9 พ.ย. 2024 เวลา 07:00 • ไลฟ์สไตล์

CEA เปิดโผคน 5 Gen ผู้กำหนด 'เทรนด์โลก 2025' อยากอินไซต์ต้องเข้าใจทุกเจน!

ในยุคที่หลายกระแสมาเร็วไปเร็ว พฤติกรรมผู้บริโภคต่างๆ เริ่มมีความปัจเจกและเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเกิดปรากฏการณ์ในแต่ละเจเนอเรชันที่ต้องเร่งศึกษา ทำความเข้าใจ และนำมาปรับใช้ทั้งในภาคธุรกิจ เศรษฐกิจ ภาคสังคม ไปจนถึงระดับบุคคล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นโอกาสที่สำคัญต่อการสร้างแรงบวกในการเติบโต และยังช่วยให้ทุกคนพร้อมรับมือกับโลกแห่งอนาคตอีกด้วย
เพื่อฉายภาพปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับแต่ละเจเนอเรชัน โครงการ “คิด” Creative Thailand ภายใต้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA จึงชวนเจาะลึก 5 ไฮไลต์สำคัญของคนในแต่ละรุ่นที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและการบริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2025 จากอีบุ๊ก เจาะเทรนด์โลก 2025 หรือ Trend 2025: “BEYOND IMAGINATION
📌 Baby Boomers (1946 - 1964) 'ฮิปสเตอร์วัยเกษียณ'
ผลสำรวจจาก Pew Research Center เผยข้อมูลสำคัญว่า เจน Baby Boomers กว่า 85 เปอร์เซ็นต์ เช็กสมาร์ตโฟนและออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน และกว่า 31 เปอร์เซ็นต์ ออนไลน์อยู่ตลอดเวลา และกลุ่มบูมเมอร์ยังเป็นกลุ่มที่ปรับตัวเข้าหาระบบออนไลน์ และ e-commerce ได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะแค่เพียงปี 2024 ที่ผ่านมาผู้คนที่อายุมากกว่า 65 ปีใช้จ่ายไปกับการช้อปสินค้าออนไลน์เฉลี่ย 187 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ก้าวกระโดดจากเมื่อ 3 ปีก่อน และมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นได้อีก โดยสินค้าที่ผู้บริโภคบูมเมอร์นิยมช้อปก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นผู้บริโภคที่มีสัดส่วนมาก
นอกจากนี้ กลุ่มบูมเมอร์โดยเฉพาะผู้ที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในสินค้ากลุ่มสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart device) ที่ช่วยตรวจจับข้อมูลสุขภาพ โดยคนกลุ่มนี้อาจจะมีกำลังซื้อมากถึง 15.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 และความสนใจด้านสุขภาพของกลุ่มบูมเมอร์ไม่ได้สะท้อนผ่านการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ช่วยตรวจจับข้อมูลสุขภาพแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนผ่านกลุ่มสินค้าและบริการที่พวกเขาให้ความสนใจด้วย
โดยรายงานจาก Worldpanel ชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มสินค้าที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้น่าจะสนใจมากที่สุด คือสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มที่เกี่ยวกับการดูแลร่างกายและความสวยความงาม ส่วนกลุ่มบูมเมอร์ที่มีกำลังซื้อสูงอาจจะมองไปถึงเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์การชะลอวัย ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความสวยงาม แต่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง อย่างเช่นเทคโนโลยีการฟื้นฟูเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ เป็นต้น
1
📌 Generation X (1965 – 1980) 'สนามอารมณ์วัยเก๋า'
สาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มเจนเอ็กซ์กลายเป็นสนามอารมณ์ของยุคนี้ เป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่กลุ่มบูมเมอร์เริ่มลดบทบาทลง และกลุ่มเจนเอ็กซ์กลายเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจแทนทั้งในแวดวงวงธุรกิจและอิทธิพลทางการเมือง แต่สิ่งที่เจนเอ็กซ์แตกต่าง คือการรับมือกับภาวะดังกล่าวที่ดีกว่าบูมเมอร์ ทำให้การตอบโต้ของคนเจนเอ็กซ์จะเน้นไปที่การอธิบาย การรับฟังเพื่อให้เกิดการแก้ไขไปในแนวทางที่ดีขึ้น หรือ เลือกที่จะนิ่งเฉยมากกว่าการปะทะจนเกิดปัญหา
📌 Millennials (1980 - 1995) 'คนเหนื่อย 2025'
วิกฤตวัยสามสิบ (Tri-Life Crisis) เป็นชะตากรรมร่วมของกลุ่มคนมิลเลนเนียล ที่ต้องเผชิญทั้งความเครียดจากการทำงาน ความคาดหวังต่อความมั่นคงทางการเงิน การสร้างครอบครัว และกรอบความสำเร็จอีกมากมายที่ต้องทำให้ได้ในช่วงวัย 30 ปี แต่จากงานวิจัยโดย Stylist ที่สำรวจกลุ่มผู้หญิงในวัย 30 ปีขึ้นไปพบว่า มีเพียง 34 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ทำตามเป้าหมายดังกล่าวได้ ความเหนื่อยล้ากับเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินจะแบกนี้
1
ส่งผลให้คนเจนมิลเลนเนียลเริ่มปรับมุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จจากเป้าใหญ่สู่เป้าความสำเร็จรายวัน หรือเป้าความสำเร็จที่ทำได้ในระยะสั้นๆ เพื่อเป็นพลังใจให้ตัวเองไปต่อได้เรื่อยๆ นั่นจึงทำให้หลายแบรนด์ที่เริ่มจับสัญญาณนี้ได้ทัน จึงออกแคมเปญทางการตลาดเพื่อส่งเสริมแนวคิดนี้ อย่างเช่นแบรนด์ Tracksmith ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์การวิ่งซึ่งได้ออกแคมเปญเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าทำลายสถิติการวิ่งของตนเองในแต่ละฤดูกาล เพื่อรับส่วนลดการซื้อสินค้าในฤดูกาลถัดไป เป็นต้น
📌 Gen Z (1996 - 2011) 'ผู้ปั้นเทรนด์ในโลกดิจิทัล'
ในขณะที่คนวัย 30 ต้องเผชิญกับวิกฤตความสำเร็จ น้องๆ ช่วงวัย 20 ปี ที่เพิ่งจะก้าวสู่โลกการทำงาน
ก็ต้องเจอกับวิกฤต “First Job Crisis” ภาวะการณ์ปรับตัวเข้ากับสังคมและการทำงานไม่ทันท่วงทีหลังโควิด – 19 ระบาด ทำให้กลุ่มเจนซีกลายเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่จะถูกคัดออกจากที่ทำงานหากบริษัทจำเป็นต้องลดจำนวนคน สอดคล้องกับผลสำรวจจาก WGSN และ UNICEF ที่รายงานว่า เจนซีและเซนเนียล (กลุ่มมิลเลนเนียลช่วงปลาย คาบเกี่ยวกับคนเจนซี) กว่า 44 เปอร์เซ็นต์ หางานได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับวัยเดียวกันในยุคพ่อแม่
📌 ALPHA (2010 - 2024) 'ผู้กุมชะตาโลกอนาคต'
แม้กลุ่มอัลฟายังไม่ใช่ผู้มีอำนาจการซื้อหลักในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ก็นับเป็นกลุ่มที่แบรนด์ นักการตลาด และนักโฆษณาจะต้องเริ่มให้ความสนใจ เพราะในปี 2025 กลุ่มอัลฟาจะมีจำนวนถึง 2.2 พันล้านคน และจะกลายเป็นกลุ่มเจเนอเรชันที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และอีก 5 ปีถัดไป เจนอัลฟารุ่นแรกจะมีอายุครบ 20 ปี ซึ่งพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน และเริ่มมีอิทธิพลในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
โฆษณา