนับสนุนจีน โดยฝ่ายสหภาพโซเวียตนั้น ถึงแม้จะรบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ก็ส่งอาวุธมาให้พรรคก๊กมินตั๋ง
ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) และค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) สหรัฐอเมริกาก็ได้สนับสนุนอาวุธแก่จีน และยังกีดกั้นการค้าสินค้าสำคัญๆ เช่น เครื่องบินรบ น้ำมัน และเหล็ก กับญี่ปุ่น ทำให้ในเวลาต่อมา ญี่ปุ่นได้ทำการโจมตีฐานทัพอเมริกันในเหตุการณ์ “เพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)”
นักประวัติศาสตร์ได้วิเคราะห์ว่า หากจีนยอมแพ้ตั้งแต่ปีค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) บางที ทิศทางของสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจจะพลิกไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นหมายถึงว่าญี่ปุ่นก็จะไม่ต้องลำบากในการรับมือกับการต่อต้านจากจีน ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ นั่นก็เพราะว่าญี่ปุ่นก็จะไม่ต้องกระหายทรัพยากรมากขนาดนั้นเนื่องจากสหรัฐอเมริกาก็จะไม่ต้องกีดกันการค้ากับญี่ปุ่นตั้งแต่แรก
และหากไม่มีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาก็จะไม่มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหากใครจะบอกว่าสหรัฐอเมริกาตั้งใจจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่แล้ว แต่หากไม่มีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาก็จะไม่มีข้ออ้างในการเข้าร่วมสงคราม
เพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)
หลังจากเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก็ได้จับมือเป็นพันธมิตรต่อต้านญี่ปุ่น ทำให้ทั้งเงินทุน ทรัพยากร และบุคลากรระดับมันสมองหลั่งไหลเข้าสู่จีนเพื่อช่วยในการรบกับญี่ปุ่น โดยประธานาธิบดี “แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)” ถึงกับนับให้จีนเป็นตำรวจโลกรายที่สี่ โดยสามรายแรกคือสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพโซเวียต
เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นตรงข้ามกับที่คาดการณ์ สถานการณ์ฝ่ายญี่ปุ่นก็มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ จำนวนทหารในจีนก็ลดลง อีกทั้งยังเริ่มจะต้านรับกองทัพจีนไม่ไหว
ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องรีบยอมแพ้โดยทันที
1
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ก็ได้มีการประเมินความเสียหายของจีนจากสงครามโลกครั้งที่ 2 พบว่าสงครามทำให้คนจีนกว่า 100 ล้านคน หรือ 1 ใน 6 ของประชากรในเวลานั้น ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน อพยพออกจากถิ่นฐานของตน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตก็อยู่ระหว่าง 12-14 ล้านคน แต่หลักฐานบางฉบับก็ระบุว่าสูงถึง 20 ล้านคนเลยทีเดียว
แต่การพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นก็ไม่ได้หมายความว่าจีนจะสงบสุขซะทีเดียว ยังคงเกิดสงครามกลางเมืองในจีน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตุงสามารถโค่นรัฐบาลของเจียงไคเช็คได้ในปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492)
และในขณะที่จีนและสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนจากพันธมิตรกลายเป็นศัตรู ภาพจำของจีนในฐานะหนึ่งในสมาชิกฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
และนี่ก็คือประวัติศาสตร์บทหนึ่งที่แสดงให้เห็นบทบาทของจีนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งหลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว
References:
https://www.history.com/news/china-role-world-war-ii-allies
https://edition.cnn.com/2015/08/31/opinions/china-wwii-forgotten-ally-rana-mitter/index.html
https://www.ox.ac.uk/news/arts-blog/chinas-second-world-war-forgotten-story-0
https://www.globaltimes.cn/content/936247.shtml
ประวัติศาสตร์
3 บันทึก
24
4
3
24
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย