17 พ.ย. 2024 เวลา 14:14 • อสังหาริมทรัพย์

สุดช็อค! 5 เมืองใหญ่ที่มีการขายอสังหาริมทรัพย์ในราคาสูงที่สุดในโลก (2024)

คุณมีความฝันว่าอยากจะซื้อบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ในต่างประเทศหรือไม่ ถ้าหากคุณยังมีความฝันนั้น บทความนี้อาจเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจของคุณ
ในปัจจุบันนี้ อสังหาริมทรัพย์ในที่ต่างๆ แม้กระทั่งในไทยเองนั้น มีราคาสูงมากๆ ซึ่งราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 6.321 ล้านบาท และอาจจะสูงขึ้นไปอีกในอนาคต เช่นเดียวกันกับ 5 เมืองนี้ที่ทางหลายๆ เว็บไซต์ลงความเห็นว่าเป็นเมืองที่ขายอสังหาริมทรัพย์แพงที่สุด แต่ก่อนที่เมืองเหล่านี้จะได้ตำแหน่งนี้ไป อีกทั้งยังกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสำคัญอย่างมากในโลกยุคปัจจุบันนั้น แต่ละเมืองมีประวัติความเป็นมา(สั้นๆ) อย่างไรบ้างและสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นคืออะไร บทความนี้มีคำตอบ
1. Monaco
https://www.lonelyplanet.com/monaco
ราคาเฉลี่ยอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทอยู่ที่ประมาณ 2.09 ล้านบาท ซึ่งราคาอพาร์ตเมนต์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.08 ล้านบาท
โมนาโกได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1861 ทำให้ผู้นำในยุคนั้นต้องเริ่มวางระบบเศรษฐกิจใหม่ แต่สังเกตได้เลยว่าโมนาโกมีพื้นที่แค่ 0.81 ตารางไมล์ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก อีกทั้งทรัพยากรธรรมชาติแทบไม่มี ทำให้พวกเขาเล็งเห็นลู่ทางธุรกิจแบบใหม่ที่ยังผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศนั่นก็คือ ‘คาสิโน‘
เกิดการสร้างคาสิโนขึ้นที่ Monte Carlo บวกกับสร้างทางรถไฟสายใหม่จากกรุงปารีสมายังโมนาโก ทำให้นักเสี่ยงโชคทั้งหลายทั่วทั้งยุโรปหลั่งไหลกันเข้ามาจนทำให้ประเทศมีรายได้และร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม พอถึงปีค.ศ. 1869 โมนาโกได้ออกกฎหมายยกเลิกภาษีเงินได้และภาษีมรดก ส่วนภาษีธุรกิจจะเก็บในอัตราที่ต่ำมาก สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้มหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาอยู่อาศัยและหมุนเวียนแลกฝากเงินกับธนาคารภายในประเทศ
มีกิจกรรมสุดพิเศษในโมนาโกให้ทำหลายอย่างทั้งล่องเรือยอร์ช ชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม เสี่ยงโชคที่คาสิโน และชมการแข่งขันโมนาโก กรังด์ปรี (การแข่งรถ Formula 1)
การแข่งขัน Monaco Grand Prix ในสมัยก่อน credit: https://www.artphotolimited.com/uk-en/fine-art-photography/sport/sports-cars/photo/archives-sudouest/motor-racing-in-monaco-between-1930-and-1950
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง
1. เป็นประเทศที่มีเหล่ามหาเศรษฐีมาทำกิจกรรมและอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากติดอันดับต้นๆ ของโลก
2. พื้นที่ในประเทศมีจำนวนจำกัดทำให้เป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่มากที่สุดในโลกและต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยจนเป็นเหตุให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นทุกๆ ปี
2. Hong Kong Island
https://www.pelago.com/th/hong-kong-things-to-do-d17/
ราคาเฉลี่ยของอพาร์ตเมนต์อยู่ที่ประมาณ 5.9 แสนบาท
ย้อนกลับไปในช่วงที่จีนกับอังกฤษรบกันในสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ในครั้งนี้เองที่จีนแพ้และต้องเสียเกาะฮ่องกงให้กับอังกฤษ ในครั้งที่ 2 จีนแพ้รบอีกครั้ง ทำให้เสียเอกราชบนคาบสมุทรเกาลูน อังกฤษพัฒนาทั้งเกาะฮ่องกงและเกาลูนให้กลายเป็น Transhipment Port หรือท่าเรือแบบถ่ายลำ เป็นศูนย์รวมในการเก็บและกระจายสินค้าของจักรวรรดิอังกฤษ แต่แล้วความพ่ายแพ้นี้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านกลายเป็นกบฏไท่ผิง ซึ่งความไม่สงบนี้ก็ทำให้พ่อค้า นายทุน ช่างฝีมือและแรงงานชาวจีนอพยพไปอยู่ฮ่องกงกันมากขึ้น
ในปีค.ศ. 1898 ฮ่องกงและเกาลูนแออัดไปด้วยผู้คน เกิดความยากลำบากสำหรับการทำมาหากินและการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ทำให้มีการเจรจาต่อรองของอังกฤษต่อจีนนำไปสู่สัญญาเช่าเกาะฮ่องกง เกาลูน และเขตดินแดนใหม่ (New Territories) เป็นระยะเวลา 99 ปี (ค.ศ. 1898-1997)
ฮ่องกงมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าและศูนย์กลางทางการค้าก่อนจะหันมาพัฒนาเป็นศูนย์กลางกางเงินในยุคสมัยใหม่ พอถึงปลายทศวรรษ 1970 ฮ่องกงก็กลายเป็น 1 ใน 4 เสือแห่งเอเชีย
ภาพวิถีชีวิตของผู้คนในฮ่องกงสมัยก่อน credit: https://www.scmp.com/lifestyle/arts-culture/article/2179832/hidden-details-historic-hong-kong-photos-revealed-old-hong
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง
1. ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงิน ทำให้ผู้คนเข้ามาหางานทำกันเยอะมากโดยเฉพาะชาวจีน กลายเป็นว่ามีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นและส่งผลต่อมูลค่าของที่ดินและที่พักอาศัยซึ่งราคาสูงมาตั้งแต่อดีต
2. เกิดจากกลไกการจัดสรรที่ดินของรัฐบาลฮ่องกง รัฐบาลจำกัดที่ดินในการสร้างที่อยู่อาศัย ทำให้ความต้องการขายน้อยกว่าความต้องการซื้อ ดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงสูงขึ้นอยู่เสมอ
(ต่อจากข้อ 2) ข้อมูลจากองค์กร Remote Sensing Laboratory ของฮ่องกงระบุว่า ในปัจจุบันฮ่องกงมีพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างประมาณ 65.5% แบ่งเป็นพื้นที่ป่า 24.6% พื้นที่ไม้พุ่ม 35.4% พื้นที่หญ้า 5.5% และพื้นที่กว่า 40% นั้น รัฐบาลกันไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียว ฉะนั้นจะเหลือพื้นที่ให้สร้างสิ่งปลูกสร้างได้แค่ 34.5% และมีเพียง 7% เท่านั้นที่ถูกจัดสรรให้สร้างที่อยู่อาศัย
3. มีระบบการเปิดประมูลที่ดินให้เช่าซึ่งเอื้อให้กับนายทุนใหญ่ รวมทั้งฮ่องกงเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองที่อยู่อาศัยได้โดยไม่มีโควต้ากำกัด ทำให้ชาวต่างชาติหลั่งไหลกันเข้ามาซื้อที่พักอาศัยและปล่อยเช่าเก็งกำไร
3. New York City
https://nyc.eu/plan/good-to-know/history-new-york/
ราคาเฉลี่ยอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาท
ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 1624 บริษัท East West India Company ของจักรวรรดิดัตช์ ส่งประชากรของพวกเขามาลงหลักปักฐานในหมู่คนอพยพกลุ่มเล็กบนเกาะ Nutten ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า เกาะ Governors และพวกเขาตั้งชื่อพื้นที่นี้ว่า New Amsterdam จนกระทั่งในปีค.ศ. 1664 การมาถึงของจักรวรรดิอังกฤษบนพื้นที่นี้ ได้แย่งชิงเมือง New Amsterdam จากดัตช์มาได้และตั้งชื่อใหม่แทนชื่อเดิมว่า New York
ในช่วงทศวรรษ 1840s-1850s เกิดกระแสการอพยพเข้ามายังนิวยอร์กครั้งใหญ่ ผู้อพยพในตอนแรกเริ่มมาจากเยอรมนีและไอร์แลนด์ตามด้วยประเทศทางใต้และทางเหนือของยุโรป พวกเขาเหล่านี้อาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่มีกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เริ่มมีการทำธุรกิจ เข้าร่วมสมาคมการค้าและองค์กรทางการเมือง รวมทั้งสร้างโบสถ์และสโมสรสังคม พอถึงช่วงศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มมีผู้อพยพมาจากเอเชีย แอฟริกา ประเทศแถบทะเลแคริบเบียนและลาติน
อเมริกา ส่งผลให้ให้ประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นิวยอร์กเป็นเมืองท่าที่มีอำนาจทางการค้าสูงซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ท่าเรือของนิวยอร์กสะดวกสบายกว่าท่าเรือของฟิลาเดเฟียและบอสตันเนื่องจากแม่น้ำฮัดสันที่ไหลผ่านนิวยอร์กมีความลึกกว่า จึงเดินเรือได้สะดวกและมีโอกาสเกิดน้ำแข็งน้อยกว่าด้วย ทำให้พ่อค้าจากประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามาค้าขาย อีกทั้งยังมีการสร้างคลองอีรีและทางรถไฟซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมสถานะของนิวยอร์กให้เป็นศูนย์กลางการค้าเชิงพาณิชย์และศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอเมริกา
2 ภาคส่วนที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับนิวยอร์ก
1. ภาคธุรกิจการเงิน นิวยอร์กเป็นศูนย์กลางการเงินที่ใหญ่ที่สุด บริษัทการเงินที่พวกเราคุ้นหูอย่าง JPMorgan ก็ถือกำเนิดขึ้นที่นิวยอร์ก นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีดัชนีสำคัญของโลก อย่าง Dow Jones, Nasdaq และ S&P 500
2. ภาคธุรกิจสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ภาพยนต์ โฆษณา ในช่วงที่มีแคมเปญโฆษณา จัดงานโชว์คอลเลคชั่นเสื้อผ้า อย่าง New York Fashion Week และจัดรอบสื่อภาพยนตร์เรื่องใหม่ ก็มักจะเลือกนิวยอร์กเป็นสถานที่ในการเปิดตัว
ภาพเปรียบเทียบ New York Times Square ปีค.ศ. 1900 และปีค.ศ. 2021 credit: https://www.reddit.com/r/OldPhotosInRealLife/comments/r83cme/times_square_a_few_years_apart/
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง
นิวยอร์กเป็นเมืองเศรษฐกิจของโลกทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยว สื่อบันเทิง การเงินและการลงทุน อีกทั้งยังมีบริษัทยักใหญ่หลายบริษัทเข้ามาตั้งสำนักงาน เช่น Pfizer, American Express และ PepsiCo ทำให้ผู้คนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หลั่งไหลกันเข้ามาทำงานในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ยิ่งทำให้ประชากรในนิวยอร์กมีจำนวนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและความต้องการที่พักอาศัยมีมากขึ้นส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นด้วย
4. London
https://grazietravel.com/travel-info/6%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99-london-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
ราคาเฉลี่ยของอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทอยู่ที่ประมาณ 23 ล้านบาท ซึ่งราคาเฉลี่ยของอพาร์ตเมนต์อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านบาท
ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 43 ชาวโรมันโบราณค้นพบพื้นที่หนึ่งซึ่งเป็นท่าเรือและสถานที่ทำการค้าเรียกว่า Londonium จากนั้นได้ทำการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์เพื่อการพาณิชย์และการเคลื่อนย้ายพลและไม่กี่ปีต่อมาก็มีประชากรเพิ่มขึ้น 40,000 คน
หลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลายในปีค.ศ. 476 เมืองลอนดอนโดนโจมตีหลายครั้งจากชาวไวกิ้งและผู้บุกรุกกลุ่มอื่นๆ ไม่นานลอนดอนก็กลายเป็นเมืองที่ไม่มีใครเหลียวแล แต่แล้วก็ได้มีการสร้างมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ขึ้น และเมื่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ได้รับชัยชนะเหนือสมรภูมิ Hastings ก็ได้มีการสร้างหอคอยแห่งลอนดอนขึ้นในปีค.ศ. 1078
เมื่ออำนาจของราชวงศ์ทิวดอร์และสจ๊วตเติบโตขึ้น เมืองลอนดอนถูกขยายพื้นที่ให้ใหญ่และมีความสำคัญมากขึ้น จนมีประชากรอาศัยอยู่ในลอนดอนถึง 100,000 คน และได้มีการก่อตั้งธนาคารแห่งแรกในปีค.ศ. 1694 ซึ่งบริหารโดย Huguenot John Houblon ซึ่งเขาเป็นคนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ลอนดอนเป็นศูนย์กลางการเงินระดับนานาชาติ
ในรัชสมัยของควีนวิคตอเรีย ลอนดอนได้รับการสถาปนาให้เป็นเมืองอันทรงเกียรติของจักรวรรดิอังกฤษในขณะเดียวกันก็มีการสร้างหอนาฬิกา Big Ben ขึ้น อีกทั้งสร้างรถไฟใต้ดินในปีค.ศ. 1863 เรียกได้ว่าเป็นรถไฟใต้ดินแห่งแรกของโลก
อุตสาหกรรมอันโดดเด่นของลอนดอนคือ อุตสาหกรรมการเงิน ลอนดอนเริ่มต้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการเงินโดยศึกษาต้นแบบมาจากเมือง Amsterdam ของเนเธอแลนด์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินและการค้าแห่งแรกของโลกในศตวรรษที่ 17 ต่อจากนั้นมาลอนดอนก็แข่งกับปารีสในด้านการเงินมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามต่อปรัสเซีย (เยอรมนี) ในปีค.ศ. 1871 ลอนดอนก็ได้ก้าวมาเป็นศูนย์กลางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นมาตำแหน่งนี้ก็กลายเป็นของนิวยอร์กไป
ภาพเมืองลอนดอนในสมัยก่อน credit: https://www.londonxlondon.com/old-london-bridge/
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง
1. เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทชื่อดังมากมาย เช่น ธนาคาร HSBC, British Petroleum และ Unilever อีกทั้งลอนดอนยังเป็นศูนย์กลางการเงินและการลงทุนรองจากนิวยอร์ก เป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางการศึกษาอันดับต้นๆ ของยุโรปและของโลก ทำให้ผู้คนเข้ามาหางานทำและพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ความต้องการที่พักอาศัยมีมากขึ้นส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นด้วย
2. คนต่างชาติสามารถซื้อที่ดินในลอนดอนได้ ซึ่งอาจซื้อไว้เก็งกำไร
3. นักลงทุนนานาชาติชอบมาลงทุน ส่วนหนึ่งเพราะขนบเรื่องตลาดเสรีแบบอังกฤษ ทำให้มองว่าอังกฤษมีการกำกับดูแลตลาดอสังหาฯ น้อยกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งค่าเช่าและราคาซื้อขายจึงสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
5. Singapore
https://smansasingaraja.sch.id/702-2/
ราคาเฉลี่ยของอพาร์ตเมนต์อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาท
เดิมทีเกาะแห่งนี้มีชื่อว่า ‘เทมาเส็ก‘ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ‘สิงหปุระ’ แล้วกลายเป็นคำว่า ‘สิงคโปร์ ’ ในปัจจุบัน สมัยก่อนเมืองแห่งนี้ถูกปกครองโดยกษัตริย์สิงหปุระ 5 พระองค์และเป็นเมืองท่าโดยมีเรือสินค้าต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาจอดตรงท่าเรือของเกาะแห่งนี้ เช่น เรือสำเภาจีน เรือใบของพ่อค้าชาวอาหรับ เรือรบโปรตุเกส และเรือใบของพ่อค้าชาวบูกิสจากเกาะสุลาเวสี จึงทำให้เกาะนี้มีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการค้า
ในศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดิอังกฤษกับจักรวรรดิดัตช์เป็นคู่แข่งทางการค้ากัน ทำให้อังกฤษต้องมองหาท่าเรือในภูมิภาคตะวันออกเพื่อกีดกันการได้เปรียบทางการค้า ซึ่งในขณะนั้นสิงค์โปร์เองก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าอยู่แล้วจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
Sir Stamford Raffles รองผู้ว่าการเมืองเบงคูเลน (ปัจจุบันคือ เบงกูลู) ของเกาะสุมาตรา ได้เดินทางมาขึ้นฝั้่งที่สิงคโปร์ เพื่อมาเจรจาทำสนธิสัญญากับบรรดาผู้ปกครองท้องถิ่นและก่อตั้งสิงคโปร์เป็นสถานีการค้า เกาะแห่งนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและโดดเด่นในเรื่องการให้บริการคลังสินค้าจนทำให้ผู้คนชนชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย มาเลย์ ต่างก็อพยพเข้ามาทำงานที่เกาะแห่งนี้ แล้วก่อกำเนิดวัฒนธรรมอันหลากหลายทั้งด้านการใช้ชีวิต ภาษา อาหาร และเครื่องแต่งกาย
ในปีค.ศ. 1822 Rafflesได้ประกาศใช้แผนการจัดการผังเมืองหรือเรียกอีกชื่อว่า แผนการแจ็คสัน เพื่อจัดการปัญหาความไร้ระเบียบของเมือง แบ่งบริเวณบ้านพักที่อยู่อาศัยเป็น 4 ส่วนตามเชื้อชาติ 1.เมืองยุโรป มีผู้พำนักเป็นชาวยุโรปและชาวเอเชียผู้มั่งคั่ง 2.ชุมชนชาวจีนตั้งอยู่บริเวณไชน่าทาวน์และด้านตะวันออกเฉียงใต้ของแม่น้ำสิงค์โปร์ 3.ชาวอินเดีย พักอาศัยในย่านชูเลีย กัมโปง 4.ย่านกัมโปง กลาม ที่มีชาวมุสลิมและชาวอาหรับอาศัยอยู่
สิงคโปร์ยังคงพัฒนาต่อเนื่องในฐานะสถานีการค้า โดยมีการตั้งธนาคารพาณิชย์ สมาคมนักธุรกิจและสภาหอการค้าที่สำคัญหลายแห่ง จนกระทั่งในปีค.ศ. 1924 มีการเปิดสะพานซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมทางตอนเหนือของสิงค์โปร์กับยะโฮร์ บาห์รูของมาเลเซีย
การมาถึงของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ทำให้สิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและถูกโจมตีโดยกองทัพญี่ปุ่น เป็นเหตุให้ฝ่ายอังกฤษยอมแพ้ต่อกองกำลังญี่ปุ่นในวันตรุษจีน (15 ก.พ. 1942) ต่อมากองทัพญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ. 1945 เกาะสิงคโปร์ถูกส่งมอบให้กับอังกฤษจากนั้นมีการยุบนิคมช่องแคบซึ่งประกอบไปด้วย เกาะปีนัง มะละกา และสิงค์โปร์ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1946 สิงคโปร์ได้กลายเป็นดินแดนอาณานิคมอังกกฤษ
ในปีค.ศ. 1959 กระแสชาตินิยมทวีคูณขึ้นนำไปสู่การปกครองตนเองและมีการจัดตั้งการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในสิงค์โปร์ ต่อมาในปีค.ศ. 1963 มีการก่อตั้งประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีสิงค์โปร์รวมอยู่ในนั้นด้วยแต่การควบรวมในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ 2 ปีถัดมาสิงคโปร์ได้ประกาศแยกตัวออกจากมาเลเซียและกลายเป็นประเทศเอกราชอย่างสมบูรณ์
ภาพถนน Collyer Quay ในสิงคโปร์ ปีค.ศ. 1900 credit: https://senicaproductions.com/stunning-old-photos-of-singapore/
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูง
1. สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางด้านการเงินของภูมิภาคทำให้สามารถดึงดูดแรงงานกลุ่ม talent ชาวต่างชาติที่มีฝีมือดีเข้าไปทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลเปิดวีซ่า ‘Overseas Network and Enterprises Pass’ เป็นวีซ่าพิเศษสำหรับดึงดูดแรงงานฝีมือระดับโลกเข้ามาทำงานในสิงค์โปร์ ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นด้วย
2. ไม่กี่ปีมานี้ จีนได้ออกนโยบาย Common Prosperity หรือนโยบายเจริญรุ่งเรืองร่วมกันเพื่อกระจายความมั่งคั่งในสังคมจีนและลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ทำให้การเป็นคนรวยในจีนเริ่มไม่มีความปลอดภัย คนจีนจึงเริ่มมองหาประเทศใหม่ อีกหนึ่งตัวเลือกก็คือ สิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาครองจากฮ่องกง มีนโยบายจ่ายภาษีในอัตราต่ำและมีเสถียรภาพทางการเมืองสูงทำให้คนจีนกลายเป็นชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในสิงคโปร์และอาจซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรและปล่อยเช่าในราคาที่สูง
Many thanks for all of the sources
โฆษณา