18 ต.ค. เวลา 05:03 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

F20 ทำไม เราไม่ค่อยได้ยินชื่อ เสียง

เครื่องบิน F-20 Tigershark ใช้ชื่อเรียกขาน (callsign) ว่า "Tigershark" ครับ มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นหนึ่งที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Northrop ในสหรัฐฯ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและราคาประหยัดกว่าสำหรับประเทศพันธมิตร แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากการแข่งขันกับเครื่องบิน F-16 ที่ได้รับความนิยมมากกว่า
เครื่องบิน F-20 Tigershark ไม่ได้รับความนิยมในประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากโครงการนี้ถูกยกเลิกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ F-20 ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย ได้แก่:
1. การแข่งขันกับ F-16: เครื่องบิน F-16 Fighting Falcon ซึ่งพัฒนาโดย General Dynamics ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลสหรัฐฯ และถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ทำให้ประเทศต่าง ๆ เลือกซื้อ F-16 แทน F-20
2. การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ: โครงการ F-16 ได้รับการสนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่า F-20 ซึ่งส่งผลให้ประเทศที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เลือกใช้ F-16 ที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการทดสอบในสนามรบแล้ว
3. โครงการถูกยกเลิกก่อนผลิตเต็มรูปแบบ: แม้ว่า F-20 จะเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพง และง่ายต่อการบำรุงรักษา แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกก่อนที่จะสามารถขายได้ในตลาดต่างประเทศ จึงไม่มีโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ได้นำมาใช้
เนื่องจากโครงการ F-20 สิ้นสุดลงไปนานแล้ว จึงไม่มีการผลิตหรือใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ ที่เลือกซื้อเครื่องบินรบในช่วงเวลานั้นและในปัจจุบันมักจะพิจารณาเครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ อย่าง F-16, F-35 หรือรุ่นอื่น ๆ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยกว่าครับ
F20
เครื่องบิน F-20 Tigershark ไม่ได้รับความนิยมในประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากโครงการนี้ถูกยกเลิกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ F-20 ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย ได้แก่:
1. การแข่งขันกับ F-16: เครื่องบิน F-16 Fighting Falcon ซึ่งพัฒนาโดย General Dynamics ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลสหรัฐฯ และถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ทำให้ประเทศต่าง ๆ เลือกซื้อ F-16 แทน F-20
2. การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ: โครงการ F-16 ได้รับการสนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่า F-20 ซึ่งส่งผลให้ประเทศที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เลือกใช้ F-16 ที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการทดสอบในสนามรบแล้ว
3. โครงการถูกยกเลิกก่อนผลิตเต็มรูปแบบ: แม้ว่า F-20 จะเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพง และง่ายต่อการบำรุงรักษา แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกก่อนที่จะสามารถขายได้ในตลาดต่างประเทศ จึงไม่มีโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ได้นำมาใช้
เนื่องจากโครงการ F-20 สิ้นสุดลงไปนานแล้ว จึงไม่มีการผลิตหรือใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ ที่เลือกซื้อเครื่องบินรบในช่วงเวลานั้นและในปัจจุบันมักจะพิจารณาเครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ อย่าง F-16, F-35 หรือรุ่นอื่น ๆ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยกว่าครับ
F20
F-20 Tigershark มีจุดอ่อนบางประการที่ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับ F-16 Fighting Falcon ได้ ซึ่งส่งผลให้ประเทศต่างๆ เลือก F-16 มากกว่า F-20:
1. การสนับสนุนจากรัฐบาล: รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุน F-16 อย่างมากในการขายให้กับต่างประเทศ เนื่องจากเป็นโครงการหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในขณะที่ F-20 ถูกมองว่าเป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นโดย Northrop แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนในระดับเดียวกัน
2. ความสามารถในการรบ: แม้ว่า F-20 จะถูกออกแบบให้มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยและง่ายต่อการบำรุงรักษา แต่มันมีข้อจำกัดในด้านความสามารถการรบเมื่อเทียบกับ F-16 โดยเฉพาะในด้านของพิสัยการบินและความสามารถในการบรรทุกอาวุธ F-16 มีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจหลากหลายรูปแบบ ทั้งการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดิน ซึ่งทำให้ได้รับความนิยมมากกว่า
3. พิสัยการบินที่สั้นกว่า: F-20 มีพิสัยการบินที่สั้นกว่า F-16 ซึ่งหมายความว่ามันไม่สามารถปฏิบัติภารกิจในระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากับ F-16 นอกจากนี้ ความจุเชื้อเพลิงภายในของ F-16 ยังมากกว่า ทำให้ F-16 สามารถทำภารกิจต่อเนื่องได้นานขึ้นโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อย
4. จำนวนลูกค้าและต้นทุนการผลิต: F-16 ถูกผลิตและใช้งานโดยประเทศต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งทำให้มีการลดต้นทุนต่อหน่วยในการผลิต ขณะที่ F-20 ไม่มีคำสั่งซื้อจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของ F-20 สูงกว่า F-16
5. ความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้ว: F-16 ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพในการรบจริงหลายครั้ง ในขณะที่ F-20 ยังไม่ได้รับโอกาสทดสอบในสนามรบ การที่ F-16 ได้แสดงผลการรบที่ดี ทำให้ประเทศต่างๆ มีความมั่นใจในการเลือกใช้ F-16 มากกว่า
แม้ว่า F-20 จะมีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่าง แต่ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ F-20 ไม่สามารถเทียบกับ F-16 ในแง่ของประสิทธิภาพโดยรวมและความนิยมในการใช้งานระดับนานาชาติได้ครับ
shooter
ปัจจุบันไม่มีประเทศใดใช้งาน F-20 Tigershark อยู่ เนื่องจากโครงการนี้ถูกยกเลิกก่อนที่จะมีการผลิตในเชิงพาณิชย์หรือการนำไปใช้ในทางการทหารอย่างแพร่หลาย
หลังจากการพัฒนาระหว่างปี 1982-1986 มีการสร้างต้นแบบเพียง 3 ลำเท่านั้น และไม่มีประเทศใดที่ซื้อ F-20 เพื่อใช้งานจริง โครงการนี้ถูกยกเลิกเนื่องจากปัญหาทางการตลาด การแข่งขันกับ F-16 และการขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
เครื่องบิน F-20 จึงไม่ได้มีการนำไปใช้งานในกองทัพใด และปัจจุบันต้นแบบเหล่านั้นก็ถูกเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์การบินหรือโครงการวิจัยต่าง ๆ
F-20 Tigershark ถูกออกแบบมาให้เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาประหยัด และง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา มันเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก F-5 Tiger II โดยมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อให้เหมาะกับการขายให้แก่พันธมิตรของสหรัฐฯ นี่คือรายละเอียดของสมรรถนะของ F-20:
1. เครื่องยนต์: F-20 ใช้เครื่องยนต์ General Electric F404 หลังการเผาไหม้ (afterburning) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกันกับที่ใช้ใน F/A-18 Hornet ให้กำลังขับ 17,000 ปอนด์ (lbf) พร้อมกับระบบ afterburner ทำให้มีความเร็วสูงสุดถึง Mach 2.1 (ประมาณ 2,175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
2. พิสัยการบิน: F-20 มีพิสัยการบินที่ราว 1,640 กิโลเมตร (ด้วยเชื้อเพลิงภายใน) ซึ่งถือว่าสั้นกว่าเครื่องบินรุ่น F-16 แต่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติการในระยะใกล้และปานกลาง นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งถังเชื้อเพลิงเสริม (drop tank) เพื่อเพิ่มพิสัยการบินได้
3. ระบบเรดาร์และอิเล็กทรอนิกส์: F-20 ใช้เรดาร์ General Electric AN/APG-67 ซึ่งเป็นเรดาร์มัลติฟังก์ชันที่สามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายได้หลายแบบ มีความแม่นยำสูงในด้านการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดิน นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการยิงและอุปกรณ์ช่วยเล็งอาวุธที่ทันสมัยในสมัยนั้น
4. การบรรทุกอาวุธ: F-20 สามารถบรรทุกอาวุธได้สูงสุด 6,000 ปอนด์ (ประมาณ 2,700 กิโลกรัม) ทั้งอาวุธโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดิน เช่น ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder, ขีปนาวุธอากาศสู่พื้น Maverick, ระเบิดทั่วไป หรือระเบิดนำวิถี นอกจากนี้ยังติดตั้งปืน M39A2 ขนาด 20 มม. จำนวน 2 กระบอก สำหรับการรบระยะประชิด
5. ความคล่องตัว: F-20 มีความคล่องตัวสูงจากการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย น้ำหนักเบา และมีความทนทาน มันสามารถไต่ระดับได้รวดเร็วถึง 52,000 ฟุตต่อนาที ทำให้เหมาะสมกับภารกิจการรบหลายรูปแบบในระยะสั้น
6. เวลาเตรียมพร้อมปฏิบัติการ: หนึ่งในจุดแข็งของ F-20 คือความพร้อมในการปฏิบัติการที่รวดเร็ว สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และขึ้นบินได้ในเวลาประมาณ 60 วินาที ซึ่งเร็วกว่าหลายๆ รุ่นในสมัยนั้น ทำให้มันเหมาะสำหรับการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินทางอากาศ
7. ระบบควบคุมการบิน: F-20 ใช้ระบบควบคุมการบินดิจิทัลสมัยใหม่ (fly-by-wire) ทำให้มีความแม่นยำในการควบคุมและการบินที่เสถียร รวมถึงลดความผิดพลาดของนักบินในสถานการณ์เร่งด่วน
แม้ว่าจะมีสมรรถนะที่ดีและเป็นตัวเลือกที่มีราคาประหยัดเมื่อเทียบกับเครื่องบินรบอื่นๆ ในยุคนั้น แต่การขาดการสนับสนุนและการแข่งขันกับ F-16 ที่ได้รับความนิยมสูง ทำให้ F-20 ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างแพร่หลายครับ
fligher F20
ในช่วงที่เครื่องบิน F-20 Tigershark ถูกพัฒนา ราคาต่อเครื่องประมาณ 15-20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ในยุคทศวรรษ 1980) ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และระบบเสริมที่ติดตั้ง
เมื่อเทียบกับ F-16 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีราคาประมาณ 18-20 ล้านเหรียญสหรัฐ F-20 ถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินรบที่มีต้นทุนต่ำกว่าในด้านการบำรุงรักษาและใช้งาน แต่ F-16 มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในหลายด้าน ทำให้หลายประเทศเลือกใช้ F-16 แทน แม้ราคาจะใกล้เคียงกัน
แน่นอน! ราคาของ F-20 Tigershark ในช่วงที่พัฒนาอยู่ที่ประมาณ 15-20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากเราคิดอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ (ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงตามเวลา) ราคาจะประมาณ:
15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ = 15,000,000 x 35 = 525,000,000 บาท
20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ = 20,000,000 x 35 = 700,000,000 บาท
ดังนั้นราคาของ F-20 Tigershark จะอยู่ระหว่างประมาณ 525,000,000 - 700,000,000 บาท ต่อเครื่อง ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และระบบเสริมที่ติดตั้งครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากแชท gpt และภาพสวยๆจากพี่ไพบูลย์มากๆครับ
on top to target
โฆษณา