แล้วในที่สุด สิ่งที่แฟนมวยปล้ำ WWE เมืองไทยถามถึงก็ได้คำตอบ เมื่อ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชื่อดังระดับโลก เตรียมนำมวยปล้ำของ WWE มาสตรีมถ่ายทอดสดให้ชมในปี 2025 ทั้งรายการรายสัปดาห์ RAW, Smackdown!, NXT หรือกระทั่งศึกใหญ่แบบ Royal Rumble, WrestleMania และ Summerslam ก็จะมีให้ชมด้วยเช่นกัน
การจับมือกันของ WWE และ Netflix ถือเป็นดีลที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการมวยปล้ำสไตล์ สปอร์ต เอนเตอร์เทน ไปทั่วโลก ทุกฝ่ายมีแต่ได้กับได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้บริโภค และที่มาที่ไปเป็นอย่างไร Main Stand จะพาไปหาคำตอบ
ดีลสะท้านโลก 5,000 ล้าน
ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม 2024 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Netflix และ TKO Group ผู้ถือสิทธิ์ของ WWE ประกาศจับมือกัน โดยระบุว่า มวยปล้ำของ WWE ไม่ว่าจะเป็นโชว์รายสัปดาห์อย่าง RAW, Smackdown! และโชว์ของเหล่าดาวรุ่งกำลังพัฒนา NXT จะถูกนำมาออนแอร์แบบสด ๆ ทาง Netflix ทุกสัปดาห์ ดูพร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 เป็นต้นไป
รายงานเผยว่า Netflix ทุ่มทุนสร้างควักเงินซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดโชว์มวยปล้ำของ WWE จำนวน 10 ปี มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เล่นเอาสถานีทีวีเจ้าต่าง ๆ ที่อยากได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมวยปล้ำของ WWE ต้องม้วนเสื่อยอมแพ้กลับบ้านไป เช่นเดียวกับ USA Network สถานีทีวียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่ถ่ายทอดสดรายการ RAW อยู่ ก็จะฉายไปจนถึงสิ้นปี 2024 ก่อนหมดสัญญาแล้วส่งต่อให้ Netflix
อย่างไรก็ตาม ทาง USA Network ยังมีดีลปลอบใจ คือการได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการ Smackdown! ในสหรัฐอเมริกาจนถึงปี 2029 ส่วน NXT ในสหรัฐอเมริกาจะฉายทาง The CW จนถึงปี 2029 เช่นกัน หลังจากนั้นก็จะส่งต่อให้ Netflix ต่อไป
เดิมที Netflix จะเริ่มฉายมวยปล้ำของ WWE ที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร และ ละตินอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ WWE ต้อนรับปีใหม่ 2025 แต่อันที่จริงแล้ว ดีลนี้จะทำให้ Netflix ได้ลิขสิทธิ์ฉายมวยปล้ำของ WWE ไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่แฟนมวยปล้ำไทยซึ่งเป็นสมาชิกของ Netflix ก็จะได้ชมมวยปล้ำที่พวกเขาชื่นชอบในสตรีมมิ่งยี่ห้อนี้ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เช่นเดียวกับศึกใหญ่ Royal Rumble, WrestleMania และ Summerslam ก็จะชมสดและดูย้อนหลังได้ด้วย
แต่เมื่อจบศึก WrestleMania 40 ความนิยมของ WWE ของทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น กระแสตอบรับในโชว์รายสัปดาห์ของทั้ง RAWกับ Smackdown! เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะอยากติดตามดูนักมวยปล้ำยุคปัจจุบันอย่าง โคดี้ โรดส์, กุนเธอร์, เซมี่ เซน, เจย์ อูโซ่ ว่ามีเส้นทางอย่างไรต่อไป เสมือนดูละครภาคต่อ ขณะที่อีเวนต์ในต่างประเทศเช่น Backlash ที่ฝรั่งเศส, Clash at the Castle ที่สกอตแลนด์ และ Bash in Berlin คนดูก็ส่งเสียงกันดังกระหึ่ม และเชียร์กันแบบถึงรสยิ่งกว่าคนดูในอเมริกาเสียอีก
เช่นเดียวกับอีเวนต์ที่ญี่ปุ่น ที่ WWE ตัดสินใจกลับไปทำอีเวนต์ที่แดนปลาดิบอีกครั้งในรอบ 5 ปี กระแสตอบรับจากแฟนมวยปล้ำที่ญี่ปุ่นก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ตั๋วเข้าชม Sold Out ที่โตเกียวและโอซาก้า แฟนมวยปล้ำมารอต่อคิวซื้อของที่ระลึกกันตั้งแต่เช้าจนของหมดเกลี้ยง แล้วเมื่อถึงคิวที่เหล่าซูเปอร์สตาร์ออกมาขึ้นเวที ก็ส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่นจนทีมงาน WWE ประทับใจอย่างมาก
นั่นเลยทำให้ WWE ต้องการขยายฐานแฟนคลับต่างประเทศของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ซึ่งพวกเขาวางแผนกันมาตั้งแต่ปี 2023 แล้ว ก่อนจะได้ Netflix มาช่วยเติมเต็มให้โชว์มวยปล้ำของ WWE ออกไปสู่วงกว้างยิ่งกว่าเดิม ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีสมาชิกจ่ายค่าบริการรับชมอยู่มากกว่า 277 ล้านคนทั่วโลก