9 พ.ย. 2024 เวลา 05:00 • สิ่งแวดล้อม

จากเมืองบาปสู่เมืองรักษ์โลก ‘ลาสเวกัส’ ลงทุนเพื่อความยั่งยืน ต้นแบบเมืองโซลาร์เซลล์-จัดการน้ำ

“ลาสเวกัส” เมืองที่ใครต่างติดภาพว่าเป็นเมืองคนบาป เต็มไปด้วยกาสิโนที่ไม่เคยหลับใหล ความฟุ่มเฟือย และความสุขสำราญ แต่เมืองแห่งนี้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในการผลักดันโครงการด้านความยั่งยืน ตั้งแต่การอนุรักษ์น้ำ การจัดการขยะ ไปจนถึงพลังงานแสงอาทิตย์
ความพยายามดังกล่าวเริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2548 และถูกเร่งดำเนินการด้วยพระราชบัญญัติการฟื้นฟูในปี 2552 ที่ออกโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งกำหนดเป้าหมายสำหรับพลังงานหมุนเวียน การอนุรักษ์น้ำ การรีไซเคิล และอาคารสีเขียว
แม้ว่าประชากรในเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การใช้น้ำก็ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน ภายในปี 2573 คาดว่า 50% ของไฟฟ้าทั้งหมดในรัฐเนวาดาจะผลิตจากทรัพยากรหมุนเวียน โดยเฉพาะไฟส่องสว่างตามท้องถนนที่ใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า
ขณะที่รีสอร์ตส่วนใหญ่ก็หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ตามที่รัฐสนับสนุน ด้วยโปรแกรมลดหย่อนภาษีทรัพย์สิน 50% เป็นเวลา 10 ปี นอกจากนี้รีสอร์ตยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของรัฐในการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 40% ซึ่งส่วนใหญ่ทำได้เกิน 40% ซึ่งนโยบายนี้ทำให้ลาสเวกัสได้ก้าวไปไกลมากในช่วงเวลาเพียงไม่นาน
ลาสเวกัสเป็นเมืองที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ต่อหัวได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เป็นรองเพียงโฮโนลูลู ของฮาวาย โดยในแต่ละปีลาสเวกัสมีแสงแดดมากถึง 320 วัน
MGM Resorts International บริษัทด้านการบริการและความบันเทิงได้พัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 100 เมกะวัตต์ ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าและจ่ายไฟให้กับโรงแรมในเครือ 11 แห่งในลาสเวกัส ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานที่ใช้กับบ้าน 27,000 หลัง
นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำได้ 16,000 ล้านแกลลอนตั้งแต่ปี 2007 เป็นผลมาจากนโยบายการใช้น้ำที่เข้มงวด รวมถึงการเปลี่ยนหญ้าเป็นสายพันธุ์ที่เป็นมิตรกับภูมิประเทศที่เป็นทะเลทราย ติดตั้งก๊อกน้ำประหยัดน้ำในโรงแรมทุกแห่ง และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและน้ำพุเบลลาจิโอ น้ำพุที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง
รีสอร์ตหลายแห่งในลาสเวกัสใช้พลังงานแสงอาทิตย์และประหยัดน้ำจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับเมืองทะเลทรายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ลาสเวกัสกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการอนุรักษ์น้ำอย่างมีประสิทธิผล
โฆษณา